บางครั้งคนเราก็เป็นแบบนี้ สำหรับคนที่ไม่เคยทำผิดหรือคนที่ไม่ค่อยทำผิด เพียงแค่พวกเขาทำผิดเพียงเล็กน้อย มันก็จะจะขยายออกไปเรื่อยๆ
และพวกคนที่ชั่วร้าย เพียงแค่พวกเขาทำสิ่งดีๆ มันก็จะขยายออกไปเรื่อยๆเช่นกัน
ส่วนใหญ่แล้วคนเราจะโอบอ้อมอารีกับคนชั่วได้มากกว่า
มู่นวลนวลไม่แน่ใจว่าข่าวสีดำเป็นเรื่องจริง แต่เธอรู้ดีว่าชื่อเสียงของซือเฉิงยวี่ได้รับความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตามเธอเป็นแฟนคลับของนักแสดงคนนี้มาหลายปี ในใจของมู่นวลนวลจึงค่อนข้างสับสน
ตลอดทางอารมณ์ของมู่นวลนวลค่อนข้างหดหู่ เมื่อเธอกลับบ้านเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามโม่ถิงเซียว:“นี่เป็นเรื่องจริงหรอ?
ทันใดนั้นมู่นวลนวลก็เข้าใจขึ้นมาว่าในปีนั้นซือเฉิงยวี่ให้คนมาแอบถ่ายรูป และทำให้เธอเป็นหัวข้อประเด็นร้อน แต่โม่ถิงเซียวก็ยังให้โอกาสซือเฉิงยวี่
ในตอนนี้เธอก็เป็นเหมือนโม่ถิงเซียวในตอนนั้น
โม่ถิงเซียวไม่ได้คำนึงถึงตัวตนของซือเฉิงยวี่ เขาเป็นนักแสดงมาเจ็ดแปดปีแล้ว เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆจริงๆ
เพื่อนร่วมห้องสมัยมหาวิทยาลัยของเธอไม่ชอบสัตว์ตัวเล็กๆ เมื่อเขาเห็นลูกแมวลูกหมาก็จะเดินไปห่างๆ และไม่เคยเห็นเธอทำอะไรพวกมัน
ในทางจิตวิทยามีการบอกว่าการฆ่าสัตว์เล็กๆ เป็นการแสดงอาการผิดปกติทางจิต
หากไม่สามารถแก้ปัญหาทางจิตได้ทันเวลา ก็มีแนวโน้มจะเปลี่ยนจากการทรมาณสัตว์มาเป็นคน
เรียกสั้นๆได้ว่าจิตวิปริต
“จริงหรือเท็จ ใครจะสนใจ?” โม่ถิงเซียวไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
สิ่งที่เขาสนใจคือผลลัพธ์
เมื่อเห็นมู่นวลนวลขมวดคิ้ว เขาก็ครุ่นคิดและพูดอย่างจริงจังว่า:“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน จริงหรือไม่ก็ไม่แน่ แต่คนที่จัดการกับเขาคงเตรียมตัวมาอย่างดี พวกเขากล้าป่วยข่าวสีดำออกมา และไม่กลัวว่าจะถูกคนเจอช่องโหว่”
หาช่องโหว่ไม่เจอ……
“ความหมายของคุณคือ นี่เป็นเรื่องจริง?” มู่นวลนวลสีหน้าเปลี่ยน
โม่ถิงเซียวตบหัวของเธอ และพูดต่อว่า:“กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”
เขารู้ว่ามู่นวลนวลเป็นแฟนคลับของซือเฉิงยวี่ แต่ถ้านี่นี้เป็นเรื่องจริง มันก็จะส่งผลกระทบกับเธอนิดหน่อย
มู่นวลนวลพยักหน้า:“อืม”
เธอตั้งใจจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องสักหน่อย
แต่เมื่อเดินผ่านห้องของโม่เจียเฉิน มู่นวลนวลก็หยุด
โม่เจียเฉินกลับมาถึงก่อน เขาบอกว่าไม่ได้มาอยู่นานแล้ว และในห้องก็ไม่เหมือนเดิม
จู่ๆเขาก็เปิดประตูห้องออกมา
“พี่นวลนวล?” โม่เจียเฉินเห็นมู่นวลนวลยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่ตกใจ
มู่นวลนวลโค้งริมฝีปาก และยิ้มแห้งๆ:“พอดีฉันเดินผ่านมา กำลังจะกลับห้อง”
โม่เจียเฉินลดเปลือกตาลง ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร:“อ้อ พี่จะกลับห้องมีอะไรรึเปล่า?”
มู่นวลนวลมองไปที่โม่เจียเฉินอย่างระมัดระวัง และพบว่าดวงตาของเขาเหมือนจะแดงนิดหน่อย
เธอไม่ได้ถามเขาตรงๆ แต่พูดว่า:“ฉันไม่มีอะไร”
เห็นได้ชัดว่าโม่เจียเฉินมีบางอย่างจะพูดกับเธอ แต่แสร้งทำเป็นผ่อนคลายและพูดว่า:“งั้นไปดูหนังด้วยกันไหม?”
“ได้สิ” ความคิดของเด็กๆยากที่จะซ่อนไว้ แต่มู่นวลนวลไม่ได้ทำลายความคิดของเขา
ที่คฤหาสน์มีห้องฉายหนัง เพียงแค่มู่นวลนวลไม่อยากจะเข้าไปดูคนเดียว
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้าไป
ข้างในห้องใหญ่มาก โซฟาก็กว้างมาก ทั้งสองคนนั่งถือกล่องมันฝรั่งทอด และรอให้หนังเริ่มฉาย
หนังเรื่องนี้โม่เจียเฉินเป็นคนเลือก และมู่นวลนวลก็พบว่ามันเป็นการ์ตูนเด็ก
“ผ่าม”
มู่นวลนวลใส่มันฝรั่งทอดเข้าปาก:“นายแน่ใจนะว่าจะดูเรื่องนี้?”
โม่เจียเฉินหยิบมันฝรั่งทอดหนึ่งกำมือยัดเข้าปาก และพูดอย่างคลุมเครือว่า:“เคารพผู้อาวุโสและรักเมตตาเด็กรู้จักไหม?เราจะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ ต้องนึกถึงหลายชายด้วย”
“หลานชาย?”
โม่เจียเฉินชี้ไปที่ท้องของเธอ:“น่า เขาอยู่ในนี้”
“……”
มู่นวลนวลไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี:“ตอนนี้เขาเป็นแค่มารกในครรภ์เท่านั้น”
โม่เจียเฉินหันไปตามเสียงของหนังด้วยความสงสัย:“งั้นเขาก้ไม่ได้ยินที่เราคุยกัน?”
“อืม”
มู่นวลนวลก้มลงแตะหน้าท้องแบนๆของตัวเองเบาๆ และหันไปมองโม่เจียเฉิน:“นายจะคุยอะไรกับฉัน?”
“เรื่องพี่ชายของผมกับลูกพี่ลูกน้อง ผมรู้หมดแล้ว” โม่เจียเฉินพูดจบแล้วก็ถอนหายใจเหมือนกับคนแก่
“อืม” มู่นวลนวลรู้ว่าเขามีอะไรจะพูดจึงไม่ขัดจังหวะ
“อย่างที่เคยบอกไปว่าผมใช้เวลาอยู่กับลูกพี่ลูกน้องมากกว่าอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายแท้ๆของผม พ่อแม่ของฉันดูรักใคร่กันมาก และพี่ชายของฉันก็ดูอ่อนโยนมากเช่นกัน แต่ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง……”
มู่นวลนวลผงะ:“มีอะไรหรอ?”
แม้ว่าคำพูดของโม่เจียเฉินจะฟังดูลึกลับเล็กน้อย แต่มู่นวลนวลก็ฟังออกมานั่นคือความในใจของเขา
“ผมก็ไม่สามารถบอกความรู้สึกนี้ได้……” โม่เจียเฉินเกาหัวของเขาด้วยความกลัดกลุ้มใจ และจู่ๆเขาก็วิ่งไปดึงดอกไม้ปลอมในแจกันมา
เขาถือดอกไม้ไว้ตรงหน้ามู่นวลนวล:“ก็เหมือนกับดอกไม้นี้ สวยและเหมือนจริงมาก แต่มันก็เป็นของปลอม”
“ความหมายของนายคือ นายจะบอกว่าคนในครอบครัวนายล้วนแต่เสแสร้ง?” คำสุดท้าย “เสแสร้ง” มู่นวลนวลพูดอย่างแผ่วเบา เพราะเธอก็ไม่แน่ใจว่านี่คือความหมายของโม่เจียเฉินหรือไม่
“ผมคิดว่าพวกเขาทุกคนล้วนแต่ใส่หน้ากาก”
โม่เจียเฉินก้มหน้าลง ใบหน้าของเขาตึงเครียดและคิ้วขมวดเข้าหากัน
มู่นวลนวลไม่รู้สถานการณ์ในครอบครัวของโม่เจียเฉิน นิสัยของพ่อแม่เขาเป็นยังไง เธอก็ไม่รู้
แต่สิ่งที่เธอรู้ก็คือซือเฉิงยวี่พี่ชายของเขาต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ
มู่นวลนวลถามเขาอย่างไม่แน่ใจ:“นายเห็นข่าวพี่ชายของนายในโซเชียลรึยัง?”
“เห็นแล้ว” โม่เจียเฉินสีหน้าเปลี่ยน:“ตอนที่ผมยังเด็กๆ ที่บ้านของผมมีแมวตัวใหญ่สีขาว ผมกับลูกพี่ลูกน้องชอบมาก มันมักจะนอนในห้องของเรา แต่มีคืนหนึ่งที่มันไปหาพี่ชายของผมที่ห้อง แล้วพอตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาเห็นมันนอนอยู่บนขอบรั้วที่เต็มไปด้วยเลือด……”
เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย:“แม่บอกว่า มันถูกหมาอัลเซเชียนกัดตาย……”
มู่นวลนวลลูบหัวเขา และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ไม่ต้องคิดแล้ว ในเมื่อแม่นายบอกว่ามันถูกหมาอัลเซเชียนกัดตาย ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”
โม่เจียเฉินส่ายหัว:“แต่พี่สาวของเพื่อนบ้านบอกว่าหมาอัลเซเชียนของบ้านเขา
ถูกล่ามไว้ที่สนามหญ้าตลอด เธอไม่น่าจะโกหก และเธอก็ชอบแมวตัวใหญ่สีขาวของบ้านเรามาก”
มู่นวลนวลไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
โม่เจียเฉินอยู่ในวัยที่ดื้อรั้น แต่ก็อ่อนไหวที่สุดเช่นกัน
เขารู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงของแต่ละคนในครอบครัว
ตามที่เขาพูด นอกจากเรื่องข่าวสีดำของซือเฉิงยวี่ที่ถูกเปิดเผย ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้กลมกลืนกันอย่างที่เห็น
ครอบครัวของเขาต้องมีปัญหาแน่ๆ