ในเวลาที่โม่ถิงเซียวกลับมาถึงในห้อง มู่นวลนวลยังไม่ตื่น
เขาเพิ่งจะสูบบุหรี่ บนนิ้วมือยังมีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่
เขาถอดเสื้อโค้ทวางไว้ข้างเตียง มองดูมู่นวลนวล ก็เดินเข้าไปล้างมือในห้องอาบน้ำ
ในเวลาที่ออกมา ก็มองเห็นมู่นวลนวลนั่งกอดผ้านวมนั่งพิงหัวเตียง สีหน้าที่แสดงออกมายังมึนงงเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนว่าเพิ่งจะตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ”
โม่ถิงเซียวเดินเข้าที่บนเตียงและนั่งลงข้างๆ
มู่นวลนวลขมวดคิ้วขึ้น“คุณสูบบุหรี่เหรอ?”
โม่ถิงเซียวชะงักไปเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่ามู่นวลนวลจะจมูกว่องไวขนาดนี้ เขาก็พยักหน้าเป็นการยอมรับ“อืม”
ทันทีหลังจากนั้นก็เพิ่มประโยคเข้าไป“สูบบุหรี่แค่มวนเดียว สูบไม่กี่ครั้ง”
ในเวลาที่ตั้งครรภ์จมูกของมู่นวลนวลประสาทว่องไวกว่าเมื่อก่อนมาก
“เมื่อก่อนฉันนึกว่าคุณไม่สูบบุหรี่”มู่นวลนวลแทบจะไม่เคยเห็นโม่ถิงเซียวสูบบุหรี่ ดังนั้นเธอนึกว่าโม่ถิงเซียวไม่สูบบุหรี่
โม่ถิงเซียวยิ้มเบาๆ ไม่ได้พูดจา
ความจริงเขาไม่ค่อยจะสูบบุหรี่ เขาไม่ได้มีอาการอยากสูบบุหรี่
ถึงอย่างไรการสูบบุหรี่ก็ทำร้ายร่างกาย เขาต้องรักษาชีวิตตัวเอง
แต่ช่วงนี้เรื่องราวค่อนข้างจะเยอะ บางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่อยากสูบบุหรี่สักมวน ส่วนใหญ่เป็นเวลาที่มู่นวลนวลไม่อยู่ เขาจึงจะสูบบุหรี่
โม่ถิงเซียวไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นก็พูด“ต่อไปถ้าได้พบเจอกับซือเฉิงยวี่ อยู่ห่างๆจากเขา”
ถึงแม้ว่าเวลาที่เขาไม่อยู่ เขาก็จะจัดการบอดี้การ์ดไว้คอยดูแลมู่นวลนวลจำนวนมาก แต่ช่วงหลายวันนี้อยู่ในบ้านเก่า มู่นวลนวลหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะปะทะกับซือเฉิงยวี่
มู่นวลนวลเหลือบไปเห็นเสื้อโค้ทของโม่ถิงเซียววางอยู่ที่ข้างเตียง เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เวลาที่เธอนอนหลับ เสื้อโค้ทของโม่ถิงเซียววางอยู่บนโซฟา
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอหลับ โม่ถิงเซียวออกไปด้านนอก
มู่นวลนวลถามด้วยการคาดคะเน“คุณกับเขาไปเจอกัน?พวกคุณพูดอะไรกัน?”
“ไม่ได้พูดอะไร” สีหน้าของโม่ถิงเซียวเย็นชาเล็กน้อย“ฉันกับเขาตอนนี้ยังจะพูดอะไรกันได้อีก”
มู่นวลนวลจับมือของโม่ถิงเซียวปลอบโยน ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
…
อยู่ที่บ้านเก่านี้ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ นอกจากมู่นวลนวลจะไปกินข้าว ก็พักอยู่ในห้อง
เพียงแต่ หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ เจ้าสัวโม่ก็เรียกเธอให้เป็นเพื่อนเขาดูโทรทัศน์ในห้อง
มู่นวลนวลยังนึกว่าเจ้าสัวโม่มีเรื่องอะไรจะพูด ผลลัพธ์คือให้เธอเป็นเพื่อนเขาดูโทรทัศน์เท่านั้นเอง
รายการที่ผู้สูงอายุชอบดูก็เป็นรายการตลกเหล่านั้น มู่นวลนวลรู้สึกเบื่อนิดหน่อย แต่เจ้าสัวโม่ดูอย่างสนุกสนาน ก็ทำได้แค่อยู่เป็นเพื่อน
โชคดีที่เจ้าสัวโม่ยังเป็นห่วงร่างกายของมู่นวลนวล ให้เธออยู่เป็นเพื่อนดูโทรทัศน์หนึ่งชั่วโมงก็เร่งรัดให้เธอกลับห้องไปพักแล้ว
เจ้าสัวโม่หรี่ตามองมู่นวลนวลหลายวินาที“เธอกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ให้โม่ถิงเซียวเข้ามา ฉันมีเรื่องจะพูดกับเขา”
ก่อนหน้าที่เจ้าสัวโม่จะให้มู่นวลนวลไปเป็นเพื่อนเขาดูโทรทัศน์ แน่นอนว่าโม่ถิงเซียวอยากจะเข้ามาด้วย เพียงแต่มู่นวลนวลไม่ให้เขาเข้ามา
เดิมทีเจ้าสัวโม่ก็เป็นคนที่มีรสนิยมสูง ถ้าหากว่าโม่ถิงเซียวแสดงออกว่าใส่ใจเธอมากก็จะไม่ดี
“อืม”มู่นวลนวลลุกขึ้นยืน จะเดินออกไป
“นวลนวล”
ในเวลาที่เธอเดินใกล้ถึงประตู ได้ยินเจ้าสัวโม่เรียกเธอจากด้านหลัง
มู่นวลนวลหันหน้ากลับมา“ทำไมคะ คุณปู่”
ในช่วงที่เจ้าสัวโม่ยังวัยรุ่นก็เป็นคนเจ้าชู้ แต่เพราะว่าบรรพบุรุษได้เกี่ยวดองกัน ก็เลยต้องแต่งงานเร็วมาก
เล่ากันว่าคุณย่าของโม่ถิงเซียวอายุมากกว่าเจ้าสัวโม่สองปี หลังจากที่ทั้งสองได้แต่งงานกันก็เข้ากันได้ดีมาก แต่เขาไม่ใช่คนที่อยู่ติดบ้าน
ในบ้านมีแค่ภรรยาคนเดียว ด้านนอกก็เลี้ยงเมียน้อยไว้จำนวนมาก และมีลูกนอกสมรสบางส่วน
เพียงแต่ทุกคนไม่ได้ดีเด่น ไม่เคยมีสักคนที่เขาชอบจนอยากรับมาไว้ในตระกูลโม่
เรื่องนี้ มู่นวลนวลได้ฟังมาจากเซินเหลียง
เจ้าสัวโม่เป็นบุคคลที่บทบาทสูง ถึงแม้ว่าจะเลี้ยงดูผู้หญิงและลูกด้านนอกมากมาย แต่ก็ไม่เคยมาก่อความวุ่นวายในตระกูลโม่ ให้เกียรติกับภรรยาของเขาเป็นอย่างมาก
เพราะว่าแต่งงานเร็ว ถึงแม้ว่าซือเฉิงยวี่หลานชายคนโตของเขาจะอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ปีนี้เขาจึงอายุเจ็ดสิบต้นๆแล้ว
ช่วงอายุนี้ คนชราธรรมดาที่เกษียณก็อยู่บ้านดูแลรักสุขภาพ ถ้าหากไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยรุนแรง ยังคงร่างกายแข็งแรงมาก
ตระกูลโม่เป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย เจ้าสัวโม่ทานอาหารและเครื่องดื่มที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีนักโภชนาการเฉพาะทาง
เพียงแต่ เจ้าสัวโม่ในตอนนี้นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียวท่าทางโดดเดี่ยว ดูเหมือนจะเศร้าโศกและดูแก่ขึ้นกว่าปกติ บนร่างกายถอดความน่าเกรงขามของผู้ดูแลครอบครัว ดูเหมือนกลับจะเหนื่อยล้า ทำให้คนเกิดความสงสาร
มู่นวลนวลในเวลานี้ รู้สึกได้อย่างชัดเจนมาก เจ้าสัวโม่ใช้ชีวิตไม่สบายใจ
“เรื่องก่อนหน้านี้ เป็นเพราะปู่เลอะเทอะ หลังจากนี้เรื่องของเธอกับโม่ถิงเซียวฉันจะไม่ยุ่งแล้ว พวกเธอสองคนดูแลกันเอง”
น้ำเสียงของเจ้าสัวโม่แหบเล็กน้อย รู้สึกว่าเหมือนกำลังพูดสั่งเสีย
มู่นวลนวลสีหน้าเปลี่ยน เสียงก็อดไม่ได้ที่จะสูงขึ้น“คุณปู่!”
เธอรู้ว่าเจ้าสัวโม่พูดคือเรื่องก่อนหน้านี้ที่ส่งฉินซุ่ยซานกลับไป ความจริงในใจมู่นวลนวลตำหนิเขาเล็กน้อย เพราะว่าเรื่องนี้ในจึงรู้สึกขัดข้อง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก
เพราะว่าโม่ถิงเซียวเอาใจใส่กับเธอมาก
เพียงแค่ในใจของโม่ถิงเซียวมีเธอ คนอื่นจะคิดอะไร ทำอะไร สำหรับเธอก็ไม่สำคัญ
แต่ว่า น้ำเสียงของเจ้าสัวโม่ตอนนี้ ทำให้ในใจเธอไม่สงบ
“พอเถอะ รีบไปสิ ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว เรียกโม่ถิงเซียวเข้ามาเร็วๆ อีกไม่นานฉันก็จะต้องนอนหลับแล้ว”เจ้าสัวโม่โบกมือ ท่าทางเหมือนรำคาญที่จะฟังเธอพูด
มู่นวลนวลไม่วางใจมองเขาอีกครั้ง รีบผลักประตูกลับไปถึงห้อง
โม่ถิงเซียวใส่ชุดนอนนั่งพิงหัวเตียงเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่บนเตียง ใบหน้ายังคงเรียบเฉย ดูเหมือนว่าเล่นเกมไม่สนุก
ชมองไปที่หน้าประตูบ่อยๆ แสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่ได้มีกะจิตกะใจเล่นเกม
ชเมื่อมองเห็นมู่นวลนวลผลักประตูเข้ามา เขานำโทรศัพท์วางไว้ข้างๆ ลุกขึ้นลงมาจากเตียงตรงไปที่มู่นวลนวล
“เจ้าสัวโม่ไม่ได้ทำให้คุณลำบากใจ?”โม่ถิงเซียวพูด พลางสังเกตเธออย่างละเอียด
แน่ใจแล้วว่าเธอไม่มีอะไรผิดปกติ จึงถอนสายตาที่สังเกตอย่างอย่างละเอียดกลับมา
มู่นวลนวลส่ายหน้า นำคำพูดของเจ้าสัวโม่พูดส่งต่อให้กับโม่ถิงเซียว“คุณปู่ให้คุณไปหาท่าน พูดว่ามีเรื่องจะต้องพูดกับคุณ ให้คุณรีบเข้าไป ถ้าช้าท่านก็จะเข้านอนแล้ว”
โม่ถิงเซียวได้ฟัง ไตร่ตรองชั่วขณะจึงถาม“ยังมีอีกไหม?ท่านยังพูดอะไรกับคุณอีก?”
“ไม่ได้พูดอะไร ก็แค่ดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนท่าน”มู่นวลนวลขมวดคิ้มขึ้น“แต่ฉันรู้สึกว่าคุณปู่ดูแปลกประหลาด น้ำเสียงก็ผิดปกติ…”
เธอรู้สึกว่าเจ้าสัวโม่กำลังสั่งเสียจริงๆ แต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้าโม่ถิงเซียว
ถึงอย่างไรเจ้าสัวโม่เป็นญาติของโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลถอนหายใจออกมา“คุณไปก็จะรู้เอง”
เธอสามารถฟังออกว่าน้ำเสียงของเจ้าสัวโม่ไม่ปกติ โม่ถิงเซียวฉลาดขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องฟังออก ไม่กล้าที่จะพูดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
โม่ถิงเซียวเห็นมู่นวลนวลท่าทางขมวดคิ้วและถอนหายใจ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
“ฉันเข้าไปหาคุณปู่ก่อน เธอนอนหลับก่อนได้เลย”หลังจากที่สั่งมู่นวลนวล เขาก็ออกไป