เสียงของคนรับใช้ดึงดูดให้คนเข้ามา
มู่นวลนวลรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอ เมื่อเห็นผู้คนรายล้อมอยู่รอบๆเจ้าสัวโม่ มู่นวลนวลจึงวิ่งลงไป
โม่เหลียนก็ส่งเสียงเรียกและเดินเข้ามา:“พ่อ!พ่อเป็นอะไร พ่อ?”
เธอวิ่งลงบันไดไปได้เพียงสองก้าวก็เห็นโม่ถิงเซียวกับโม่ชิงเฟิงรีบเดินเข้ามา
ราวกับว่าส่งกระแสจิต โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เธอ เขาขมวดคิ้วราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็มองเธอโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
สายตาของเขาดูเยือกเย็นมาก
มู่นวลนวลเดินลงไป คุกเข่าลงที่พื้นแล้วตะโกนเรียก:“คุณปู่?”
เจ้าสัวโม่ตกลงมาจากบันไดที่สูงมาก ทำให้มีเลือดออกเยอะ อีกทั้งเขาก็อายุมากแล้ว ไม่มีใครกล้าขยับเขาสุ่มสี่สุ่มห้า
เจ้าสัวโม่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ คงจะเป็นลมแล้วตกลงไป
ไม่นานหมอประจำตระกูลก็มา เขาจัดการกับเจ้าสัวโม่ และจากนั้นก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
มีคนส่วนหนึ่งตามไปที่โรงพยาบาล
เมื่อเขากำลังจะจากไปโม่ชิงเฟิงก็หันหน้าไปมองคนรับใช้ที่เห็นว่าเจ้าสัวโม่ตกลงมาในตอนแรก:“พวกเธอก็ตามไปด้วย”
โชคดีที่มีโรงพยาบาลเอกชนภายใต้การบริหารของโม่กรุ๊ป และสามารถทำการผ่าตัดได้ทันที
“จากการวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่ามีเลือดออกในกะโหลกศีรษะ และร่างกายมีกระดูกหักหลายจุด สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดี จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน”
คำพูดของหมอทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และบรรยากาศก็นิ่งสงบ
เมื่อประตูห้องผ่าตัดปิดลง ทุกคนก็รออยู่ข้างนอก
มู่นวลนวลเหลือบมองโม่ถิงเซียวข้างๆ เธอเห็นเขาสีหน้าเย็นชา จึงยื่นมือไปจับมือของเขา
แต่โม่ถิงเซียวไม่ได้จับมือเธอกลับเหมือนอย่างเคย และไม่หันกลับมามองเธอ
ในทางเดินที่เงียบสงัด เสียงของโม่ชิงเฟิงก็ดังขึ้น
“ใครเจอนายเจ้าสัวคนแรก?” น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึม
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินก็มองไป
“ฉันเอง” คนที่ตอบคือคนรับใช้ที่ตามมาด้วย
ดูเหมือนว่าคนรับใช้จะกลัวว่าโม่ชิงเฟิงจะตำหนิเธอเพราะเรื่องนี้ สีหน้าของเธอเคร่งเครียด และน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอชี้นิ้วไปที่มู่นวลนวล:“ฉันได้ยินเสียงของคุณนายจึงเดินเข้าไป แต่หลังจากที่ฉันเข้าไป เจ้าสัวก็ล้มลงแล้ว……”
เมื่อโม่ชิงเฟิงได้ยินอย่างนั้น เขาก็มองไปที่มู่นวลนวล:“นวลนวล เธอพูดมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
ทันทีที่เขาพูดออกมา สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่มู่นวลนวล
ในใจของมู่นวลนวลมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
พวกเขาคิดว่าเธอผลักเจ้าสัวโม่ตกบันได?
มู่นวลนวลสงบสติอารมณ์และพูดว่า:“ก่อนหน้านั้นมีคนรับใช้มาเรียกฉัน บอกว่าคุณปู่บอกให้ฉันไปหา ตอนที่ฉันไปหาเขาที่ห้อง ที่นั่นไม่มีคนอยู่ ฉันได้ยินเสียงเอะอะที่บันได จึงรีบเดินไปดู และเห็นว่าคุณปู่……ล้มลงมาแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นโม่ชิงเฟิงก็ถามอย่างใจเย็น:“คนรับใช้คนนั้นบอก?”
มู่นวลนวลส่ายหัว:“ฉันไม่รู้ ตอนนั้นคนรับใช้คนนั้นเรียกฉันอยู่ที่ด้านนอกห้อง”
โม่ชิงเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่มู่นวลนวลที่กำลังจะพูด โม่ถิงเฟิงเดินมาขวางข้างหน้าเธอ และพูดด้วยสีหน้าเย็นชา:“คุณกำลังสงสัยว่ามู่นวลนวลผลักคุณปู่ตกลงมาจากบันได?”
โม่ชิงเฟิงเงยหน้าขึ้นมองโม่ถิงเซียว:“นายท่านเกิดเรื่องขึ้นที่บ้าน แน่นอนว่าต้องซักถามทุกคนที่เกี่ยวข้อง”
โม่ถิงเซียวหัวเราะอย่างไม่พอใจ:“ทุกคนล้วนดูออกว่าคุณปู่ชอบมู่นวลนวลมาก เธอมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้นกับคุณปู่?”
“แน่นอนว่าเธอมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น!”
ทันใดนั้นเสียงของโม่เอินหยาก็ดังขึ้น
เมื่อทุกคนหันไปมองก็เห็นว่าโม่เอินหยากับซือเฉิงยวี่เดินมาด้วยกัน
หลังจากที่พวกเขารู้ว่านายท่านตกบันไดก็รีบมา
โม่ชิงเฟิงดุโม่เอินหยาอย่างรุนแรง:“เอินหยา รู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?”
“แน่นอนว่าฉันรู้ฉันกำลังพูดอะไร!”
ขณะที่พูดโม่เอินหยาก็หันไปมองมู่นวลนวล เธอยิ้มและพูดว่า:“มู่นวลนวลเธอรู้สึกไม่พอใจที่คุณปู่ส่งผู้หญิงไปที่คฤหาสน์ของพี่สาม ดังนั้นเธอจึงลงมือกับคุณปู่อย่างโหดเหี้ยม?”
มู่นวลนวลสีหน้าเปลี่ยน และมองโม่เอินหยาด้วยความไม่เชื่อ:“ฉันเปล่านะ”
“เปล่า?” โม่เอินหยายิ้มมุมปาก:“ในช่วงสองวันที่ผ่านมาในตระกูลโม่ก็มีเธอคนเดียวที่เป็นคนแปลกหน้า นอกจากเธอแล้วจะเป็นใครได้อีก?และยังจะมีใครที่ใจร้ายลงมือกับคุณปู่ได้ลงคอ?เธอบอกว่าเธอเปล่า?พี่สามเชื่อเธอหรอ?”
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้น หัวใจของเธอก็บีบแน่น
โดยสัญชาตญาณของเธอ เธอรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวจะเชื่อเธอ
แต่นั่นก็เป็นเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น
เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวค่อยๆดึงมือของเขาออกจากมือของเธอ เขาจ้องมองเธอและพูดว่า:“เธอเกลียดคุณปู่เพราะเรื่องนั้นจริงๆหรอ?”
ในสมองของมู่นวลนวลมีีเสียงดัง “หึ่งๆ”
โม่ถิงเซียวก็กำลังสงสัยเธอ?
เขาไม่พูดอยางตรงไปตรงมาว่าเชื่อเธอ แต่ถามเธออย่างสงสัย
มู่นวลนวลรู้สึกว่าความเหน็บหนาวแทรกซึมเข้ามาจากเท้าของเธอ
เธอยังคงส่ายหัวเหมือนกับในตอนแรก และปฏิเสธว่า:“ฉันเปล่า”
โม่ถึงเซียวเหลือบไปมองเธอ แล้วละสายตาออกมา จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เธอมีพยานในที่เกิดเหตุหรือไม่?ตอนนั้นมีคนที่อยู่ข้างๆเธอไหม?”
มู่นวลนวลถอยหลังไปครึ่งก้าว เธอมองโม่ถิงเซียวด้วยสายตาที่ไม่คุ้นเคย:“โม่ถิงเซียว คุณหมายความว่ายังไง?ตอนนี้คุณให้ฉันเป็นผู้ต้องสงสัยที่ทำร้ายคุณปู่ ดังนั้นคุณจึงเริ่มสอบสวนฉัน?”
เสียงของโม่ถิงเซียวไม่แสดงออกใดๆ:“ตอบคำถามของฉัน”
เสียงสุดท้ายของเขายังพูดไม่ทันจบ มู่นวลนวลก็พูดเสียงดังว่า:“ฉันไม่ตอบ!
“ฉันไม่ได้ทำร้ายคุณปู่ มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องยอมให้คุณมาสอบสวน!”
ถ้าในตอนนี้คนที่ถามคำถามเธอคือโม่ชิงเฟิง มู่นวลนวลก็คงไม่ต่อต้านอย่างนี้
เธอไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะเป็นคนแรกที่ตั้งคำถามกับเธอด้วยความสงสัย
โม่ชิงเฟิงยืนขึ้นและตบไหล่โม่ถิงเซียว :“ถิงเซียว พูดคุยกันดีดี นวลนวลกำลังท้องอยู่นะ ตอนนี้คุณปู่ยังอยูในห้องผ่าตัด และเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ต้องสงสัย แต่นวลนวลเป็นภรรยาของแก แกไม่ควรจะสงสัยเธออย่างนี้”
คำพูดของโม่ชิงเฟิงดูเหมือนจะสมเหตุสมผลในแวบแรก แต่หลังจากได้ลิ้มรสมาสองครั้งก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าโม่ชิงเฟิงถามว่าใครเป็นคนพบเจ้าสัวโม่ก่อน ตอนนี้กลับออกมาพูดไกล่เกลี่ย และบอกว่าเรื่องนี้ยังได้ข้อสรุป……
เมื่อโม่เอินหยาได้ยินที่โม่ชิงเฟิงพูด ใบหน้าของเขาดูไม่ยอม:“คุณลุง เรื่องของคุณปู่แน่นอนว่าต้องมีส่วนเกี่ยวกับมู่นวลนวล!”
“เอินหยา อย่าเอะอะ คุณปู่ยังอยู่ในห้องผ่าตัด รอให้เขาผ่าตัดแล้ว พวกเราค่อยมาจัดการเรื่องนี้กัน แต่……”
โม่ชิงเฟิงพูดถึงตรงนี้แล้วก็หยุด เขากวาดสายตามองทุกคน แล้วก็ไม่หยุดที่มู่นวลนวล:“ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถไปจากที่นี่ได้โดยพลการ”