ไม่สามารถออกไปได้หากไม่ได้รับอนุญาต แสดงว่าสิทธิเสรีภาพได้ถูกจำกัดไว้
มู่นวลนวลไม่ได้โต้แย้ง
ตอนนี้เธอเป็นห่วงเจ้าสัวโม่มาก
แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าสัวโม่จะส่งผู้หญิงไปที่คฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว แล้วทำให้มู่นวลนวลรู้สึกแย่กับเขา แต่ก่อนหน้านี้ที่เจ้าสัวพูดกับเธอ ในใจของเธอก็เธอก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเขาอีก
ยิ่งไปกว่านั้นโม่ถิงเซียวต้องเสียใจมาก
เมื่อนึกถึงโม่ถิงเซียว สีหน้าของมู่นวลนวลก็อดไม่ได้ที่จะเย็นชา
ที่ทางเดินก็เงียบลงอีกครั้ง
แม้ว่าโม่เอินหยาจะไม่พอใจกับการกระทำของโม่ชิงเฟิง แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร
ถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าสัวโม่ก็นอนอยู่ในห้องผ่าตัดเป็นตายยังไม่รู้แน่ และแน่นนอนว่าคนที่คำพูดดูมีน้ำหนักมากที่สุดก็คือโม่ชิงเฟิง
และจู่ๆโม่ถิงเซียวก็พูดอย่างใจเย็นว่า:“แจ้งตำรวจเถอะ”
คำพูดของเขาดึงดูดความสนใจของทุกคน
มู่นวลนวลหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาและเพอร์เฟคของโม่ถิงเซียว เธอหรี่ตาลง
เขาดูสงบเยือกเย็น แต่ท่าทางของเขาดูเคร่งขรึม บ่งบอกอารมณ์ของเขาในเวลานี้
และหลังจากนั้นเขาก็พูดอีกครั้ง:“ในเมื่อคุณสงสัยว่าคุณปู่ถูกผลักตกบันได ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มีคนทำ อย่างนั้นก็ต้องแจ้งตำรวจให้ตรวจสอบให้ชัดเจน”
เขาพูดกับโม่ชิงเฟิง
มู่นวลนวลเห็นอย่างชัดเจนว่าสีหน้าของโม่ชิงเฟิงดูแปลกๆ ราวกับว่าเขาตื่นตระหนกกับข้อเสนอของโม่ถิงเซียว
ทำให้ในใจของมู่นวลนวลรู้สึกไม่แน่ใจ
ถ้าโม่ชิงเฟิงสงสัยว่ามีคนจงใจทำร้ายคุณปู่จริงๆ การแจ้งตำรวจก็ถือเป็นขั้นตอนปกติ
โม่ชิงเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า:“โอเค งั้นก็แจ้งตำรวจ”
จากนั้นโม่ชิงเฟิงจึงให้คนแจ้งตำรวจ แต่เนื่องจากเป็นวันปีใหม่ ตำรวจไม่ได้ออกมาอย่างรวดเร็ว จึงให้พวกเขาปกป้องสถานที่เกิดเหตุไว้ให้ดี
ส่วนมู่นวลนวลและคนอื่นๆก็รอเจ้าสัวโม่อยู่ที่โรงพยาบาล
มู่นวลนวลเพิ่งตื่นขึ้นมา เธอยังไม่ได้ทานอะไรก็ต้องมาที่โรงพยาบาล
ระหว่างที่รอเจ้าสัวโม่ผ่าตัดเสร็จ เธอก็รู้สึกหิวนิดหน่อย
ในสภานการณ์อย่างนี้ แม้ว่าเธอจะหิว แต่เธอก็สามารถทนได้
การผ่าตัดของเจ้าสัวยังไม่เสร็จสิ้น และมู่นวลนวลก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอดทนได้อีกนานแค่ไหน
ทันใดนั้นซือเย่ก็พาคนคนหนึ่งมาที่ทางเดิน
เขาเดินตรงไปหาโม่ถิงเซียว และเมื่อเดินผ่านโม่ชิงเฟิงเขาก็พยักหน้าเพื่อเป็นการทักทาย
ซือเย่ไปยืนอยู่ข้างหน้าโม่ถิงเซียว:“คุณชาย”
โม่ถิงเซียวเหลือบมองไปที่มู่นวลนวล แล้วพูดกับซือเย่:“พาคุุณหญิงกลับไป”
มู่นวลนวลหันหน้าไปมองโม่ถิงเซียว
ทำไมต้องให้พาเธอกลับไป
“ฉันจะอยู่ที่นี่รอให้คุณปู่ฟื้นขึ้นมา” ถ้าเจ้าสัวโม่ฟื้นขึ้นมา เธอก็คงจะพ้นจากการตกเป็นผู้สงสัย
และในทันทีทันใดนั้น โม่ถิงเซียวก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“เธออยู่ที่นี่ ฉันเห็นแล้วก็ขวางหูขวางตา”
“โม่ถิงเซียว!”
“อย่าคิดว่าเธอเป็นภรรยาของฉันแล้วเธอจะทำอะไรก็ได้ ตอนนี้เธอเป็นผู้ต้องสงสัยว่าผลักคุณปู่ตกบันได ฉันขอให้ซือเย่พาเธอกลับไปที่บ้านเก่าก็เพื่อเฝ้าดูเธอ และไม่ให้เธอหนีไป”
มู่นวลนวลแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโม่ถิงเซียวจะพูดแบบนี้
แต่น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวเย็นชา และดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องตลกเลย
เขาไม่ได้เหลือบไปมองมู่นวลนวลเลยสักนิด และกำชับซือเย่ว่า:“ซือเย่ ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอ?พาคุณหญิงกลับไปที่บ้านเก่า แล้วเฝ้าเธอไว้ให้ดี!”
“เชิญครับคุณหญิง” ซือเย่เดินไปที่ข้างหน้ามู่นวลนวล และพยักหน้าด้วยความเคารพ
มู่นวลนวลหันหน้าที่ซีดเซียวของเธอไปมองโม่ถิงเซียว และเดินตามซือเย่ไป
เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกคนในตระกูลโม่สงสัย และเหตุผลของข้อสงสัยนั้นก็เหลวไหลมาก
โม่ถิงเซียวพูดอย่างนี้แล้ว เธออยู่ที่นี้ต่อก็ไม่มีความหมาย
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ซือเย่ก็พามู่นวลนวลขึ้นรถ
ซือเย่สตาร์ทรถและพูดว่า:“คุณหญิง ในกล่องที่เบาะหลังมีอาหาร คุณชายให้ผมเตรียมมาให้คุณ”
มู่นวลนวลตะลึงไปชั่วขณะ และมองไปที่เบาะข้างๆก็เห็นว่ามีกล่องที่มีโลโก้ของสำนักงาน Jinding อยู่ เห็นได้ว่าซือเย่เอามันมาจากที่นั่น
“โม่ถิงเซียวโทรหาคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลังจากมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ยืนอยู่ข้างๆโม่ถิงเซียว และเธอก็ไม่เห็นว่าโม่ถิงเซียวโทรหาใคร
ซือเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า:“เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว”
มู่นวลนวลครุ่นคิดถึงเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว งั้นก็น่าจะเป็นตอนที่โม่ถิงเซียวยังอยู่ที่บ้านเก่า
หรือว่าปฏิกิริยาก่อนหน้านี้ของโม่ถิงเซียวจะเป็นการเสแสร้งจริงๆ?
น้ำเสียงดีใจของมู่นวลนวลยากที่จะปกปิด:“ตอนที่เขาโทรหาคุณ ก็บอกคุณชัดเจนเลยเหรอว่าให้คุณนำอาหารมา และไปรับฉันที่โรงพยาบาล?”
ซือเย่อธิบาย:“ก็ไม่เชิง ผมเข้าใจคำพูดของคุณชาย แต่สิ่งที่เขาสั่งให้ผมเอามาไม่ใช่อาหารที่เขาชอบ”
โม่ถิงเซียวสั่งให้เขานำอาหารเหล่านี้มา และให้เขาไปรับมู่นวลนวล แน่นอนว่าเอามาให้มู่นวลนวลเป็นพิเศษ
สีหน้าดีใจของมู่นวลนวลจางลง และไม่ได้พูดอะไรอีก
เธอเปิดกล่องและพบว่ามันเต็มไปด้วยของโปรดของเธอ แต่เธอไม่อยากอาหาร
เธอไม่เชื่อว่าแค่คำพูดสองสามคำของโม่ชิงเฟิงกับโม่เอินหยา จะทำให้เขาสงสัยเธอ
และในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเธอกับเจ้าสัวโม่ก็เข้ากันได้ดี เธอไม่มีเหตุจูงใจที่จะทำร้ายเจ้าสัวโม่
เมื่อกี้คำพูดเหล่านั้นที่เขาพูดที่โรงพบาบาล ต้องมีเหตุผลอื่นแน่ๆ!
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วมู่นวลนวลก็รู้สึกดีขึ้นมาก
ขณะที่ซือเย่ขับรถ เขาก็สังเกตเห็นหมู่นวลนวลในกระจกมองหลัง
เมื่อเห็นเธอเริ่มกิน ซือเย่ก็ถอนหายใจโล่งอก
อันที่จริงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นที่โม่ถิงเซียวโทรหาเขา นอกจากสั่งให้เขานำอาหารมาและไปรับมู่นวลนวล ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อกี้ที่โรงพยาบาลน้ำเสียงที่โม่ถิงเซียวพูดกับมู่นวลนวล ทำให้เขารู้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติและเขาก็เดาไม่ถูก
เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลกินไปได้เยอะแล้ว เขาก็ถามว่า:“คุณหญิง ทำไมคุณชายถึงบอกว่าคุณผลักเจ้าสัวโม่ตกบันได?”
มู่นวลนวลถอนหายใจยาวๆ และพูดว่า:“ฉันบอกไม่ถูก แต่ฉันไม่ได้ผลักเขา”
……
ทุกคนในตระกูลโม่ไปที่โรงพยาบาล
ซือเย่มาส่งมู่นวลนวลที่บ้านเก่า ตลอดทางมีเพียงคนรับใช้
เธอนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของโม่เอินหยา
โม่เอินหยาพูดถูก ทั้งตระกูลมีแค่เธอคนเดียวที่เป็นคนนอก
ดังนั้นพวกเขาจะสงสัยเธอก็ไม่ผิด
เธอไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่ไปตรงที่ที่เจ้าสัวโม่ตกลงมา
ซือเย่เชื่อฟังคำสั่งของโม่ถิงเซียว เขาเดินตามเธอไปไม่ห่าง
ตำรวจได้เข้ามาเก็บหลักฐานและปิดกั้นที่เกิดเหตุแล้วก็จากไป แต่ในที่เกิดเหตุแทบจะไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์
มู่นวลนวลเดินขึ้นไปที่บันไดตรงที่เจ้าสัวโม่ตกลงมา และนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นอย่างละเอียด
ตอนนี้ทุกคนในตระกูลโม่ล้วนสงสัยเธอ และพูดได้ว่าเดิมทีนี่เป็นเกมส์
มีคนจงใจวางแผนใส่ร้ายเธอ