ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 259 อาจจะพิการหรืออาจจะเป็นอัมพาต

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดจบ เขาก็เดินนำไปด้านหน้า

มู่นวลนวลเดินตามหลังเขาไปทีละก้าว จ้องมองไปที่ด้านหลังของเขา และเดินไปอย่างเหม่อลอย

จู่ๆโม่ถิงเซียวที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเธอก็หยุดเดิน

มู่นวลนวลก็ไม่รู้แน่ชัด เธอจึงหยุดเดินเช่นกัน

และโม่ถิงเซียวก็พูดอย่างสบายๆ:“เดินให้ดีดี”

มู่นวลนวลประหลาดใจ และสงสัยว่าเขาจะมีตาหลัง

โม่ถิงเซียวยกเท้าก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว จากนั้นก็หันกลับมาจับมือเธอ สายตาของมู่นวลนวลดูประหลาดใจ และเขาก็จับมือเธอเธอไปข้างหน้า

มู่นวลนวลมองดูมือที่จับกันแน่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

กรามของเขาแน่น และคางก็ดูสะอาดเกลี้ยงเกลา แต่เขาดูผ่ายผอมลงมาก

เธออดไม่ได้ที่จะถามเขา:“หลายวันมานี้คุณนอนที่โรงพยาบาลหรอ?”

ทั้งสองเดินไปที่ถึงประตูลิฟต์ โม่ถิงเซียวกดลิฟต์และตอบอย่างเฉยเมย:“อืม”

มู่นวลนวลจึงถามอีกว่า:“ได้ทานข้าวบ้างรึเปล่า?”

โม่ถิงเซียวดูเหมือนไม่พอใจเธอ เขามองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา และไม่พูดอะไร

ติ๊ง——

ประตูลิฟต์เปิดออก มู่นวลนวลก็ถูกโม่ถิงเซียวพาเข้าไปในลิฟต์

เจ้าสัวโม่อยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพี ทั้งชั้นว่างเพื่อให้เจ้าสัวโม่ได้พักฟื้น

เมื่อจากลิฟต์มู่นวลนวลก็เห็นว่าทางเดินเต็มไปด้วยบอดี้การ์ด แต่คนอื่นๆในตระกูลโม่ไม่มีใครอยู่

โม่ถิงเซียวพาเธอไปที่หน้าห้องพักผู้ป่วยของเจ้าสัวโม่

“คุณปู่อยู่ข้างใน เข้าไปสิ”

มู่นวลนวลเปิดประตูและเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย

ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าสัวโม่ นี่เป็นครั้งแรกที่มู่นวลนวลมาเยี่ยมเขา

เจ้าสัวโม่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยสีขาว เขาสวมหน้ากากออกซิเจน และและมีท่อทั่วเสียบอยู่ทั่วร่างกาย

มู่นวลนวลเดนเข้าไปแล้วเห็นว่าสีหน้าของเจ้าสัวโม่ซีดราวกับกระดาษ เบ้าตาจมลงและใบหน้าของเขาก็เหี่ยวย่น

เจ้าสัวโม่ไม่ใช่คนแก่ที่หน้าตาดูใจดีมีเมตตา แต่เป็นตนแก่ที่หน้าตาดูสง่าผ่าเผย เมื่อมู่นวลนวลเห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าเสียใจ

มู่นวลนวลนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วส่งเสียงเรียก:“คุณปู่?”

เจ้าสัวโม่ไม่มีการตอบสนองใดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะหมอกที่อยู่ในหน้ากากออกซิเจน มู่นวลนวลก็เกือบจะคิดว่าเจ้าสัวโม่เหมือนคนที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว

“เอาล่ะ ออกไปเถอะ”

ในขณะนี้ประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักเปิดออก และเสียงของโม่ถิงเซียวก็ดังขึ้น

มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา แล้วลุกขึ้นเดินออกไป

เธอปิดประตูห้องผู้ป่วย และพูดกับโม่ถิงเซียวว่า:“หมอบอกว่ายังไงบ้าง?”

โม่ถิงเซียวไม่ได้ตอบคำถามของเธอในทันที แต่มองไปที่เธออย่างสงบนิ่ง

เขาสังเกตเห็นว่าเบ้าตาของเธอแดงเล็กน้อยเขาคิ้วขมวดและพูดว่า:“ไม่แน่ใจว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ และถึงแม้ว่าจะฟื้นขึ้นมาก็อาจจะไม่เหมือนแต่ก่อน”

มู่นวลนวลพูดย้ำสิ่งที่เขาเพิ่งพูดด้วยความตกใจ:“อาจจะไม่เหมือนแต่ก่อน?”

โม่ถิงเซียวมองเธอด้วยสีหน้าท่าทางที่ว่างเปล่า และไม่มีคำอธิบายใดๆ

อาจจะไม่เหมือนแต่ก่อน ซึ่งหมายความว่าเจ้าสัวโม่อาจจะพิการหรืออาจจะเป็นอัมพาตและกลายเป็นคนแก่ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

มู่นวลนวลสีหน้าซีดเผือด เธอมองไปที่โม่ถิงเซียว แต่ก็ไม่รู้จะพูดเปลอบเขายังไง

จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น:“เธอมาทำอะไร?”

เมื่อมู่นวลนวลได้ยินก็หันไปมอง และเห็นว่าโม่เหลียนกำลังเดินมา

โม่เหลียนจ้องมองมู่นวลนวล เห็นได้ชัดว่าเมื่อตะกี้โม่เหลียนพูดกับมู่นวลนวล

มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก และส่งเสียงเรียก:“คุณอา”

สีหน้าของโม่เหลียนไม่ค่อยดีนัก เห็นได้ชัดว่าเธอขับไล่มู่นวลนวลด้วยสายตา แต่ก็พยักหน้าและพูดว่า:“นวลนวล เป็นไงสบายดีไหม?”

“ทำให้คุณอาต้องเป็นห่วงแล้ว ฉันสบายดี”

มู่นวลนวลรู้สึกไม่สบายที่โม่เหลียนเป็นอย่างนี้

ชัดเจนว่าในใจของโม่เหลียนนั้นเกลียดเธอ แต่ยังอยากจะรักษาความปรองดองกับเธอ

โม่เหลียนถามอีกว่า:“เธอมาเยี่ยมคุณปู่หรอ?”

มู่นวลนวลพูดห้วนๆ:“ค่ะ”

โม่เหลียนกระพริบตาและกล่าวเตือน:“ช่วงนี้เธอควรหลีกเลี่ยงการสงสัยจะดีที่สุด”

“ทำไมต้องหลีกเลี่ยงการสงสัย?ฉันเป็นหลานสะใภ้มาเยี่ยมคุณปู่แล้วมีปัญหาอะไร?” สีหน้าของมู่นวลนวลนิ่งสงบและดูเย็นชา:“น่าจะเป็นคนที่ผลักคุณปู่ตกลงมามากกว่า ที่ควรต้องหวาดผวา?”

โม่เหลียนตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่คาดคิดถึงว่าเธอจะใจกว้าง:“ที่พูดมาก็ถูก”

จู่ๆโม่ถิงเซียวก็พูดขึ้นมา:“คุณอา คุณจะเขาไปเยี่ยมคุณปู่ไหม?”

น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวไม่ค่อยดีนัก โม่เหลียนจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เธอผลักประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วย

มู่นวลนวลจ้องมองไปที่ประตูสองสามวินาที ก่อนที่โม่ถิงเซียวจะเรียกเธอให้เธอได้สติ

“มู่นวลนวล”

“หึ้ม?”

“ยังไม่กลับไปอีก เธอจะอยู่ทานข้าวเที่ยงหรอ?”

“อ่า?ไม่ใช่ ฉันรู้สึกว่า……” มู่นวลนวลหยุดชะงัก และนึกถึงเย็นวันที่เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าสัวโม่ ทุกคนล้วนอยู่ในห้องรับแขก โม่เหลียนกับโม่ชิงเฟิงเดินไปที่ห้องอย่างลับๆล่อๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ มู่นวลนวลก็ลากโม่ถิงเซียวเดินไปที่ลิฟต์

เธอไม่คิดว่าจะเจอกับซือเฉิงยวี่ ด้านหลังของเขายังมีโม่เจียเฉินและโม่เอินหยา

ดูเหมือนว่าทุกคนจะมาเยี่ยมเจ้าสัวโม่

เมื่อโม่เจียเฉินเห็นมู่นวลนวล เขาก็เรียกเธอด้วยความดีใจ:“พี่นวลนวล!”

มู่นวลนวลพยักหน้า:“เสี่ยวเฉิน”

หลังจากนั้นโม่เจียเฉินก็พูดกับซือเฉิงยวี่ว่า:“พี่ พี่ไปก่อนนะ”

ซือเฉิงยวี่ไม่ได้พูดอะไร แต่โม่เอินหยาที่อยู่ข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เลศนัยว่า:“เธอยังจะกล้ามาที่โรงพยาบาล เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรอ?”

โม่เจียเฉินหันไปมองโม่เอินหยา:“คุณพูดอะไรหน่ะ ดูมีเลศนัยชะมัด!ตอนนี้ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดว่าพี่นวลนวลเป็นคนผลักคุณตา ทางด้านของตำรวจก็ยังสืบอะไรไม่ได้ พี่นวลนวลไม่ได้ทำอะไร ทำไมเธอต้องรู้สึกละอายใจ!”

“เสี่ยวเฉิน นาย……”

โม่เอินหยาถูกโม่เจียเฉินต่อว่าและโต้แย้งจนเธอไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่ก็ถูกซือเฉิงยวี่พูดขัดจังหวะ:“เอินหยา พวกเราไปกันเถอะ”

เห็นได้ชัดว่าโม่เอินหยาไม่เต็มใจ:“พี่ใหญ่!”

แต่ด้วยท่าทีที่เด็ดขาดของซือเฉิงยวี่ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

อย่างไรก็ตามก่อนที่โม่เอินหยาจะไป เธอพูดอย่างมีเลศนัยว่า:“พี่สาม พี่จะปกป้องผู้หญิงคนนี้หรอ พี่สองกำลังขึ้นเครื่องกลับมาจีนแล้ว รอให้เธอมากลับมาถึง ดูสิว่าพี่จะอธิบายกับเธอยังไง ฮึ!”

พี่สอง?

มู่นวลนวลมองโม่ถิงเซียงด้วยความงุนงง

โม่เจียเฉินที่อยู่ข้างๆรับรู้ได้ เขาจึงเข้าไปใกล้ๆหูของมู่นวลนวลแล้วพูดว่า:“เป็นพี่สาวฝาแฝดของลูกพี่ลูกน้อง”

พี่สาวฝาแฝดของโม่ถิงเซียว?

มู่นวลนวลไม่รู้เรื่องราวของตระกูลโม่มากนัก และไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวมีพี่สาวฝาแฝด

ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่จะมาคุยกัน เมื่อซือเฉิงยวี่กับโม่เอินหยาออกไป ทั้งสามคนก็เข้าไปในลิฟต์

ทันทีที่เข้าไปในลิฟต์โม่เจียเฉินก็ถามมู่นวลนวลดด้วยความเป็นห่วง:“พี่นวลนวล ช่วงนี้พี่เป็นยังไงบ้าง?พวกเขาบอกว่าพี่เป็นคนผลักคุณปู่ แต่ผมไม่เชื่อ”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท