หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดจบ เขาก็เดินนำไปด้านหน้า
มู่นวลนวลเดินตามหลังเขาไปทีละก้าว จ้องมองไปที่ด้านหลังของเขา และเดินไปอย่างเหม่อลอย
จู่ๆโม่ถิงเซียวที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเธอก็หยุดเดิน
มู่นวลนวลก็ไม่รู้แน่ชัด เธอจึงหยุดเดินเช่นกัน
และโม่ถิงเซียวก็พูดอย่างสบายๆ:“เดินให้ดีดี”
มู่นวลนวลประหลาดใจ และสงสัยว่าเขาจะมีตาหลัง
โม่ถิงเซียวยกเท้าก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว จากนั้นก็หันกลับมาจับมือเธอ สายตาของมู่นวลนวลดูประหลาดใจ และเขาก็จับมือเธอเธอไปข้างหน้า
มู่นวลนวลมองดูมือที่จับกันแน่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
กรามของเขาแน่น และคางก็ดูสะอาดเกลี้ยงเกลา แต่เขาดูผ่ายผอมลงมาก
เธออดไม่ได้ที่จะถามเขา:“หลายวันมานี้คุณนอนที่โรงพยาบาลหรอ?”
ทั้งสองเดินไปที่ถึงประตูลิฟต์ โม่ถิงเซียวกดลิฟต์และตอบอย่างเฉยเมย:“อืม”
มู่นวลนวลจึงถามอีกว่า:“ได้ทานข้าวบ้างรึเปล่า?”
โม่ถิงเซียวดูเหมือนไม่พอใจเธอ เขามองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา และไม่พูดอะไร
ติ๊ง——
ประตูลิฟต์เปิดออก มู่นวลนวลก็ถูกโม่ถิงเซียวพาเข้าไปในลิฟต์
เจ้าสัวโม่อยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพี ทั้งชั้นว่างเพื่อให้เจ้าสัวโม่ได้พักฟื้น
เมื่อจากลิฟต์มู่นวลนวลก็เห็นว่าทางเดินเต็มไปด้วยบอดี้การ์ด แต่คนอื่นๆในตระกูลโม่ไม่มีใครอยู่
โม่ถิงเซียวพาเธอไปที่หน้าห้องพักผู้ป่วยของเจ้าสัวโม่
“คุณปู่อยู่ข้างใน เข้าไปสิ”
มู่นวลนวลเปิดประตูและเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าสัวโม่ นี่เป็นครั้งแรกที่มู่นวลนวลมาเยี่ยมเขา
เจ้าสัวโม่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยสีขาว เขาสวมหน้ากากออกซิเจน และและมีท่อทั่วเสียบอยู่ทั่วร่างกาย
มู่นวลนวลเดนเข้าไปแล้วเห็นว่าสีหน้าของเจ้าสัวโม่ซีดราวกับกระดาษ เบ้าตาจมลงและใบหน้าของเขาก็เหี่ยวย่น
เจ้าสัวโม่ไม่ใช่คนแก่ที่หน้าตาดูใจดีมีเมตตา แต่เป็นตนแก่ที่หน้าตาดูสง่าผ่าเผย เมื่อมู่นวลนวลเห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าเสียใจ
มู่นวลนวลนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วส่งเสียงเรียก:“คุณปู่?”
เจ้าสัวโม่ไม่มีการตอบสนองใดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะหมอกที่อยู่ในหน้ากากออกซิเจน มู่นวลนวลก็เกือบจะคิดว่าเจ้าสัวโม่เหมือนคนที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
“เอาล่ะ ออกไปเถอะ”
ในขณะนี้ประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักเปิดออก และเสียงของโม่ถิงเซียวก็ดังขึ้น
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา แล้วลุกขึ้นเดินออกไป
เธอปิดประตูห้องผู้ป่วย และพูดกับโม่ถิงเซียวว่า:“หมอบอกว่ายังไงบ้าง?”
โม่ถิงเซียวไม่ได้ตอบคำถามของเธอในทันที แต่มองไปที่เธออย่างสงบนิ่ง
เขาสังเกตเห็นว่าเบ้าตาของเธอแดงเล็กน้อยเขาคิ้วขมวดและพูดว่า:“ไม่แน่ใจว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ และถึงแม้ว่าจะฟื้นขึ้นมาก็อาจจะไม่เหมือนแต่ก่อน”
มู่นวลนวลพูดย้ำสิ่งที่เขาเพิ่งพูดด้วยความตกใจ:“อาจจะไม่เหมือนแต่ก่อน?”
โม่ถิงเซียวมองเธอด้วยสีหน้าท่าทางที่ว่างเปล่า และไม่มีคำอธิบายใดๆ
อาจจะไม่เหมือนแต่ก่อน ซึ่งหมายความว่าเจ้าสัวโม่อาจจะพิการหรืออาจจะเป็นอัมพาตและกลายเป็นคนแก่ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
มู่นวลนวลสีหน้าซีดเผือด เธอมองไปที่โม่ถิงเซียว แต่ก็ไม่รู้จะพูดเปลอบเขายังไง
จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น:“เธอมาทำอะไร?”
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินก็หันไปมอง และเห็นว่าโม่เหลียนกำลังเดินมา
โม่เหลียนจ้องมองมู่นวลนวล เห็นได้ชัดว่าเมื่อตะกี้โม่เหลียนพูดกับมู่นวลนวล
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก และส่งเสียงเรียก:“คุณอา”
สีหน้าของโม่เหลียนไม่ค่อยดีนัก เห็นได้ชัดว่าเธอขับไล่มู่นวลนวลด้วยสายตา แต่ก็พยักหน้าและพูดว่า:“นวลนวล เป็นไงสบายดีไหม?”
“ทำให้คุณอาต้องเป็นห่วงแล้ว ฉันสบายดี”
มู่นวลนวลรู้สึกไม่สบายที่โม่เหลียนเป็นอย่างนี้
ชัดเจนว่าในใจของโม่เหลียนนั้นเกลียดเธอ แต่ยังอยากจะรักษาความปรองดองกับเธอ
โม่เหลียนถามอีกว่า:“เธอมาเยี่ยมคุณปู่หรอ?”
มู่นวลนวลพูดห้วนๆ:“ค่ะ”
โม่เหลียนกระพริบตาและกล่าวเตือน:“ช่วงนี้เธอควรหลีกเลี่ยงการสงสัยจะดีที่สุด”
“ทำไมต้องหลีกเลี่ยงการสงสัย?ฉันเป็นหลานสะใภ้มาเยี่ยมคุณปู่แล้วมีปัญหาอะไร?” สีหน้าของมู่นวลนวลนิ่งสงบและดูเย็นชา:“น่าจะเป็นคนที่ผลักคุณปู่ตกลงมามากกว่า ที่ควรต้องหวาดผวา?”
โม่เหลียนตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่คาดคิดถึงว่าเธอจะใจกว้าง:“ที่พูดมาก็ถูก”
จู่ๆโม่ถิงเซียวก็พูดขึ้นมา:“คุณอา คุณจะเขาไปเยี่ยมคุณปู่ไหม?”
น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวไม่ค่อยดีนัก โม่เหลียนจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เธอผลักประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วย
มู่นวลนวลจ้องมองไปที่ประตูสองสามวินาที ก่อนที่โม่ถิงเซียวจะเรียกเธอให้เธอได้สติ
“มู่นวลนวล”
“หึ้ม?”
“ยังไม่กลับไปอีก เธอจะอยู่ทานข้าวเที่ยงหรอ?”
“อ่า?ไม่ใช่ ฉันรู้สึกว่า……” มู่นวลนวลหยุดชะงัก และนึกถึงเย็นวันที่เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าสัวโม่ ทุกคนล้วนอยู่ในห้องรับแขก โม่เหลียนกับโม่ชิงเฟิงเดินไปที่ห้องอย่างลับๆล่อๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ มู่นวลนวลก็ลากโม่ถิงเซียวเดินไปที่ลิฟต์
เธอไม่คิดว่าจะเจอกับซือเฉิงยวี่ ด้านหลังของเขายังมีโม่เจียเฉินและโม่เอินหยา
ดูเหมือนว่าทุกคนจะมาเยี่ยมเจ้าสัวโม่
เมื่อโม่เจียเฉินเห็นมู่นวลนวล เขาก็เรียกเธอด้วยความดีใจ:“พี่นวลนวล!”
มู่นวลนวลพยักหน้า:“เสี่ยวเฉิน”
หลังจากนั้นโม่เจียเฉินก็พูดกับซือเฉิงยวี่ว่า:“พี่ พี่ไปก่อนนะ”
ซือเฉิงยวี่ไม่ได้พูดอะไร แต่โม่เอินหยาที่อยู่ข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เลศนัยว่า:“เธอยังจะกล้ามาที่โรงพยาบาล เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรอ?”
โม่เจียเฉินหันไปมองโม่เอินหยา:“คุณพูดอะไรหน่ะ ดูมีเลศนัยชะมัด!ตอนนี้ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดว่าพี่นวลนวลเป็นคนผลักคุณตา ทางด้านของตำรวจก็ยังสืบอะไรไม่ได้ พี่นวลนวลไม่ได้ทำอะไร ทำไมเธอต้องรู้สึกละอายใจ!”
“เสี่ยวเฉิน นาย……”
โม่เอินหยาถูกโม่เจียเฉินต่อว่าและโต้แย้งจนเธอไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่ก็ถูกซือเฉิงยวี่พูดขัดจังหวะ:“เอินหยา พวกเราไปกันเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าโม่เอินหยาไม่เต็มใจ:“พี่ใหญ่!”
แต่ด้วยท่าทีที่เด็ดขาดของซือเฉิงยวี่ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
อย่างไรก็ตามก่อนที่โม่เอินหยาจะไป เธอพูดอย่างมีเลศนัยว่า:“พี่สาม พี่จะปกป้องผู้หญิงคนนี้หรอ พี่สองกำลังขึ้นเครื่องกลับมาจีนแล้ว รอให้เธอมากลับมาถึง ดูสิว่าพี่จะอธิบายกับเธอยังไง ฮึ!”
พี่สอง?
มู่นวลนวลมองโม่ถิงเซียงด้วยความงุนงง
โม่เจียเฉินที่อยู่ข้างๆรับรู้ได้ เขาจึงเข้าไปใกล้ๆหูของมู่นวลนวลแล้วพูดว่า:“เป็นพี่สาวฝาแฝดของลูกพี่ลูกน้อง”
พี่สาวฝาแฝดของโม่ถิงเซียว?
มู่นวลนวลไม่รู้เรื่องราวของตระกูลโม่มากนัก และไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวมีพี่สาวฝาแฝด
ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่จะมาคุยกัน เมื่อซือเฉิงยวี่กับโม่เอินหยาออกไป ทั้งสามคนก็เข้าไปในลิฟต์
ทันทีที่เข้าไปในลิฟต์โม่เจียเฉินก็ถามมู่นวลนวลดด้วยความเป็นห่วง:“พี่นวลนวล ช่วงนี้พี่เป็นยังไงบ้าง?พวกเขาบอกว่าพี่เป็นคนผลักคุณปู่ แต่ผมไม่เชื่อ”