เมื่อมู่นวลนวลได้ยินที่โม่เจียเฉินพูด เธอก็ตบไหล่ของเขาด้วยความซาบซึ้งใจ:“ฉันไม่เป็นไร”
หลายวันมานี้เธออยู่ที่บ้าน และไม่ได้ทำอะไร นอกจากกิน
โม่เจียเฉินยิ้ม:“พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่ต่อให้มีอะไรพี่ชายก็ต้องปกป้องพี่”
วันนั้นโม่เจียเฉินไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวพูดอะไรบ้างที่โรงพยาบาล
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากและฝืนยิ้ม
เดิมทีเธอมีบางอย่างจะพูดกับโม่ถิงเซียว แต่โม่เจียเฉินมาด้วย เธอจึงไม่สามารถพูดได้
โม่ถิงเซียวและโม่เจียเฉินไปส่งมู่นวลนวลที่หน้าประตูโรงพยาบาล
บอดี้การ์ดที่มาส่งมู่นวลนวลที่โรงพยาบาลยังคงรออยู่ที่นั่น
โม่ถิงเซียวพูดกับบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเย็นชา:“ส่งคุณหญิงกลับไป”
มู่นวลนวลยังมีอะไรจะพูด เธอจึงไม่ขยับ
โม่เจียเฉินเด็กแก่แดดก็สังเกตเห็นว่ามู่นวลนวลดูเหมือนมีอะไรจะพูดกับโม่ถิงเซียว จึงรีบชี้ไปที่ข้างในโรงพยาบาล:“ผมไปก่อนนะ”
เขาพูดจบก็เดินจากไป
มู่นวลนวลมองไปรอบๆ และดึงแขนของโม่ถิงเซียวไปที่มุมที่ไม่มีใคร
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ มู่นวลนวลก็เข้าใกล้และรีบพูดว่า:“โม่ถิงเซียว ในวันส่งท้ายปีเก่าฉันเห็นคุณอากับพ่อของคุณทำลับๆล่อๆแล้วเข้าไปในห้องด้วยกัน แต่ไม่นานพวกเขาก็ออกมา ฉันคิดว่าพวกเขาต้องมีความลับระหว่างกันแน่ๆ……”
โม่ถิงเซียวสะบัดแขนของมู่นวลนวลออกทันที และพูดอย่างไม่อดทนว่า:“พอได้แล้ว!”
“โม่ถิงเซียว!สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง” มู่นวลนวลยื่นมือไปเกาหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด:“คุณต้องเชื่อฉันนะ”
“จนถึงตอนนี้คุณยังพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย แล้วทำไมฉันต้องเชื่อเธอ?” สีหน้าของโม่ถิงเซียวเย็นชามาก:“และนั้นก็เป็นอาแท้ๆกับพ่อผู้ให้กำเนิดฉัน คุณหมายความว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันทำร้ายคุณปู่ จากนั้นก็วางแผนใส่ร้ายเธอ?ไร้สาระ!”
“ฉันไม่ได้พูดนะ” ถึงแม้ว่าเธอจะหมายความว่าอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ได้พูดออกไป
สีหน้าของโม่ถิงเซียวแข็งทื่อ แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
เขาจ้องมองไปที่มู่นวลนวล และพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำขู่:“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจะพูดหรอ?คุณปู่เป็นผู้ให้กำเนิดอากับพ่อของฉันนะ พวกเขาทำร้ายคุณปู่?เธอคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?”
“ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่าเรื่องของแม่คุณเกี่ยวข้องกับคนมนตระกูลโม่ไม่ใช่หรอ คุณ……”
โม่ถิงเซียวไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดต่อ เขาจับเอวของเธอแล้วอุ้มเธอเข้าไปในรถ และพูดอย่างไร้ความรู้สึกว่า:“ ”
จากนั้นเขาก็ลงจากรถด้วยสีหน้าที่เย็นชาและเดินจากไป
มู่นวลนวลมองเขาเดินเข้าไปในโรงพยาบาลผ่านกระจกรถ โดยที่เขาไม่หันกลับมามอง
เธอเอนตัวพิงพนักพิงอย่างท้อแท้ กำหมัดแน่นและทุบเบาะข้างๆเธอ
มันยากเกินไปที่จะคาดเดา
ความคิดของโม่ถิงเซียวยากเกินที่จะคาดเดา
ถึงแม้ว่าโม่เจียเฉินจะบอกว่าโม่ถิงเซียวจะปกป้องเธอ
แต่สิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้คือโม่ถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่
ไม่อย่างนั้นจิตใจเธอคงไม่สงบ
และท่าทีที่เย็นชาของโม่ถิงเซียวก็เหมือนกับมีอะไรซ่อนไว้
เดายังไงก็เดาไม่ออกว่าว่าคิดอะไรอยู่ และท่าทีของเขาเย็นชาจนมู่นวลนวลก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเชื่อเขาได้ยังไง
……
เมื่อรถจอดที่ประตูคฤหาสน์
“นวลนวล!”
มู่นวลนวลนั่งอยู่ในรถอย่างหดหู่และไม่มีชีวิตชีวา เธอได้ยินเสียงของเซินเหลียง
เธอหันไปมองและเห็นว่าเซินเหลียงยืนอยู่ข้างนอกรถ
หลังจากที่เซินเหลียงออกจากโรงพยาบาล เธอคิดไปคิดมาแล้วก็รู้สึกไม่วางใจ เธอจึงมารอมู่นวลนวลที่ประตูคฤหาสน์
เมื่อเซินเหลียงเห็นว่ามู่นวลนวลเห็นตัวเองแล้ว จึงเปิดประตูรถให้เธอ:“เป็นยังไงบ้าง?บอสใหญ่ไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?”
มู่นวลนวลลงจากรถ เธอส่ายหัวและถอนหายใจ:“ฉันก็อยากจะให้โม่ถิงเซียวทำอะไรกับฉัน”
เซินเหลียงได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ขมวดคิ้ว
“เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ข้างนอกหนาว” มู่นวลนวลดึงเซินเหลียงเข้าไปในคฤหาสน์
มู่นวลนวลพาเซินเหลียงตรงเข้าไปในห้องนอน และเล่าบทสนทนาระหว่างตัวเองกับโม่ถิงเซียวให้เธอฟัง หลังจากนั้นก็บอกความคิดของตัวเองกับเธอ
เมื่อเซินเหลียงฟังจบแล้วก็รู้สึกตกใจ
“ไม่……ไม่ใช่มั่ง?จะเป็นไปได้ยังไง เจ้าสัวโม่ก็ค่อนข้างดีกับลูกชายและลูกสาวของเขา ตอนที่ลูกสาวของเขาแต่งงานออกไป สินสอดก็หลายร้อยล้าน และนั้นก็เป็นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน……”
เซินเหลียงวิเคราะห์จากมุมมองของตัวเอง และพูดอีกว่า:“และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อแม่ของบอสใหญ่ เจ้าสัวโม่ดีกับโม่ชิงเฟิงมาก ไม่นานเขาก็พาโม่ชิงเฟิงเข้าไปทำงานในโม่กรุ๊ป และรอจนกระทั่งเขาอายุมากขึ้น เจ้าสัวโม่ก็ส่งมอบอำนาจในมือให้เขา พวกเขาสองคนพี่น้องไม่จำเป็นต้องสมรู้ร่วมคิดกันทำร้ายเจ้าสัวโม่เลย……”
มู่นวลนวลไม่ได้พูดโต้แย้งเซินเหลียง แต่พยักหน้าเห็นด้วย:“ใช่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำร้ายเจ้าสัวโม่ ถ้าแค่พวกเขาไม่ชอบฉัน พวกเขาก็สามารถใช้วิธีการอื่นจัดการกับฉันได้ ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงใช้ประโยชน์จากเรื่องของเจ้าสัวโม่เพื่อใส่ร้ายเธอ”
พูดไปพูดมาก็เหมือนจะกลับไปที่จุดเดิม
พูดเหมือนมีเหตุผลแต่ก็ไม่มีเหตุผล
ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้มันจึงเป็นเรื่องยุ่งยาก
เมื่อวิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้วก็ไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เลย
เซินเหลียงเห็นมู่นวลนวลทำอะไรไม่ถูก จึงพูดปลอบเธอว่า:“เธอไม่ต้องคิดมาก ฉันเชื่อว่าบอสใหญ่จะจัดการเรื่องทุกอย่างได้ เขาไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่ ตอนนี่เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอก็คือดูแลลูกในท้องให้ดีดี”
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก และไม่พูดอะไร
ทุกคนล้วนบอกว่าโม่ถิงเซียวจะจัดการเรื่องนี้ได้
แต่โม่ถิงเซียวไม่บอกอะไรเธอเลย
เธอดูเหมือนแมลงวันไร้หัว เธอไม่รู้จะทำยังไง
เธอนึกถึงคำพูดของโม่เจียเฉิน และถามเซินเหลียงว่า:“เธอรู้จักพี่สาวฝาแฝดของโม่ถิงเซียวไหม?”
“รู้จัก” เซินเหลียงเดินไปนั่งข้างๆมู่นวลนวล:“เหมือนจะชื่อโม่จิ่นหยุน ว่ากันว่าเธอสวยมากเธออยู่ที่ต่างประเทศมาตลอด และเธอก็เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งด้วย”
หลังจากที่เซินเหลียงพูดจบ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองพูดกว้างเกินไป
เธอเกาหัวและพูดเสริมว่า:“ฉันก็รู้แค่นี้ จริงๆแล้วเธอเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว”
มู่นวลนวลพยักหน้า:“ฉันรู้แล้ว”
เซินเหลียงหัวไว:“เธอถามทำไม?เขาจะกลับมาแล้วหรอ?
“อีกสองวันน่าจะมาถึง”
“นี่เป็นตัวละครที่ร้ายกาจมาก เธอต้องระวังๆหน่อยนะ” เซินเหลียงเป็นกังวลนิดหน่อย:“ตอนนี้คนในตระกูลโม่ล้วนคิดว่าเธอผลักเจ้าสัวโม่ ถ้าโม่จิ่นหยุนกลับมา ต้องมาหาเธออย่างแน่นอน”
“ฉันรู้ เธอก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป เธอไม่ได้บอกว่าโม่ถิงเซียวจะจัดการทุกอย่างให้ฉันหรอ?” มู่นวลนวลยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน:“ฉันออกไปส่งเธอ ไม่ง่ายเลยที่เธอจะมีเวลาสองสามวันในช่วงปีใหม่นี้ เธอควรจะพักผ่อนอยู่บ้านและใช้เวลาอยู่กับกับคุณลุงคุณป้า……”
เซินเหลียงก็ลุกขึ้นยืนตามมู่นวลนวล:“โอเคๆ นั้นฉันกลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรเธอก็โทรหาฉันได้เลยนะ ถ้าฉันไม่รับสายก็โทรหากูจื่อหยาน เขาว่างมากเธอโทรหาเขาได้เลย