โรงพยาบาลอยู่ในเขตชานเมือง แต่มู่นวลนวลขับรถออกไปห่างจากตัวเมือง
ที่นี่มีรถสัญจรไม่มาก โม่ถิงเซียวขับแซงรถคันข้างหน้า แล้วหักพวงมาลัยเพื่อขวางรถของมู่นวลนวล
มู่นวลนวลเหยียบเบรกและหยุดรถ
แต่เธอไม่ได้ลงจากรถ
โม่ถิงเซียวเดินลงมาและพยายามจะเปิดประตูรถ แต่พบว่าประตูถูกล็อกไว้
“มู่นวลนวล ลงมา!” โม่ถิงเซียวตบประตูรถสองครั้ง
มู่นวลนวลเหลือบมองโม่ถิงเซียวแล้วลดกระจกรถลง และโทรหา122 ต่อหน้าโม่ถิงเซียว
“ฉันอยู่บนถนนหลินซุ่ย มีรถคันหนึ่งกำลังขวางอยู่กลางถนน……”
มู่นวลนวลยังพูดไม่ทันจบ โม่ถิงเซียวก็ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์
เขาคว้าโทรศัพท์มาและวางสาย จากนั้นพูดอย่างเย็นชาว่า:“ลงมา”
มู่นวลนวลเลิกคิ้ว และเปิดประตูลงจากรถ
เมื่อเธอลงจากรถ โม่ถิงเซียวก็กำลังจะจับมือเธอ
แต่มู่นวลนวลรู้ตัวซะก่อน เธอจึงถอยหลบออกมาไม่ให้โมถิงเซียวจับมือ
โม่ถิงเซียวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
มู่นวลนวลสีหน้าเมินเฉย และพูดด้วนน้ำเสียงสงบนิ่ง:“เลิกกันเถอะ”
ตอนแรกเธอคิดว่าเธอแต่งงานกับโม่ถิงเซียว แต่ต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้น เธอเพิ่งจะรู้ว่าชื่อในทะเบียนสมรสเป็นชื่อของมู่หวันฉีกับโม่ถิงเซียว
หลังจากนั้นโม่ถิงเซียวและมู่หวันฉีก็หย่ากัน และไปจดทะเบียนสมรสกับมู่นวลนวล
สัมผัสที่หกของผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดในโลกจริงๆ
ในตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงลากทะเบียนของเธอ แต่ตอนนี้เธอมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลแล้ว
โม่ถิงเซียวจ้องมองเธอ สีหน้าท่าทางของเขาดูน่ากลัว:“เธอพูดอีกทีซิ”
“จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่เชื่อฉัน ฉันถูกขังอยู่ที่บ้านเหมือนนักโทษทุกวัน ทำได้แค่นั่งรอให้คนตระกูลโม่ของพวกคุณตัดสินฉัน ฉันเกินจะทนแล้ว”
สายตาของมู่นวลนวลเด็ดเดี่ยวมาก:“คุณไม่เชื่อฉันก็ไม่เป็นไร งั้นเราก็เลิกกัน ฉันจะได้ไปหาหลักฐานด้วยตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่าฉันบริสุทธิ์”
“อยากจะไปจากฉัน?”
โม่ถิงเซียวหัวเราะเยาะ:“ฝันไปเถอะ”
มู่นวลนวลสีหน้าเปลี่ยน ในวินาทีต่อมาเธอถูกโม่ถิงเซียวทุบ และอุ้มเข้าไปในรถ เขาสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโม่ถิงเซียว
เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้งและพูดอย่างเย็นชา:“ถ้าไม่เลิกก็บอกฉันมาว่าจริงๆแล้วคุณกำลังคิดจะทำอะไร”
มู่นวลนวลรออยู่นาน จนแน่ใจได้ว่าโม่ถิงเซียวไม่ได้สนใจเธอเลย เธอจึงหันมองออกไปนอกหน้าต่าง
โม่ถิงเซียวตรงไปส่งเธอที่คฤหาสน์
คราวนี้โม่ถิงเซียวเพิ่มกำลังคนในคฤหาสน์ให้มากขึ้น
บอดี้การ์ดด้านในสามกลุ่มด้านนอกสามกลุ่ม คฤหาสน์หลังนี้ถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา
มู่นวลนวลยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง และมองโม่ถิงเซียวที่กำลังสั่งการบอดี้การ์ดอยู่ที่ลานบ้าน
โม่ถิงเซียวมองไปที่มู่นวลนวลราวกับรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของเธอ
สภาพอากาศของเดือนแรกยังคงหนาวอยู่
เมื่อเธอกลับไปที่ห้อง เธอนั่งกอดผ้าห่มอยู่บนโซฟาและถือโน้ตบุ๊ค เพื่อแก้บทละครของเธอ
ไม่นานประตูก็ถูกเปิดจากด้านนอก
มู่นวลนวลไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่เสียงฝีเท้าที่มั่นคงของคนที่เข้ามา ไม่ต้องมองก็รู่ว่าเป็นโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าเธอ:“ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก เธอดูแลตัวเองด้วย”
มู่นวลนวลไม่มองเขา และไม่พูดกับเขา
โม่ถิงเซียวคงจะโมโหกับท่าทีที่เฉยเมยของเธอ เขายื่นมือออกไปบีบคางของมู่นวลนวล และบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา
“มู่นวลนวล ฉันกำลังพูดกับเธอ”
เธอถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น เธอขมวดคิ้ว:“พูดจบรึยัง?อย่ามารบกวนการแก้บทละครของฉันที่นี่”
โม่ถิงเซียวขบกรามแน่นอย่างอดทนอดกลั้น สายตาของเขาโหดเหี้ยมอำมหิต
ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธมาก
มู่นวลนวลนึกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกันระหว่างทั้งสองในช่วงนี้ และนึกถึงวิธีที่เขาใช้ในการจัดการกับเธอ
ขนตาที่สั่นเครือของเธอ ทำให้ความคิดของเธอรั่วไหล
ในที่สุดโม่ถิงเซียวก็ไม่ได้ทำอะไร เขาเอามือออกและเดินจากไป
มู่นวลนวลยื่นมือมาเชยคาง และถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
ผู้หญิงกล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชาย ก็เพราะผู้ชายชอบเธอ
แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ เธอไม่กล้าที่จะทะนงตนต่อหน้าเขา และเธอจะกล้าคาดหวังให้เขาตามใจเธอเหมือนเมื่อก่อนได้ยังไง?
ในช่วงเวลานั้นเธอกังวลมากว่าโม่ถิงเซียวจะถอนกรามของเธอออก
โชคดีที่โม่ถิงเซียวไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดนั้น
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าถ้าเจ้าสัวโม่ฟื้นขึ้นมา เจ้าสัวโม่จะสามารถได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอได้
แต่เมื่อเจ้าสัวโม่ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ความจำเสื่อม
คำพูดของโม่จิ่นหยุนยังคงอยู่ในหูของเธอ และคำพูดของโม่ถิงเซียวก็อยู่ในใจของเธอเช่นกัน
เธอเชื่อมาตลอดว่าตัวเองจะไม่ตกอยู่ในมือของผู้ชาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่กำลังคิดอะไรอยู่ แล้วเธอไม่สามารถเดาได้
และสิ่งที่เธอต้องเผชิญคือการถูกตั้งข้อหาจากการปั้นน้ำเป็นตัวและโทษจำคุก เธอไม่สามารถฝากความหวังไว้กลับโม่ถิงเซียวได้
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเธอสามารถเชื่อใจโม่ถิงเซียวได้
แต่คำพูดของโม่ถิงเซียวก็ปรากฏชัดเจนอยู่ตรงนั้น เธอไม่สามารถเชื่อใจเขาได้อีกต่อไป
เธอต้องคิดหาหนทางด้วยตัวเอง
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวลงหนังสือพิมพ์ว่ามู่ลี่หยานได้ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเธอ แต่เธอยังอยู่ในทะเบียนบ้านของตระกูลมู่
มู่นวลนวลโทรหาเสี่ยวชูเหอ
เมื่อโทรติด เสียงห่างเหินของเสี่ยวชูเหอก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์:“คุณมู่ มีอะไรหรอ?”
นี่เธอเรียก “คุณมู่”แล้วหรอ?
มู่นวลนวลแสยะยิ้ม:“ฉันอยากย้ายทะเบียนบ้านออกมา”
เธอต้องการสมุดทะเบียนของตัวเอง
เสี่ยวชูเหอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดว่า:“ทะเบียนบ้านของเธอ เอาออกไปตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้โม่ถิงเซียวมาหาเจ้าสัว”
เรื่องนี้เสี่ยวชูเหอก็เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตอนที่มู่ลี่หยานตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับมู่นวลนวล
โม่ถิงเซียวย้ายทะเบียนบ้านของเธอออกมาจากตระกูลมู่ตั้งนานแล้ว?
หลังจากที่มู่นวลนวลวางสาย ก็วิ่งไปหาสมุดทะเบียนบ้านของเธอในห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว
ถึงอย่างไรสมุดทะเบียนบ้านก็จำเป็นยังใช้อีกมากมาย
ช่วงนี้โม่ถิงเซียวไม่ได้เข้ามาในห้องหนังสือ แต่ก็ยังมีคนรับใช้มาทำความสะอาดทุกวัน
ห้องหนังสือของเขาใหญ่มาก มู่นวลนวลหาไปหามา และในที่สุดก็หันไปเห็นลิ้นชักที่ถูกล็อคไว้ล่างโต๊ะทำงาน
มู่นวลนวลยื่นมือไปดึง แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้
เธอไม่อยากแตะต้องสิ่งของของโม่ถิงเซียวมากนัก แต่เธอก็ไม่รู้ว่ากุญแจลิ้นชักของเขาอยู่ที่ไหน
มู่นวลนวลครุ่นคิดสักพัก แล้วเดินไปลงหาอิฐที่ลานบ้าน