ความรักความผูกพันธ์ของเธอกับโม่ถิงเซียว เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่ากันของคนสองคน
ความต้องการที่จะควบคุมของโมถิงเซียวนั้นแข็งแกร่งมาก เธอเองก็เช่นกัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจำกัดอิสรภาพของเธอ
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องของเจ้าสัวขึ้นโม่หรือไม่ก็ตาม ระหว่างเธอกับโม่ถิงเซียวก็ต้องมีปัญหาอื่น
แทนที่จะรอคำตัดสินที่ไม่แน่นอนของศาล ไม่สู้ให้เธอออกไปค้นหาความจริงด้วยตัวเอง
แม้ว่าตระกูลโม่จะมีอำนาจมาก แต่เธอก็ไม่เจียมตัวที่จะสู้กับตระกูลโม่ เธอเชื่อว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และไม่สามารถปกปิดความจริงได้
……
โม่กรุ๊ป
หลังจากที่เจ้าสัวโม่ฟื้น โม่ถิงเซียวก็เริ่มไปเคลียร์งานที่โม่กรุ๊ป และหาเวลาไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้าสัวโม่ที่โรงพยาบาล
ทันทีที่เขาออกมาจากที่ประชุมตอนสิบโมง เขาได้รับโทรศัพท์จากบอดี้การ์ด
“คุณชาย นอกจากคุณนายจะทำลายข้าวของแล้ว ยังไล่คนรับใช้ทั้งหมดออกมาจากคฤหาสน์”
มู่นวลนวนทำอะไรหล่นอีกแล้ว?
ในอินเตอร์เน็ตบอกว่าผู้หญิงตั้งครรภ์มักจะจะมีอารมณ์แปรปรวน
โม่ถิงเซียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า:“ตามใจเธอ”
หลังจากที่บอดี้การ์ดได้ยินคำตอบของโม่ถิงเซียวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คุณชายรักใครเอ็นดูคุณหญิงมากจริงๆ
แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องของเจ้าสัวโม่ คุณหญิงเป็นคนทำจริงๆหรือไม่?
คนนอกล้วนบอกว่าคุณหญิงเป็นคนทำ
คุณชายก็ดูเหมือนจะสงสัยคุณหญิงเช่นกัน แต่จากการกระทำของคุณชาย ดูเหมือนว่าเรื่องของเจ้าสัวโม่ไม่ได้ทำให้คุณชายปฏิบัติต่อคุณหญิงอย่างโหดร้าย
ช่างเถอะ คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว
โม่ถิงเซียวว่างสายและเดินกลับไปที่ห้องทำงาน
ห้องประชุมอยู่ห่างจากห้องทำงานของผู้อำนวยการเพียงสิบเมตร เมื่อเดินไปได้ครึ่งทางผู้ช่วยก็เอาเอกสารด่วนสองฉบับมาให้เขาเซ็น
เขาหยิบเอกสารมาอ่านไปพลางเดินกลับห้องทำงานไปพลาง
หลังจากอ่านเอกสารฉบับที่สองแล้ว ขณะที่โม่ถิงเซียวกำลังจะเซ็นเอกสาร เขาก็นึกถึงคำพูดเมื่อกี้ของบอดี้การ์ด
โม่ถิงเซียวทำท่าว่าจะเซ็นเอกสาร แต่แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา มือของเขาสั่นจนทำให้โทรศัพท์ตกลงไปที่พื้น
มู่นวลนวลไม่ใช่คนที่จะวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ได้เอาแต่ใจและไม่ได้ขี้โมโห
และยิ่งไม่มีนิสัยที่เวลาอารมณ์ไม่ดีแล้วก็จะทำลายข้าวของ
ครั้งที่แล้วเธอทุบข้าวของ แล้วขโมยสมุดทะเบียนบ้านไปจากที่ห้องทำงานของเขา
งั้นครั้งนี้เธอ “ทำลายข้าวของ” แน่นอนว่าต้องมีจุดประสงค์อื่น
แต่เนื่องจากช่วงนี้มู่นวลนวลอารมณ์ค่อยไม่ดี เธอ“ทำลายข้าวของ” ก็เป็นแค่การกระทำที่เล็กน้อย โม่ถิงเซียวจึงไม่ได้สนใจ
เขาขบคิดถึงคำพูดเมื่อกี้ของบอดี้การ์ด
ทำลายข้าวของและไล่คนรับใช้ทั้งหมดออกจากคฤหาสน์……
เมื่อผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆเห็นก็ช่วยโม่ถิงเซียวหยิบโทีศัพท์ขึ้นมา
ผู้ช่วยขึ้นมาจากด้านล่าง หลังจากที่โม่ถิงเซียวมาถึงโม่กรุ๊ป
เขาเห็นโม่ถิงเซียวตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก และเกือบจะคิดว่าตัวเองมองผิดไป
เขาส่งโทรศัพท์ให้โม่ถิงเซียวและถามอย่างระมัดระวัง:“ผู้อำนวยการ คุณเป็นอะไรไป?”
โม่ถิงเซียวขบกรานแน่น สีหน้าท่าทางก็ดูเย็นชาจนน่ากลัว
เขาไม่สนใจคำถามของผู้ช่วย และโทรหาบอดี้การ์ด
ไม่นานก็โทรติด เขายังไม่ได้พูดอะไร บอดี้การ์ดก็พูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบว่า:“คุณชาย คุณหญิงล็อกประตูด้านหน้าและด้านหลังของคฤหาสน์ไว้ พวกเราสงสัยว่าคุณหญิงไ่ต้องการจะเปิด……”
โม่ถิงเซียวรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วตะโกนเสียงดัง:“พังประตูสิ!ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมู่นวลนวล!พวกนายทั้งหมดก็จะถูกฝังไปพร้อมเธอด้วย!”
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆไม่กล้าส่งเสียงใดๆ
แน่นอนว่าโม่ถิงเซียวไม่ได้สนใจเขา และรีบเดินถือโทรศัพท์ออกไป
เขาเจอกับโม่ชิงเฟิงที่หน้าประตู
โม่ชิงเฟิงขวางเขา:“แกจะไปไหน?ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
โม่ถิงเซียวยื่นมือไปผลักโม่ชิงเฟิงออกไป
เขามองโม่ชิงเฟิงด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม ดวงตาของเขาลึกเหมือนน้ำที่ไม่มีอุณหภูมิใดๆ
ทั้งสองจ้องตากันอยู่ครึ่งวินาทีโดยไม่พูดอะไร โม่ชิงเฟิงถูกโม่ถิงเซียวมองด้วยสายตาที่เกลียดชังจนต้องถอยหลังไปครึ่งก้าว
เกลียดชัง?
โม่ถิงเซียวหรี่ตาและพูดอย่างเย็นชา:“เกิดเรื่องขึ้นที่บ้าน ฉันต้องกลับไปก่อน”
โม่ถิงเซียวไม่เปิดโอกาสให้โม่ชิงเฟิงได้พูด เขารีบเดินจากไปทันที
โม่ถิงเซียวขับรถกลับมาที่บ้านอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เขาเห็นคือคฤหาสน์ถูกไฟไหม้จนควันโขมง
เมื่อเห็นว่าคฤหาสน์ถูกไฟไหม้ โม่ถิงเซียวก็ลงจากรถแล้วยื่นตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ผ่านไปสิงวินาทีเขาก็ได้สติกลับมา แล้วจะวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์
แต่เขาก็ถูกบอดี้การ์ดขวางไว้
“คุณชาย ไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง ตอนนี้ยังเข้าไปไม่ได้……”
โม่ถิงเซียวเคยฝึกมาก่อน ใครขวางเขา เขาก็จะต่อสู้
บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าสู้กับเขา และไม่สามารถสู้เขาได้
บอดี้การ์ดที่เข้ามาขวางถูกโม่ถิงเซียวต่อยจนไปนอนกองกับพื้น และไม่สามารถลุกขึ้นได้
โม่ถิงเซียวบุกเข้าไปข้างใน
ไฟไหม้คฤหาสน์จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
ตั้งแต่ห้องโถงเข้าไปมีไฟลุกโหมอย่างหนัก ถ้าถูกไฟลวกอาจบาดเจ็บได้
ในขณะนี้ซือเย่ก็รีบวิ่งตามเข้าไป
เขารีบเข้าไปดึงโม่ถิงเซียว:“คุณชาย เข้าไปไม่ได้นะ!”
ตอนนี้โม่ถิงเซียวไม่ฟังใครพูดทั้งนั้น เขาสะบัดมือของซือเย่ออก
ถึงอย่างไรซื่อเย่ก็ติดตามโม่ถิงเซียวมานาน และคำพูดของเขาก็มีน้ำหนักมากพอ ตอนที่เขาเข้ามา เขาพาบอดี้การ์ดมาด้วยสองสามคน เขาส่งสายตาให้บอดี้การ์ด
แน่นอนว่าบอดี้การ์ดเข้าใจ เขาใช้มือตีเข้าที่ท้ายทอยของโม่ถิงเซียวอย่างแรงจนโม่ถิงเซียวสลบ
ซือเย่สั่งให้คนลากโม่ถิงเซียวออกมาขังไว้ในรถ
แม้ว่าจะถูกตีจนสลบ แต่คิ้วของโม่ถิงเซียวก็ยังขมวดแน่น
หน่วยดับเพลิงมาอย่างรวดเร็ว แต่ไฟที่ไหม้คฤหาสน์นั้นรุนแรงมาก ต้องใช้เวลากว่าสองชั่วโมงจึงจะสามารถดับไฟได้
คฤหาสน์ที่เคยสวยงามและหรูหราถูกไฟไหม้จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
ซือเย่พาคนเข้าไปในคฤหาสน์
คฤหาสน์ถูกไฟไหม้จนมองไม่เห็นสภาพเดิม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการค้นหาคน
และในตอนนี้โม่ถิงเซียวก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
บอดี้การ์ดไม่กล้าล็อกตัวเขาไว้ จึงปล่อยเขาออกไป
ดวงตาของโม่ถิงเซียวแดงกล้ำราวกับสิงโตที่บ้าคลั่ง คว้าตัวบอดี้การ์ดที่ปล่อยเขาออกมา แล้วถามว่า:“มู่นวลนวลล่ะ?”
“คุณ……คุณหญิง……” บอดี้การ์ดไม่กล้าพูด
โม่ถิงเซียวกระชากคอเสื้อของเขาแน่น จนมีเส้นเลือดปูดขึ้นที่หลังมือ และตะโกนเสียงดังว่า:“ฉันถามนายว่ามู่นวลนวลอยู่ที่ไหน!”
บอดี้การ์ดอ้ำอึ้งๆอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
โม่ถิงเซียวสะบัดเขาออก และรีบเข้าไปในคฤหาสน์
ซือเย่นำกำลังคนมาค้นหาคนที่อยู่ข้างใน
แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าตอนที่ไฟไหม้แล้วมู่นวลนวลอยู่ข้างในนี้ หลักจากเกิดไฟไหม้แน่นอนว่าต้องถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน
แต่ก้ยังคงจะค้นหา
เมื่อซือเย่เห็นโม่ถิงเซียวที่รีบวิ่งเข้ามา เขาก็เดินเข้าไปหา
“คุณชาย!”
โม่ถิงเซียวยกมือขึ้นและกำหมัดจะต่อยซือเย่
พละกำลังของโม่ถิงเซียวนั้นแข็งแกร่งมาก ซือเย่ถูกต่อยเข้าอย่างเต็มแรง จากนั้นโม่ถิงเซียวก็เดินไปข้างหน้าและต่อยอีกหมัด