ซือเย่สูดหายใจเข้าด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่ยอมถอยและปล่อยให้โม่ถิงเซียวต่อย
กูจื่อหยานเข้ามาพอดี จึงรีบวิ่งคว้าแขนของโม่ถิงเซียว:“ถิงเซียว นายใจเย็นๆหน่อย!”
ตอนนี้โม่ถิงเซียวขาดสติ เขาไม่ฟังที่กูจื่อหยานพูด และยังพาลจะต่อยกูจื่อหยานไปด้วย
เมื่อก่อนครอบครัวของกูจื่อหยานก็เป็นนักเลง ฝีมือของกูจื่อหยานนั้นไม่ธรรมดา แต่เขาจะไม่ทนให้โม่ถิงเซียวที่ขาดสติต่อยอย่างนี้ได้
สุดท้ายพวกเขาทั้งสองคนก็เจ็บตัวด้วยกันทั้งคู่ เหนื่อยจนสู้กันต่อไม่ไหว และเอนตัวลงนอนบนกองขี้ถ่าน
ตอนที่ทั้งสองต่อยกัน ซื่อเย่ก็ไม่ได้ห้ามพวกเขา แต่เขานำกำลังคนไปค้นทั้งในและนอกคฤหาสน์
เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีร่องรอยใดๆ
ไฟไหม้ทุกอย่างจนวอดวาย
ซือเย่เดินไปข้างๆโม่ถิงเซียว และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง:“ไม่เจอคุณหญิงเลย”
ซื่อเย่พูดจบแล้วก็ทำท่าจะยอมแพ้
แต่ก็ยังกำหมัดไว้
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินที่เขาพูดก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่จ้องมองไปที่เพดานที่ไหม้เกรียมราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่ซือเย่พูด
ซื่อเย่หันไปมองกูจื่อหยาน
กูจื่อหยานยื่นมือไปเช็ดที่มุมปากของเขา เขาพ่นเลือดออกมาใส่กองขี้เถ้าข้างๆและพยายามจะพยุงตัวเองขึ้น:“ไม่ต้องไปสนใจมัน ปล่อยให้มันบ้าไป กูลุกไม่ขึ้นเลยเนี่ย ซือเย่ช่วยพยุงฉันหน่อย……”
ซือเย่ช่วยพยุงกูจื่อหยานขึ้นมา
กูจื่อหยานโซเซแล้วยืนขึ้น
เมื่อกี้โม่ถิงเซียวลงมืออย่างโหดเหี้ยม เขาเคยฝึกฝนมาก่อน เลยยังจะสู้กับโม่ถิงเซียวได้ และไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงจะอยู่ในห้องฉุกเฉิน
กูจื่อหยานสูดหายใจเข้าและโน้มตัวเข้าใกล้ซือเย่:“ให้คุณชายของนายได้สงบสติอารมณ์ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา”
แม้ว่าซือเย่จะยังเป็นกังวล แต่เขาก็พยักหน้า
ซือเย่พยุงกูจื่อหยานเดินออกไป และเห็นนักข่าวที่กำลังทำข่าวคฤหาสน์ถูกไฟไหม้จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
กูจื่อหยานรีบเดินไปนั่งที่ข้างๆรถ
แต่ซือเย่ไม่ได้โชคดีอย่างนั้น
เมื่อนักข่าวเห็นซือเย่ก็วิ่งเข้ามาล้อมเขาไว้
“คุณเป็นลูกน้องของคุณชายโม่ใช่ไหม?คุณชายโม่ยังอยู่ด้านในหรอ?เธอฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดรึเปล่า?”
“เมื่อกี้ฉันเห็นคุณชายโม่เข้าไป เขาเข้าไปทำอะไรด้านใน แล้วจะออกมาเมื่อไหร่?”
“ได้ยินว่าวันนี้คุณหญิงโม่ได้รับหมายศาล เธอเลือกที่จะฆ่าตัวตาย เพื่อพิสูจน์ความจริงว่าเธอไม่ได้เป็นคนผลักเจ้าสัวโม่ตกบันไดใช่หรือไม่?”
“……”
คำถามของนักข่าวล้วนวนเวียนอยู่กับมู่นวลนวล และแต่ละคำถามก็ดุเดือดมาก
ซือเย่จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไม่มีอะไรจะพูด”
หลังจากนั้นบอดี้การ์ดก็มาไล่นักข่าวไป
……
ที่ร้านบะหมี่ซอมซ่อแห่งหนึ่งในหมู่บ้านทางตอนเหนือของเมืองเซี่ยงไฮ้
มู่นวลนวลนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร และมีบะหมี่ไข่นึ่งชามหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้าขึ้นดูข่าวในทีวี
“เมื่อเที่ยงวันนี้เกิดไฟไหม้คฤหาสห์บนเนินเขาในเมือง ตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บอกว่าคฤหาสน์แห่งนี้เป็นบ้านของโม่ถิงเซียวทายาทตระกูลโม่……”
จากนั้นหน้าจอก็เปลี่ยนไปเป็นการรายงานของนักข่าวเกี่ยวกับที่อยู่คฤหาสน์ในที่เกิดเหตุ
เมื่อมองตามภาพในจอ มู่นวลนวลก็เห็นว่าคฤหาสน์ที่เคยสวยงามและหรูหราได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว
และเห็นซือเย่ปรากฏขึ้นในจอ
ซื่อเย่ใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง ภาพในจอคือใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนและสีหน้าดูแย่มาก
มู่นวลนวลคิดว่าน่าจะเป็นเพราะซือเย่นำกำลังคนไปค้นหาเธอด้านในคฤหาสน์ เขาถึงได้มีสภาพอย่างนั้น
ซือเย่ปล่อยให้นักข่าวถามคำถามที่เฉียบคม และเขาเพียงแค่พูดอย่างเฉยเมยและใจเย็นว่า:“ไม่มีอะไรจะพูด”
คนของโม่ถิงเซียว ไม่มีสักคนที่ธรรมดา และซือเย่ก็ไม่ใช่ผู้ชวยพิเศษที่ธรรมดาๆ และความสามารถของเขาก็ดีกว่าการเป็นผู้ช่วยพิเศษ
เจ้าของร้านบะหมี่เป็นชายวัยกลางคน
เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลกำลังดูข่าวอยู่ เขาก็นั่งลงข้างๆแล้วทำปากจุ๊ๆ:“เป็นคนรวยเนี่ยน้า ก็มีความขัดแย้งมากมาย ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนี้อายุยี่สิบต้นๆ?ลูกสาวของฉันบ้านที่ไปเรียนมหาลัยก็อายุเท่านี้ เฮ้อ น่าสลดใจจริงๆ……”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น มู่นวลนวลก็ยื่นมือไปลดขอบหมวกแก๊ปลง และหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินบะหมี่
เขาพูดอย่างสบายๆว่า:“ฉันเห็นคนข้างบนบอกว่าผู้หญิงคนนั้นฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด”
เจ้าของร้านพูดต่ออีกว่า:“ความผิดร้ายแรงแค่ไหนเชี่ยวที่ถึงกับต้องฆ่าตัวตาย คุณว่าเรื่องของเจ้าสัวโม่เป็นไง?ได้ยินว่าเจ้าสัวโม่ก็ไม่ตาย เรื่องนี้ตัดสินอย่างมากที่สุดก็แค่ไม่กี่ปี?”
มู่นวลนวลคีบเส้นบะหมี่แล้วพูดว่า:“นั่นก็ไม่แน่ ถ้าคนในตระกูลโม่คิดว่าเธอถูกขังแค่ไม่กี่ปี มันไม่พอที่จะระบายความโกรธแค้นได้ล่ะ?อีกอย่างตระกูลโม่ก็มีอำนาจมาก สุดท้ายผลการตรวจสอบของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คำพูดของคนตระกูลโม่หรอ?”
“คงไม่โหดเหี้ยมขนาดนั้นมั้ง ยังไงนั่นก็เป็นภรรยาของคุณชายมู่……”
มู่นวลนวนหัวเราะแล้วก็ไม่พูดอะไร
หลังจากกินเสร็จ มู่นวลนวลก็หยิบกล่องออกมาจากกระเป๋า
นี่เป็นของที่มีค่าสำหรับโม่ถิงเซียว ในลิ้นชักที่ล็อกไว้มีกล่องที่ใส่ปากกานี้อยู่
น้อยมากที่เธอจะเห็นโม่ถิงเซียวมองว่าของแบบนี้มีค่า ก่อนที่เธอจะราดน้ำมันที่ชั้นบน เธอคิดแล้วคิดอีกแต่ก็ใจแข็งไม่พอ เลยหยิบมันออกมาด้วย
รหัสผ่านของตู้เซฟนั้นง่ายมาก เป็นวันเกิดของโม่ถิงเซียว เธอลองเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถเปิดมันได้
เธอยิ้มและยื่นเงินให้เจ้าของร้าน:“เถ้าแก่ คิดเงินด้วย”
เจ้าของร้านคิดเงิน:“อ่า รอเงินทอนด้วย”
ถัดจากบะหมี่เป็นสถานที่ฝากส่งพัสดุ
มู่นวลนวลเดินถือกล่องเข้าไป:“ส่งพัสดุค่ะ”
หน้าประตูเล็กๆเต็มไปด้วยพัสดุ เจ้าของร้านไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง:“ส่งไปไหน?”
มู่นวลนวลค่อยๆพูดว่า:“Shengding Media ในเมื่อง”
“สิบหยวน” เจ้าของร้านมองของที่อยู่ในมือของมู่นวลนวล แล้วยื่นเอกสารให้เธอ
มู่นวลนวลบรรจุใส่กล่อง และเขียนชื่อในช่องผู้รับว่ากูจื่อหยาน และเขียนอักษรสองตัวต่อท้ายว่า “XN”
ตัวอักษรมีขนาดเล็กและไม่สะดุดตา
เธอจุดไฟเผาคฤหาสน์ ไม่ใช่เพื่อสร้างสถานการณ์ว่าตัวเองฆ่าตัวตาย แต่เพื่อที่จะหลบหนี
โม่ถิงเซียวฉลาดขนาดนั้น เขาคงไม่คิดว่าเธอตายแล้วเหมือนที่คนข้างนอกคิด
เพราะฉะนั้นเธอไม่มีอะไรต้องปิดบัง
หลังจากนี้เธอคงจะต้องซ่อนตัวจากโม่ถิงเซียวสักพีก
โม่ถิงเซียวจะต้องส่งคนมาหาเธออย่างแน่นอน
และคดีของเจ้าสัวโม่ก็ถูกระงับไว้ชั่วคราว เนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเธอเป็นหรือตาย
เพียงแต่……
มู่นวลนวลยื่นมือมาลูบท้องของตัวเอง
เด็กคนนี้เป็นอุปสรรคกับแผนการของเธอ
อีกไม่กี่เดือนก็คงจะใหญ่ขึ้น และจะทำอะไรก็คงไม่สะดวก
และตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือไปจากเซี่ยงไฮ้ เพื่อที่โม่ถิงเซียวจะได้หาเธอไม่เจอ
เธอก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถหลบหนีการค้นหาของโม่ถิงเซียวได้ แต่ในเมื่อเธอเดินหน้าแล้วก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับ