เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองระดับนานาชาติ และถือได้ว่าเป็นเมืองใหญ่ในประเทศจีน
สำหรับคนทั่วไปการจะหาใครสักคนในเซี่ยงไฮ้นั้น เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
แต่กับโม่ถิงเซียวนั้นไม่เหมือนกัน เพราะเขามีมีทั้งเงินมีทั้งอำนาจและกำลังคน
ถ้าเขาต้องการหามู่นวลนวลก็ง่ายแสนง่าย
เธอไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ และไม่สามารถพักในโรงแรมได้
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงหาโรงแรมเล็กๆที่ไม่เป็นทางการมาก และไม่จำเป็นต้องใช้บัตรประชาชนในการลงทะเบียน
ในโรงแรมอับชื้นและมืด ผ้าปูที่นอนสีขาวบนเตียงเป็นสีขาวที่ค่อนข้างจะเหลือง และห้องน้ำเต็มไปด้วยคราบสกปรก
มู่นวลนวลนอนบนเตียงโดยไม่ถอดเสื้อผ้า
การเก็บเสียงของห้องแทบจะเป็นศูนย์ ด้านนอกมีเสียงพูดคุยกันของคนที่เดินอยู่บนถนน และเสียงแตรของยานพาหนะต่างๆ
คืนแรกของการออกมาจากโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลก็นอนไม่หลับ
เมื่อเธอสะลึมสะลือและกำลังจะหลับ ในวินาทีต่อมาเธอก็เห็นถาพลวงตาว่าโม่ถิงเซียวพาคนมาตามหาเธอ จากนั้นเธอก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นจนถึงรุ่งสาง
เป็นการนอนที่เหนื่อยกว่าการไม่ได้นอน
ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือในตอนเช้าในห้องน้ำไม่มีน้ำอุ่น
มู่นวลนวลกัดฟันล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วก็เช็คเอาท์และออกเดินทาง
เธอไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้นานเกินไป
โม่ถิงเซียวเป็นคนยังไง เธอก็ไม่แน่ใจอีกแล้ว
หลังออกจากโรงแรมมู่นวลนวลก็ตรงไปที่สถานีขนส่ง
บริเวณนี้อยู่ใกล้กับชานเมือง เดิมเป็นเมืองเล็กๆที่ใกล้กับเซี่ยงไฮ้ ต่อมาเซี่ยงไฮ้ได้ถูกขยายและรวมเมืองเข้าด้วยกัน แต่ยังไม่มีการวางแผนและการก่อสร้าง ดังนั้นหลายๆอย่างจึงไม่เป็นทางการ
สถานีขนส่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ที่นี่ไม่จำเป็นต้องแสดงบัตรประชาชนในการซื้อตั๋ว เธอเคยมาที่นี่เมื่อวานเธอก็เลยรู้
มู่นวลนวลยืนรอสัญญาณไฟจราจรอยู่ริมถนน จู่ๆก็มีมือยื่นมาตบไหล่เธอ และเรียกอย่างไม่แน่ใจว่า:“มู่นวลนวล?”
มู่นวลนวลตัวแข็งทื่อ เธอถูกโม่ถิงเซียวจับตัวได้เร็วขนาดนี้เลยหรอ?
คนที่ตบไหล่เธอเดินมาตรงหน้าเธอ เอียงหน้ามองเธอแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ:“เป็นเธอจริงด้วย!”
มู่นวลนวลเห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจนและตะลึง:“ฉินซุ่ยซาน ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่?”
หลังจากที่ฉินซุยซานจากไปครั้งก่อน มู่นวลนวลก็เคยติดต่อกับเธอครั้งหนึ่ง และนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้พบกัน
สถานการณ์ในตอนนี้ของมู่นวลนวลมีความซับซ้อน เธอจ้องมองฉินซุยซานอยู่สองสามวินาที จากนั้นก็มองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
มีการรายงานข่าวว่าคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียวถูกเพลิงไหม้ และแน่นนอนว่าฉินซุ่ยซานต้องรู้
เมื่อเห็นท่าทางที่ระแวดระวังของมู่นวลนวล ฉินซุ่ยซานก็เชิดคางขึ้น สีหน้าของเธอดูเย่อหยิ่ง และเธอก็อธิบายเสียงดังว่า:“ช่วงนี้นี้ทีมงานกำลังเตรียมละครเรื่องใหม่ ฉันแค่ตามมาดูว่าเป็นยังไงบ้าง”
ทีมงานในประเทศโปรดิวเซอร์เป็นคนที่มีสิทธิในการพูดมากที่สุด และทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของโปรดิวเซอร์
“ถ้าไม่เป็นไร ฉันจะไปก่อนนะ” มู่นวลนวลรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องดีที่มาเจอกับฉินซุ่ยซานในเวลานี้
แต่ฉินซุ่ยซานหยุดเธอไว้:“ไปหาที่นั่งคุยกัน เธอบอกว่าจะส่งบทละครมาให้ฉัน แต่ก็ยังไม่ได้ส่งมาเลย”
มู่นวลนวลปฏิเสธตรงๆ:“ไม่ว่าง”
ฉินซุ่ยซานเงียบไปสองสามวินาทีและพูดว่า:“เธอไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเปิดเผยที่พักของเธอ ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
มู่นวลนวลครุ่นคิดสักพัก แล้วก็พยักหน้า
แถวนี้ไม่มีร้านกาแฟดีๆ ทั้งสองจึงหาได้แค่ร้านชานม
ฉินซุ่ยซานสั่งชานมร้อนสองแก้ว และผลักไปให้มู่นวลนวลหนึ่งแก้ว
“ขอบคุณ” มู่นวลนวลลองจิบๆดู
ฉินซุ่ยซานจ้องมองมู่นวลนวลอย่างตั้งใจอยู่สองสามวินาที :“เหนือความคาดหมายของฉัน ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเลยสักนิด ช่วงนี้ตระกูลโม่เกิดเรื่องขึ้นบ่อย ในเมืองเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมากมาย และล้วนแต่เกี่ยวข้องกับเธอ”
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นมองเธอ:“เธอผิดหวัง?”
ฉินซุ่ยซานยิ้มอย่างเฉยเมย:“มีบทละครให้ฉันดูไหม”
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้นก็เปิดโน้ตบุ๊คแล้วส่งให้ฉินซุ่ยซาน
มู่นวลนวลเขียนแนวฆาตกรรมลึกลับ แต่ก็มีความโรแมนติกปะปนอยู่ด้วย
แนวนี้มีตลาดขนาดใหญ่ในประเทศ
พ่อของฉินซุ่ยซานเป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ เธอได้สัมผัสกับดาราและคนดังตั้งแต่เธอยังเด็กๆ จนซึมทราบเข้าไปในตัวของเธอ และทำให้เธอมีวิสัยทัศน์ที่เป็นมืออาชีพ
เธอเลื่อนเมาส์อย่างลวกๆ และกวาดสายมองบทละคร จากนั้นก็เริ่มอ่านตั้งแต่บทแรก
เธอไม่สามารถหยุดอ่านได้ แววตาของเธอเปล่งประกาย
มู่นวลนวลรู้ว่าฉินซุ่ยซานตกหลุมรักบทละครของเธอ
เธอยื่นมือออกไปปิดโน้ตบุ๊คลง และเอามาไว้ตรงหน้าเธอ
ฉินซุ่ยซานรีบลุกขึ้นยืน:“โธ่ ให้ฉันอ่านอีกหน่อยสิ!”
มู่นวลนวลเอามือกดโน้ตบุ๊คไว้ และพูดด้วยสีหน้านิ่งว่า:“ตอนนี้ฉันรีบใช้เงิน เธอเสนอราคามา”
ฉินซุ่ยซานยื่นมือออกมา:“ห้าแสน”
มู่นวลนวลแค่ลองพูดไปเรื่อย ไม่คิดว่าฉินซุ่ยซานจะเสนอรคาจริงๆ
เธอจำครั้งก่อนที่ฉินซุ่ยซานบอกว่าจะช่วยเป็นคนกลางค่อยชักนำให้เธอได้
ฉินซุ่ยซานมีทีมโปรดักชั่นอยู่ในมือ การที่เธอเสนอราคาแสดงให้เห็นว่าเธอคิดว่าบทละครของมู่นวลนวลมีแนวโน้มว่าจะไปได้ดี และต้องการถ่ายทำด้วยตัวเอง
ในวงการธุระกิจ
ตอนนี้มู่นวลนวลกำลังต้องการใช้เงิน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อราคาที่ฉินซุ่ยซานเสนอ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่นวลนวลก็พูดว่า:“ราคาเดียว หนึ่งล้าน!ฉันต้องการสิทธิ์ในการเซ็นสัญญา”
“บทละครนี้มากที่สุดก็แค่ลงในเว็บซีรีส์ เธอยังจะต้องการหนึ่งล้าน ทำไมเธอไม่ปล้นเลยล่ะ!” แม้ว่าฉินซุ่ยซานจะคิดว่าบทละครของมู่นวลนวลจะมีแนวโน้มจะไปได้ดี แต่เธอคิดว่ามู่นวลนวลเป็นมือใหม่ ถ้าเธอซื้อบทละครของมู่นวลนวล เธอก็ต้องแบกรับความเสี่ยง
มู่นวลนวลพูดอย่างเฉียบขาดว่า:“คุณก็รู้สถานการณ์ของฉัน ฉันต้องการใช้เงิน จะเอาไม่เอาก็พูดมา”
ทำการค้าขายเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องต่อรองราคา หนึ่งล้านสำหรับฉินซุ่ยซานก็ไม่เท่าไหร่
เพียงแค่ฉินซุ่ยซานต้องการ เธอจะยอมจ่ายเงินอย่างแน่นอน
ฉินซุ่ยซานกัดริมฝีปาก และไม่ตอบมู่นวลนวลในทันที
มู่นวลนวลดูเวลาและเธอก็มีลางสังหรณ์ในใจว่าโม่ถิงเซียวอาจจะมาในไม่ช้า
เธอลุกขึ้นยืน:“ถ้าไปเอาฉันก็จะไปแล้ว เธอก็รู้ว่าตอนนี้โม่ถิงเซียวตามหาฉันไปทั่ว”
ฉินซุ่ยซายกัดฟันและพูดว่า:“โอเค ตกลง!”
สีหน้าของเธอดูฝืนๆนิดหน่อย แต่เห็นได้ชัดว่าเธอตัดใจทิ้งบทละครนี้ไม่ลง
มู่นวลนวลยิ้ม และส่งบทละครให้ฉินซุ่ยซานทางอีเมล
ฉินซุ่ยซานหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าตังค์และส่งให้มู่นวลนวล:“ในบัตรนี้มีหนึ่งล้าน รหัส 973210”
มู่นวลนวลหยิบบัตรเอทีเอ็ม และใส่โน้ตบุ๊คลงในกระเป่าเป้:“อย่าลืมทำสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน”
หลังจากที่เธอพูดจบก็ไม่รอให้ฉินซุ่ยซานตอบกลับ เธอสะพายกระเป่าเป้และจากไป
เมื่อเธอไปถึงประตูก็หันไปมองที่ฉินซุ่ยซาน เธอแบะปากอย่างมีเล่ห์กล
เธอไม่ได้ส่งเนื้อหาของบทละครทั้งหมดให้กับฉินซุ่ยซาน แต่ส่งไปเพียงแค่ครึ่งเดียว
สำหรับผู้เขียนบทพูดได้ว่าสิทธิ์ในการเซ็นสัญญาเป็นสิ่งสำคัญมาก ตอนนี้เธอกับฉินซุ่ยซานเพียงแค่ตกลงกันด้วยวาจาเท่านั้น แต่ถ้าสุดท้านแล้วฉินซุ่ยซานไม่ได้เซ็นสัญญากับเธอ เธอจะไม่เสียเปรียบหรอ?
การระมัดระวังและละเอียดรอบคอบถูกต้องเสมอ