มู่นวลนวลต่ขัดขืนโม่ถิงเซียว เธอไม่ได้ยื่นมือไปโอบคอของโม่ถิงเซียว
ดูเหมือนโม่ถิงเซียวจะอารมณ์ดีและไม่ได้สนใจอะไร เขาพูดเหน็บแนมว่า:“มู่นวลนวล เธอเผาคฤหาสน์ของฉัน เพื่อหนีออกมาอยู่ในสถานที่ที่น่าสยดสยองอย่างนี้หรอ?”
โรงแรมที่มู่นวลนวลเลือกในครั้งนี้ สามารถเข้าพักได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน
สภาพจึงไม่ค่อยดีนัก
คนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน มีคนทุกประเภท
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก และไม่พูดอะไร
แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร ตอนนี้เธอถูกโม่ถึงเซียวจับตัวได้แล้ว เธอแพ้และเธอไม่สามารถพูดอะไรได้
เมื่อเธอลงไปเธอพบว่าล็อบบี้ของโรงแรมเงียบสงบไม่มีผู้คน เจ้าของและแขกคนอื่นๆก็อาจจะกลัวการต่อสู้ของโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวนำกำลังคนมามากมาย บอดี้การ์ดทุกคนใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง อย่างกับจะมาก่อกวน ถ้าคนทั่วไปไม่กลัวสิถึงจะแปลก
รถของเขาจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม บอดี้การ์ดก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูให้เขา โม่ถิงเซียวอุ้มมู่นวลนวลเข้าไปนั่งในรถ
ทันทีที่มู่นวลนวลนั่งลง เธอก็ขยับไปนั่งที่ริมหน้าต่าง
แต่ไม่นานโม่ถิงเซียวก็ดึงข้อมือของเธอ และให้เธอมานั่งข้างๆเขา
มู่นวลนวลสู้แรงของโม่ถิงเซียวไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่ล้มตัวลงนอน
โม่ถิงเซียวดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา วางแขนข้างหนึ่งโอบเอวของเธอไว้ และมืออีกข้างหนึ่งก็ประคองศีรษะของเธอ และริมฝีปากบางของเขาก็กดลง
ทักษะในการจูบของเขาไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด
มันเผด็จการและหยาบคายอย่างสิ้นเชิง
เขากดด้านหลังศีรษะของมู่นวลนวล กัดริมฝีปากของเธอและหายใจแรง
จนกระทั่งมู่นวลนวลเจ็บริมฝีปาก โม่ถิงเซียวถึงจะยอมปล่อย
เธอเม้มริมฝีปากของเธอที่ชาไปหมด
มู่นวลนวลไม่มีแรงจะผลักเขา แต่ถามอย่างเมินเฉยว่า:“จะกลับเซี่ยงไฮ้แล้วหรอ?”
“ทำไม เธอยังอยากจะเล่นแมวจับหนู?” โม่ถิงเซียวไม่ยอมปล่อยเธอ เขายังคงกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา ราวกับว่าเขากลัวว่าเธอจะหนีไปอีก
“ดึกมากแล้ว เหนื่อยมาก ไม่อยากให้คืนนี้ผ่านไปเร็ว” มู่นวลนวลพูดจบแล้วก็หาวตอบ
นี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น จริงๆแล้มู่นวลนวลไม่เต็มใจมากกว่า
เธอไม่อยากถูกโม่ถิงเซียวจับตัวกลับไป
มู่นวลนวลนึกขึ้นได้ว่าหลังที่เธอกลับไปกับโม่ถิงเซียว ชีวิตของเธอจะเป็นยังไงต่อไป
ทั้งสองคนคงจะเปลี่ยนแปลงให้เขากันไม่ได้ โม่ถิงเซียวจะยังคงควบคุมและครอบงำเธอทุกอย่าง และคงจะควบคุมเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อนึกถึงข่าวตอนกลางวันในทีวี จู่ๆเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองไปที่โม่ถิงเซียว:“คุณให้สื่อปล่อยข่าวหรอ?”
สิ่งที่มู่นวลนวลพูดนั้นไม่ชัดเจนนัก แต่โม่ถิงเซียวก็เข้าใจได้
โม่ถิงเซียวจับหน้าของเธอด้วยความอ่อนโยนแปลกๆ:“แน่นอน ถ้าฉันไม่บอกให้ปล่อยข่าวออกไป พวกเขาจะกล้าพูดได้ยังไงว่าคุณหญิงของตระกูลโม่ถูกไฟคลอกตาย?”
ไม่ว่าสื่อจะกำเริบเสิบสานแค่ไหนก็ไม่กล้ายั่วยุตระกูลโม่
เซี่ยงไฮ้เป็นพื้นที่ของตระกูลโม่
มู่นวลนวนเพิ่งจะมีการตอบสนอง
โม่ถิงเซียวปล่อยข่าวและให้สื่อบ้าคลั่งว่าเธอถูกไฟคลอกตายในกองเพลิง ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่เธอถูกโม่ถิงเซียวจับตัวมาครั้งนี้ เขาก็จะยิ่งมีเหตุผลในการควบคุมเธอ
ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนที่ “ตาย” ไปจากโลกนี้แล้ว
เมื่อมู่นวลนวลนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก
โม่ถิงเซียวรู้สึกได้ว่ามู่นวลนวลตัวแข็งทื่อ สายตาดูมีเลศนัย ดูเหมือนเเขาจะรู้ว่ามู่นวลนวลกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจูบลงที่หน้าผากของมู่นวลนวลเบาๆ แล้วพูดด้วยความสบายใจว่า:“หาโรงแรมพักที่นี้สักคืน พรุ่งนี้ค่อยกับเซี่ยงไฮ้”
มู่นวลนวลขัดขืนการสัมผัสของโม่ถิงเซียว
เธอแข็งเหมือนก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนของโม่ถิงเซียว แต่โม่ถิงเซียวทำได้เพียงพาเธอไปที่โรงแรมและไม่พูดโต้แย้งออกมา
ด้วยนิสัยของโม่ถิงเซียวแล้ว ครั้งนี้ที่เธอวางเพลิงเผาคฤหาสน์ก็คงจะทำให้เขาโกรธมาก แต่ตั้งแต่โม่ถิงเซียวเจอตัวเธอจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ระบายความโกรธออกมา ถือว่าโชคดีมาก
แน่นอนว่ามู่นวลนวลไม่กล้ายั่วโมโหเขา
……
โม่ถิงเซียวพักในโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองนี้
สิ่งอำนวยความสะดวกดีกว่าโรงแรมเล็กๆ ที่มู่นวลนวลพักโดยไม่ได้ลงทะเบียนก่อนหน้านี้ และดีกว่าเป็นพันเท่า
เมื่อเข้าไปในห้อง มู่นวลนวลก็นั่งนิ่งๆอยู่บนเตียง
โม่ถิงเซียวถอดเสื้อและสั่งว่า:“ไปอาบน้ำ”
มู่นวลนวลเหมือนหุ่นยนต์ โม่ถิงเซียวสั่งอะไร เธอก็ทำอย่างนั้น
แต่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอก็พบว่าโม่ถิงเซียวตามมาข้างหลัง
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว:“คณจะทำอะไร”
โม่ถิงเซียวยิ้มมุมปากและพูดด้วยเสียงต่ำ:“แน่นอนว่าไปดูเธอ”
หางเสียงต่ำจนรู้สึกเย็นยะเยือก
“ตอนนี้ฉันจะหนีไปไหนได้?” มู่นวลนวลยิ้มและพูดประชดประชัน
โม่ถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง:“แม้แต่คฤหาสน์ของฉันยังกล้าเผา ยิ่งไม่ต้องพ฿ดถึงโรงแรมนี้เลย?”
หลังจากที่ได้ยิน มู่นวลนวลก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
เธอไม่เข้าใจวงจรสมองของโม่ถิงเซียว
เธอกล้าเผาคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว เพราะเธอรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวไม่ได้สนใจคฤหาสน์นั่น
แต่เธอจะกล้าเผาโรงแรมนี้ได้ยังไง?
เธอไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินก็จริงๆ แต่เธอมีจิตสำนึก?
เมื่อมู่นวลนวลเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของโม่ถิงเซียวแล้ว ก็ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมแพ้ เธอถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำต่อหน้าโม่ถิงเซียว
เธอนั่งลงในอ่างอาบน้ำและหันหลังให้โม่ถิงเซียว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะหันหลังให้โม่ถิงเซียว แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ว่าสายตาของโม่ถิงเซียวยังคงจ้องมองมาที่เธอ ราวกับว่าจะแผดเผาเธอได้ทุกเมื่อ
หลังจากที่มู่นวลนวลอาบน้ำเสร็จ โม่ถิงเซียวก็เอาผ้าขนหนูมาพันตัวเธอ และอุ้มเธอกลับไปที่เตียง
ในขณะนี้ก็มีเสียงเคาะประตู
โม่ถิงเซียวเดินไปเปิดประตู และหิ้วถุงกลับมาเยอะแยะ
เขาวางถุงลงที่หัวเตียง:“เปลี่ยนชุด”
หลังจากพูดจบเขาก็เข้าไปในห้องน้ำ
มู่นวลนวลเปิดดูก็พบว่ามันเป็นชุดนอนขนฟู ดูแล้วน่าจะใส่สบายมาก
มู่นวลนวลรู้สถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองดี เธอไม่มีสิทธิลากเสียงยาวกับโม่ถิงเซียว ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่เชื่อฟัง
เมื่อโมถิงเซียวอาบน้ำเสร็จก็ออกมา เขาเห็นมู่นวลนวลเปลี่ยนชุดนอนอย่างเชื่อฟังและรอเธออยู่บนเตียง รอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของเขา
เขาโน้มตัวไปจูบลงบนริมฝีปากของมู่นวลนวลเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:“ต่อไปก็ต้องเชื่อฟังเหมือนตอนนี้นะ อย่ายั่วโมโหให้ฉันโกรธ”
มู่นวลนวลกำมือแน่นไม่ขัดขืนหรือตอบโต้ใดๆ
โม่ถิงเซียวเห็นการโต้ตอบที่บอบบางในดวงตาของเธอ สายตาของเขาเย็นชา แต่เขาไม่ได้โกรธ
เขาดึงมู่นวลนวลเข้ามาไว้ในอ้อมแขน:“นอนเถอะ”
ตลอดสองวันที่ผ่านมามู่นวลนวลยุ่งวุ่นวายที่ต้องซ่อนตัว กินไม่อิ่มและนอนไม่หลับ แม้ว้าใจใจเธอจะขัดขืนโม่ถิงเซียว แต่เธอก็ยังไม่สามารถต้านทานความง่วงได้ ผ่านไปสักพักเธอก็หลับ
โม่ถิงเซียวมองดูใบหน้าที่หลับสนิทของเธอด้วยสีหน้าที่ดูคลั่งไคล
เธอหนีไม่พ้นหรอก