ตอนนี้เพิ่งจะถึงไฟแดง ซือเย่ชะโงกหน้าไปมอง พบว่าโม่ถิงเซียวชี้ไปในรูปถ่ายที่มีกลุ่มคนอยู่ด้านหลังของมู่นวลนวล
เพิ่งจะมองเข้าไป ซือเย่ก็ไม่ได้รู้สึกมีอะไรผิดปกติ
ซือเย่พูดประโยคที่จริงจัง“นี้คือคนที่ผ่านมาแถวนั้น”
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมอง น้ำเสียงน่าเกรงขาม“คนพวกนี้เมื่อก่อนไม่เคยเห็น”
ซือเย่สีหน้าอธิบายไม่ได้“หา?”
หลายเดือนมานี้ โม่ถิงเซียวไม่ได้ไปซิดนีย์ เขามองเห็นมู่นวลนวล เพียงแค่ในรูปถ่ายของมู่นวลนวล
หรือว่าปกติที่เขาดูรูปถ่ายของมู่นวลนวล ยังจำทุกคนที่ปรากฏอยู่ในฉากหลังรูปถ่ายของมู่นวลนวลได้?
ซือเย่ในใจยังรู้สึกประหลาดใจ ได้ยินเสียงพูดอย่างหนักแน่นของโม่ถิงเซียว“ให้คนไปตรวจสอบว่าคนพวกนี้เป็นใคร ให้พวกเขาจับตามองอย่างละเอียด”
“ได้”ซือเย่ตอบรับ
ซือเย่ขับรถมาถึงคอนโดและจอดรถด้านหน้าตึก
หลังจากที่เขามองตามโม่ถิงเซียวเข้าไปแล้ว จึงจะออกไป
โม่ถิงเซียวเปิดประตู ภายในห้องมืดสนิท
เขายื่นมือไปเปิดไฟในห้อง เดินตรงเข้าไปในห้องนอน
รูปถ่ายของมู่นวลนวลติดเต็มไปทั่วห้องนอน
รูปถ่ายพวกนี้ ทั้งหมดอยู่ภายในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาส่งลูกน้องไปซิดนีย์ถ่ายรูปกลับมา บางภาพชัดเจน บางภาพเลือนลาง
ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพที่เบลอแต่สามารถมองเห็นเค้าโครงของรูปถ่ายชัดเจน โม่ถิงเซียวก็ตัดใจไม่ได้ที่จะลบทิ้ง และยังล้างรูปออกมาด้วยตัวเอง
โม่ถิงเซียวถอดเสื้อโค้ทออก ค่อยๆม้วนแขนเสื้อไปที่ปลายแขน เดินไปด้านหน้าเครื่องพิมพ์ นำโทรศัพท์กับเครื่องพิมพ์เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เริ่มพิมพ์รูปถ่ายของวันนี้
…
ในเวลาที่มู่นวลนวลนอนหลับจนถึงเที่ยงคืน ก็ถูกเสียงเพลงที่ดังกึกก้องเสียงดังสนั่นหูปลุกให้ตื่น
เธอลืมตาขึ้นมาในความมืด นอนงงงวยอยู่บนเตียงหลายนาที จึงแยกแยะออกว่าเสียงเพลงมาจากบ้านข้างๆ
วัยรุ่นมีกำลังวังชาเธอรู้ แต่ว่ามีกำลังวังชาก็สามารถไม่มีมารยาทจัดปาร์ตี้เที่ยงคืนสนุกสนานอย่างสุดเหวี่ยงเสียงดังโวยวายปลุกคนอื่น?
มู่นวลนวลลุกขึ้นยืน เดินไปถึงหน้าต่าง เปิดผ้าม่านมุมหนึ่งออกและมองออกไปด้านนอก
บ้านที่เธออาศัยกับบ้านข้างๆกั้นไว้ด้วยกำแพงรั้ว จากบ้านเธอมองออกไป พอดีกลับที่สามารถมองเห็นกองไฟที่กำลังสุมอยู่ในลานบ้าน และคนที่นั่งอยู่รอบๆ
กองไฟที่สุมอยู่แสงเพลิงสว่างไสว ระยะห่างไม่ไกลมาก มู่นวนวลก็จำวัยรุ่นในจำนวนนั่นได้ ก็คือในเวลากลางวันที่เธอออกไปทานอาหาร พบเจอที่หน้าประตูบ้านข้างๆ
เธอยังจำรูปร่างของพวกเขาและเสื้อผ้าที่สวมใส่ในตอนกลางวันได้
เขตพื้นที่นี้ห่างไกลจากในตัวเมืองมาก ส่วนใหญ่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่คือคนชราที่เกษียณ และกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นก็สะดุดตาเกินไป เป็นธรรมชาติที่จะจำได้ไม่ยาก
ในจำนวนนั้นยังมีบางส่วนที่มู่นวลนวลไม่เคยเห็นในตอนกลางวัน มีบางคนที่ไม่เคยเห็น มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง กำลังนัวเนียกันมองก็รู้ว่าไม่ได้ทำเรื่องที่ดี…
พวกเขาเคลื่อนไหวเสียงดังเอะอะมาก ไม่เพียงเสียงดังโวยวายรบกวนมู่นวลนวลแค่คนเดียว แต่ไม่มีคนออกมาห้ามพวกเขา
ดูเหมือนว่ากลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้กวนโมโหได้ง่ายๆ และมู่นวลนวลโดดเดี่ยวคนเดียวยังตั้งครรภ์อีก เป็นธรรมชาติที่จะไม่กล้าพูดอะไร
เธอกลับไปที่บนเตียง ดึงผ้านวมขึ้นมาเหนือศีรษะ คลุมตัวเองไว้อย่างแน่น ก็ยังปิดกั้นเสียงดังสนั่นไม่ได้
จนกระทั่งใกล้ถึงเวลารุ่งสาง จึงค่อยๆเงียบลง
มู่นวลนวลหลับไม่เต็มอิ่มทั้งคืน ตอนเช้าก็ไม่มีชีวิตชีวา ปิ้งขนมปังสองแผ่นให้ตัวเองอย่างเหนื่อยล้า
ในเวลาที่เธอกำลังรอไข่ต้มสุก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก
มู่นวลนวลหันหน้ากลับไปมองทางประตู ขมวดคิ้วขึ้น เดินไปที่ประตู
มองไปที่ช่องประตู พบว่าเป็นเด็กผู้หญิง มู่นวลนวลก็เปิดประตู
เด็กผู้หญิงทักทายเธอก่อน“สวัสดี!”
“สวัสดี มีธุระอะไร?”มู่นวลนวลเปิดประตูครึ่งหนึ่งและยืนกั้นอยู่หน้าประตู ไม่คิดจะให้เด็กผู้หญิงเข้ามาในบ้าน
เด็กผู้หญิงคนนี้ใส่เสื้อกันหนาวสีชมพูที่มีหมวก ช่วงล่างใส่กางเกงขาสั้นจนจะเห็นก้นแล้ว ดูเหมือนว่าอายุยังไม่มาก
ในเวลาที่มู่นวลนวลกำลังสังเกตเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงก็กำลังสังเกตเธอ
สายตาของเด็กผู้หญิงหยุดอยู่ที่บนท้องของเธอ หลังจากนั้นก็ย้ายมาที่ใบหน้าของมู่นวลนวลอีกครั้ง ใช้ภาษาอังกฤษพูดกับเธอ“สามารถยืมใช้ของน้ำของคุณได้ไหม?ในบ้านเพื่อนฉันคนเยอะมาก อยากจะเข้าห้องน้ำก็ต้องต่อแถว ฉันรีบมาก”
มู่นวลนวลลังเลอยู่สองวินาที และพูด“ขอโทษด้วย สามีของฉันอยู่ในห้องน้ำ เขามีปัญหาเรื่องท้องผูก ถ้าเธอไม่ถือสารอประมาณหนึ่งชั่วโมง…”
“พระเจ้า…”เด็กผู้หญิงก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเกินจริง“ฉันเห็นใจคุณจริงๆ”
หลังจากนั้น เด็กผู้หญิงก็หมุนตัวกลับออกไป
มู่นวลนวลก็รูปปิดประตูอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ หลังจากที่เธอปิดประตูแล้ว ไม่ได้กลับไปที่ห้องครัวโดยตรง แต่มองไปที่ช่องประตู
มองจากช่องประตู เธอมองเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นเดินกลับไปพบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ก็ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงพูดอะไรกับเด็กผู้ชาย เด็กผู้ชายก็มองตรงมาที่ประตูบ้านของมู่นวลนวล
ถึงแม้ว่ามู่นวลนวลรู้ พวกเขามองไม่เห็นเธอ แต่ว่าก็ยังตื่นตกใจ
วัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน
เมื่อกี้เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่จะมายืมใช้ห้องน้ำอย่างแน่นอน อาจจะมาลองทดสอบว่าเธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวหรือไม่
เด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีชอบแสวงหาความตื่นเต้น เรื่องอะไรก็สามารถทำได้หมด
มู่นวลนวลไม่เคยคิดที่จะคาดเดาผู้อื่นด้วยเจตนาร้าย แต่ว่าพฤติกรรมของวัยรุ่นกลุ่มนี้น่าสงสัย
กลับมาที่ห้องครัว ความคิดที่จะทานอาหารของมู่นวลนวลก็ไม่มีแล้ว
ไม่อย่างนั้นก็ต้องย้ายออกไปพักที่อื่นก่อนสองสามวัน?
มู่นวลนวลยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกจิตใจไม่สงบ
กลุ่มคนนั้นที่อยู่ข้างบ้านเมื่อคืนเล่นกันอย่างบ้าคลั่งทั้งคืน ตอนนี้น่าจะนอนหลับกันอยู่ ถ้าหากว่าเธอออกไปตอนี้ น่าจะไม่พบกับพวกเขาแล้ว
คิดแบบนี้ มู่นวลนวลก็เก็บเสื้อผ้าหนึ่งชุดง่ายๆ สะพายกระเป๋าแล้วออกไป
เธอกวนโมโหไม่ได้ก็จำเป็นต้องหลบซ่อน
มู่นวลนวลล็อกประตูดีแล้ว มองไปรอบด้าน แน่ใจว่าไม่มีคน จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าด้วยความวางใจเล็กน้อย
เพียงแต่ ในเวลาที่เธอเดินมาถึงลานหน้าบ้าน จึงพบว่ามีคนหนึ่งคนยืนพิงอยู่ที่กำแพง
เป็นคนพื้นเมืองผมสีทองในตาสีฟ้า สวมใส่เสื้อสีแดง ใบหน้าเห็นได้ชัดว่ายังอ่อนวัยแต่มีรูปร่างสูงมาก ดังนั้นทั่วทั้งตัวดูเหมือนว่าผอมมาก
เขาใช้มือพยุงกำแพงรั้วไว้ กระตุกริมฝีปากและยิ้มชั่วร้าย“สวัสดี คนสวย”
จิตใต้สำนึกของมู่นวลนวลสั่งให้ถอยหลังไปสองก้าว พยักหน้าแสดงออกทักทาย จะหันกลับเดินไปอีกด้านหนึ่ง
เห็นว่ามู่นวลนวลเดินไป เด็กผู้ชายก็เดินตามไป
เขาเดินตามมู่นวลนวลพลางใช้ภาษาอังกฤษพูด“ไม่ต้องรีบไป เมื่อวานพวกเราเพิ่งจะเจอกันไม่ใช่เหรอ?คุณจำผมไม่ได้แล้ว?”
มู่นวลนวลเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน รีบเร่งฝีเท้า
แต่ว่า เด็กผู้ชายสูงกว่าเธอ ขาก็ยาวกว่ามาก เดินสามก้าวก็ไล่ตามทันแล้ว ดึงเธอไว้แน่นเริ่มพูดอย่างไม่พอใจ“ผมกำลังพูดกับคุณ คุณไม่ได้ยินเหรอ?คุณฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ?คุณมาจากที่ไหน?”