โม่ถิงยังคงเงียบอยู่ มู่นวลนวลอาการเริ่มดีขึ้น
เธอหายใจเข้าลึก ให้มือปาดน้ำตาที่เต็มหน้า
โม่ถิงเซียวไม่พูดจา ยื่นมือออกมาดึงเธอเข้าไปกอด
มู่นวลนวลใช้มือทุบตีเขาเพื่อให้เขาปล่อยเธอ
ทั้งสองนั่งเครื่องมาเป็นเวลานานจึงต่างคนต่างเหนื่อย มู่นวลนวลเธอร้องไปจนหมดแรงแล้วหลับไป
โม่ถิงเซียวอุ้มเธอเข้าไปนอนที่ห้อง
เขานอนห้องนี้มาแล้วครึ่งปี ในที่สุดก็มีผู้หญิงที่จะมาเป็นเจ้าของเตียงสักที
โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ข้างเตียงมองเธอ สักพักจึงลุกขึ้นไปหยิบผ้าที่ห้องน้ำมาเช็ดหน้าให้เธอ
มู่นวลนวลเธอร้องไห้ บนหน้าเธอยังมีคราบน้ำตาติดอยู่ จึงต้องเช็ดให้เธอ
เช็ดหน้าให้มู่นวลนวลเสร็จโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น
เขารีบร้อนหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดปิดเสียง
เงยหน้าขึ้นมองมู่นวลนวล ดีนะที่ไม่ทำให้เธอตื่น แล้วจึงลุกขึ้นถือโทรศัพท์แล้วเดินออกไปเบาๆ
คนที่โทรมาคือซือเย่
หนึ่งเดืนที่อยู่ที่ซิดนีย์ ซื่อเย่ก็ยุ่งเรื่องตามหาเด็กอยู่ตลอด แต่ไม่มีวี่แววอะไรเลย
เพราะเป็นเด็กพึ่งเกิดใหม่จึงสืบหาตัวได้ยาก
โม่ถิงเซียวเดินไปที่ประตูหน้าต่างแล้วรับโทรศัพท์ : “มีอะไรคืบหน้าไหม?”
ซือเย่พูดขึ้น : “ได้ข้อมูลมานิดหน่อยแต่ยังไม่แน่ใจครับ คนในตระกูลโม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้………………”
ซือเย่ที่ถือสายอยู่พูดไม่ค่อยชัดเจน
โม่ถิงเซียวเสียงเข้ม แล้วพูด : “มาที่นี้”
ซือเย่รีบมาอย่างรวดเร็ว
พอเข้าประตูมาก็ทำความเคารพเขา: “คุณชาย”
โม่ถิงเซียวใช้สายตาสื่อกับเขาเพื่อให้เขาพูดเสียงเบาๆ
แล้วบอกกับซือเย่ : “นายไปรอที่ห้องอ่านหนังสือ”
ซือเย่พยักหน้าแล้วเดินไปรอที่ห้อง
โม่ถิงเซียวเดินกลับไปดูมู่นวลนวลในห้องนอนเห็นมู่นวลนวลหลับสนิด จึงปิดประตูแล้วไปที่ห้องอ่านหนังสือ
ประตูห้องนอนถูกปิดลง มู่นวลนวลที่นอนหลับสนิดอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้น
เธอรู้สึกตัวตั้งแต่ที่โม่ถิงเซียวเช็ดหน้าให้เธอ แต่เธอหลอกทำเป็นนอนหลับ
โม่ถิงเซียวไม่ยอมให้เธอเจอลูกเป็นเรื่องที่แปลกมาก
แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะเย็นชากับเธอ แต่เมื่อเขาดีกับเธอก็ดีเอามากๆ เพราะฉนั้นที่เขาไม่ยอมให้เธอเจอกับลูกมันจึงหน้าสงสัย
เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวัง เดินเทาเบาออกจากห้องไป
ตอนที่อยู่ในห้องเธอได้ยินเสียงปิดเปิดประตูซึ้งเธอรู้สึกได้ว่านั้นคือประตูใหญ่ของอพาร์ทเม้น
มู่นวลนวลเดินไปดูตรงทางเข้า แล้วเห็นรองเท้าหนังของผู้ชายที่เป็นรองเท้าของคนใกล้ชิดของโม่ถิงเซียว
ผู้ชายมที่สามารถมาหาโม่ถิงเซียวถึงที่บ้านได้มีแค่กูจื่อหยานและซือเย่เท่านั้น
แต่กูจื่อหยานเป็คนที่ชอบเสียงดังเขาไม่มีทางจะเข้ามาอย่างเงียบๆแน่นอน
ฉนั้นคนที่เข้ามาที่บ้านก็คือซือเย่
มู่นวลนวลย่องเบาไปที่ห้องอ่านหนังสือ
ประตูห้องทำจากไม้เธอเปิดประตูออกเล็กน้อยก็ได้ยินเสียงพวกเขาคุยกันเบาๆ
ส่องผ่านรูเข้าไปก็เห็นทั้งสองคนกำลังยื่นคุยกันอยู่
ซือเย่ยื่นเอกสารในมือให้กับโม่ถิงเซียว : “คุณชาย นีเป็นเอกสารการใช้จ่ายเงินแบบผิดปกติของคนในตระกูลโม่ หนึ่งในนั้นคือบัญชีของคุณชายรอง บัญชีของเขามีเงินส่วนหนึ่งที่ใช้จ่ายไปที่ต่างประเทศ ผมคิดว่ามันต้องมีส่วนเกี่ยวของกับเรื่องที่คุณหนูหายตัวไปแน่นอน”
โม่ถิงเซียวไม่แสดงท่าทีอะไร เขาเงียบไม่สักพักแล้วพูดขึ้น : “คนในตระกูลโม่คนอื่นละ?”
ซือเย่ส่ายหัวแล้วพูด : “ตอนนี้ยังสืบไม่เจอข้อมูลการใช้จ่ายมี่ผิดปกติของคนอื่นเลย”
ทั้งสองเริ่มคุยไปเรื่องอื่น มู่นวลนวลเริ่มฟังไม่รู้เรื่อง
เธอปิดประตู ในหัวเธอตอนนี้กำลังสับสนและสงสัย
ซือเย่พูดถึง “คุณชายรอง” สิ่งที่เธอรู้คนนั้นก็คือซือเฉิงยวี่
แล้วที่ซือเย่เรียกว่าคุณหนูก็คือลูกสาวของโม่ถิงเซียวหรอ?
โม่ถิงเซียวไม่ได้สั่งให้คนมาสลับเอาตัวลูกสาวไปจริงๆหรอ?
แต่ว่า เรื่องที่ลูกสาวของเธอหายไปเกี่ยวอะไรกับซือเฉิงยวี่?
เมื่อก่อนที่เธอรู้ว่าลูกหายไป ในหัวเธอที่มั่นใจว่าโม่ถิงเซียวเป็นคนพาตัวลูกสาวไปก็เพราะเธอคิดว่านอกจากโม่ถิงเซียวแล้วไม่มีใครกล้าทำแบบนี้แน่นอน
ถ้าหากว่าซือเฉิงยวี่เป็นคนทำ แล้วเขาต้องการอะไร?
หรือแค่เพราะว่าตัวเองเป็นศัตรูกับโม่ถิงเซียว?
ถ้าเกิดเป็นเขาจริงๆ เขาจะทำอะไรกับลูกสาวเธอ?
มู่นวลนวลคิดเรื่องนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวแต่สุดท้ายเธอก็ยังไม่เข้าใจ
ถ้าหากว่าเป็นโม่ถิงเซียวที่พาตัวลูกไป เธอมั่นใจว่าลูกจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากว่าเป็นซือเฉิงยวี่…………
มู่นวลนวลหน้ามืด ใช้มือหลักกำแพงเพื่อพยุ่งตัวไว้
เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าซือเฉิงยวี่จะทำอะไรลูกสาวเธอบ้าง…………….
เมื่อเธอรู้สึกได้ว่าเสียงภายในห้องใกล้เข้ามาเรื่อยๆเธอจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองยื่นอยู่ข้างประตู เธอจึงรีบร้อนวิ่งกลับไปที่ห้องนอน
ทำเหมือนว่านอนหลับก็ใช้ไม่ได้ผลแล้วเธอจึงทำเป็นเหมือนคนพึ่งตื่นนอนแล้วพิงหัวเตียงเล่นโทรศัพท์
โม่ถิงเซียวเปิดประตูเข้ามาก็เห็นเธอนั่งพิงหัวเตียงเล่นโทรศัพท์อยู่
โม่ถิงเซียวจึงเดินมานั่งที่ข้างเตียง : “ตื่นแล้วหรอ?”
มู่นวลนวลไม่เงยหน้ามองเขา : “อืม”
แม้ว่าเธอจะจ้องไปที่โทรศัพท์ แต่เธอก็มีแอบมองว่าโม่ถิงเซียงจะมีปฏิกริยาอย่างไร
โม่ถิงเซียวยกมือขึ้นจะลูบหัวเธอ แต่ยกขึ้นได้ไม่นานก็ดึกมือกลับ
เธอได้ยินเสียงของโม่ถิงเซียวที่สงบและไม่ใช้อารมณ์พูดกับเธอ : “หิวรึยัง?อยากทานอะไร?”
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นมองเขา : “คุณทำอาหารเป็นหรอ?”
โม่ถิงเซียวคิดไม่ถิงว่ามู่นวลนวลจะถามเขาแบบนี้ ที่จริงคือเขาไม่คิดว่ามู่นวลนวลจะใช้น้ำเสียงที่ปกติพูดกับเขา เขาอึ่งไปชั่วขณะ แล้วพูดกับเธอ : “ผมทำไม่เป็น ผมจะสั่งให้ร้านอาหารจิยติ่งเอามาส่ง”
พูดนวลนวลพูดขึ้น : “ในตู้เย็นมีอะไรไหม?เดี๋ยวฉันทำเอง”
โม่ถิงเซียวส่ายหัว
“งั้นออกไปซื้อด้วยกัน” เธอเปิดผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง
โม่ถิงเซียวรีบลุกขึ้น เขาทำตัวไม่ถูกยื่นนิ่ง แต่สายตาของเขาก็จ้องไปที่มู่นวลนวล
มู่นวลนวลอยากจะออกไปซื้อของกับเขา
แม้ว่าเมื่อก่อนเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไรนัก แต่ช่วงนี้ที่เธอทำตัวเย็นชากับเขามาโดยตลอด ทำให้โม่ถิงเซียวรู้สึกดีและแปลกใจมาก
มู่นวลนวลสวมรองเท้าสำรอง เห็นโม่ถิงเซียวที่ยื่นอยู่ที่เดิมและกำลังจ้องเธออยู่ จึงพูดขึ้น : “ทำไมหรอ? ฉันออกไปข้างนอกไม่ได้?”
โม่ถิงเซียวไม่พูดอะไร เดินไปจับมือเธอแล้วออกไปซื้อของด้วยกัน
โม่ถิงเซียวขับรถพาเธอไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน
มู่นวลนวลรู้ว่าโม่ถิงเซียวชอบกินอะไร เวลาเธอเลือกของจึงไม่ได้ถามเขาแล้วหยิบของใส่รถเข็นเลย
โม่ถิงเซียวผลักรถเข็นตามหลังเธออย่างเงียบๆ เดิมทีเขาเป็นผู้ชายคีพลุคและเย็นชา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาเหมือนสิงโตที่ถูกฝึกให้เชื่องและอ่อนโยน