พอได้ใกล้ชิดกันฉินซุ่นซานมาเป็นเวลานาน มู่นวลนวลก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจเธอ
ฉินซุ่ยซานเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พื้นเพครอบครัวก็ดี
อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าใจในแวดวงนี้มากจนเกินไป จึงถูกคนอื่นหว่านล้อมได้ยาก
มู่นวลนวลเห็นสีหน้าเธอดูเครียดและจริงจังจึงพูดขึ้น : “มันเป็นเรื่องที่จะเลี่ยงไม่ได้ การอยู่ในแวดวงนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นที่จับตามองของทุกคน ให้พวกเขาได้คอมเม้นต์”
ฉินซุ่นซานเห็นเธอพูดเช่นนั้นจึงไม่พูดต่อ : “ก็ได้ เธอเข้าใจก็ดีแล้ว”
…………
วันที่ 6 เดือนสิงหาคม ภาพยนต์เรื่องเมืองที่สาบสูญเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ
อากาศเดือนตุลาคมยังคงร้อนอยู่
เพื่อความสะดวกมู่นวลนวลไม่ใส่กระโปร่งแต่เธอแต่งตัวสะบายๆโดยใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาและกางเกงขายาวสีดำ
เธอเป็นคนสวย มีฐานที่ดี เพียงแค่ใส่ชุดสีขาวดำธรรมดาก็สวยได้
เธอแต่งหน้าด้วย แต่แต่งเบาๆและธรรมดา
แค่เขียนคิ้วและทาลิปสติก
“ไม่ได้แต่งหน้าก็สวยกว่านางเอกแล้ว” ฉินซุ่นซานหมั่นไส้เธอ
มู่นวลนวลยิ้มให้เธอแล้วไม่พูดอะไร
พิธีเปิดกล้องจัดอยู่ที่สถานที่แรกที่จะถ่าย เป็นตึกมัธยมร้างในเมืองเก่าๆ
จากในเมืองขับรถไปถึงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ฉินซุ่ยซานเป็นผู้อำนวยการสร้าง ในกองเป็นคนที่ทีอำนาจพอสมควร
ฉนั้นเมื่อเธอไปถึงกอง ทุกคนก็ไปถึงกันแล้ว
นางเอกเป็นนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาภาพยนตร์ ส่วนพระเอกเป็นนักแสดงมีชื่อเสียงพอสมควร ฉินซุ่นซานเคยพูดถึงเรื่องนี้ให้มู่นวลนวลฟังเพียงครั้งเดียว แต่มู่นวลนวลไม่รู้ว่าเป็นใคร
ฉินซุ่ยซานเดินไปแล้วถาม : “ซู่มู่ฮันมารึยัง?”
มู่นวลนวลที่เดินตามหลังเธอพอได้ยิน “ซุ่มู่ฮัน”ชื่อนี้ก็มึนงงเล็กน้อย
เธอรู้สึกว่าซู่มู่ฮันชื่อนี้คุ้นหู
เพราะว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉินซุ่ยซานปลอมเป็นคนใช้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว ตอนที่โม่เอินหยาพูดถึงชื่อนี้ก็ทำให้เธอและโม่เอินหยาต้องทะเลาะตบตีกัน
และรุนแรงมาก
และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ฉินซุ่ยซานของลาออก
ซู่มู่ฮันอยู่ในวงการบันเทิงมานานและถูกวิพากวิจารณ์ในทางบวกตลอดที่อยู่ในแวดวงบันเทิง เขาโด่งดังมากและฐานแฟรคลับก็แน่นมากเช่นกัน
ผลงานของเขที่โด่งดังมีไม่มาก แต่กระแสดีและการตอบรับดีมาก เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน
ฉนั้นค่าตัวของเขาก็ไม่ธรรมดา
วันนี้เป็นวันเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนต์ ฉินซุยซานมาถึงก็ถามหาซู่มู่ฮัน ทำให้มู่นวลนวลนึกสงสัย
ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เว็บซีรี่ส์หรอ?
ไม่ใช่โปรดักชั่นขนาดใหญ่อะไร สามารถให้นักแสดงแถวสองแถวสามหรือเด็กใหม่เข้ามาร่วมพิธีก็ได้
แต่ซู่มู่ฮัน………….
มู่นวลนวลดึงแขนฉินซุ่นซานแล้วถามเธอ: “พระเอกของเรื่องนี้คือ ซุ่มู่ฮัน?”
“ใช่” พอฉินซุ่ยซานพูดจบสีหน้าก็ดูแปลกๆ เธอมองไปรอบๆ และพามู่นวลนวลไปที่ลับตาคน: “เรื่องครั้งก่อนที่ฉันมีเรื่องกับโม่เอินหยาเธอห้ามพูดให้ซู่มู่ฮันฟังนะ”
มู่นวลนวลงงนิดหน่อย : “ก็ได้”
“คุณฉิน”
“มีอะไร?”
มู่นวลนวลยังมีเรื่องจะพูดกับเธอ แต่เธอก็ถูกคนอื่นเรียกไปก่อน
มู่นวลนวลอยากรู้จริงๆว่าฉินซุ่ยซานดึงนักลงทุนมามากน้อยแค่ไหนมาลงทุนถ่ายทำภาพยนต์นี้
ขณะนั้นเอง ผู้ช่วยผู้จัดการของฉินซุ่นซานก็เข้ามารินน้ำให้เธอ : “คุณมู่ ดื่มน้ำ”
“ขอบคุณ” มู่นวลนวลรับแก้วน้ำมา
สักพัก ฉินซุ่นซานเสร็จธุระเธอจึงเดินกลับมาหามู่นวลนวล
“อากาศร้อนมาก” ฉินซุ่ยซานดื่มน้ำเสร็จแล้วหันไปพูดกับมู่นวลนวล: “แต่ต้องถ่ายให้เสร็จก่อนฤดูหนาว แบบนี้จะได้ฉายได้ในช่วงหน้าหนาว”
มู่นวลนวลคิดอีกทีแล้วถามเธอ : “เธอดึกนักลงทุนมาได้เท่าไหร่และใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่?”
ฉินซุ่ยซานบอกกับเธอตรงๆ : “50 ล้าน”
“50 ล้าน?” มู่นวลนวลตกใจกับตัวเลขที่ได้ยิน
50 ล้าน มันมากเกินไปสำหรับเรื่องนี้
“ถ้าหากว่า 50 ล้านไม่พอ ฉันสามารถดึงคนมาลงทุนและเพิ่มเงินลงทุนได้อีก” น้ำเสียงของฉินซุ่นซานดูปกติ
มู่นวลนวลเอามือจับหน้าผาก พูดเสียงเบา : “เธอไม่กลัวขาดทุนหรอ?”
ฉินซุ่ยซานคิดอยู่สักพักแล้วพูด : “ขาดทุนแล้วจะป็นอะไร? อย่างมากก็แค่ไม่ทำงานกับเธอต่อ”
พูดจบเธอก็ยื่นมือมาตบไหล่มูนวลนวล : “ฉันล้อเล่น ตอนนี้ยังไม่เริ่มถ่าย อย่าพูดเรื่องขาดทุนเลย ถ้าเกิดทำอะไรสักอย่างแล้วคิดถึงผลลัพธ์ไว้ก่อนก็เหนื่อยกันพอดี”
มู่นวลนวลพยักหน้า : “เธอพูดถูก”
ฉินซุ่ยซานยืนขึ้น : “ไปกันเถะ ฉันจะแนะนำเธอให้พนักงานทุกคนรู้จัก”
พนักงานในกองมีเยอะมาก เธอไม่สามารถจำทุกคนได้หมด
แต่รู้สึกได้ว่าตอนที่ฉินซุ่นซานแนะนำเธอกับทุกคนจะพูดเกินไปหน่อย เพราะหลังจากแนะนำเสร็จทุกคนจะสุภาพกับมู่นวลวนลมาก
บางคนพอได้ยินชื่อเธอก็เบิกตากว้างแต่ไม่กล้าถามอะไร
พอแนะนำกับทุกคนแล้ว ซู่มู่ฮันก็เดินผ่านมาพอดี
ซุ่มู่ฮันตัวสูงและผมสั้น มีเคราเล็กน้อย ดวงตาที่คม หล่อเหลาและผิวสีข้าวสาลีที่ทำให้เขามีความเป็นผู้ชาย
เพราะเขาไม่หมือนกับเด็กหนุมในจอทั่วไป ฉนั้นซู่มู่ฮันจึงอาศัยความสามารในการแสดง และเส้นทางในการแสดงก็แคบมาก บทส่วนใหญ่ที่เขาเล่นก็เป็นบทที่หนักและเหนื่อยมาก
ฉินซุ่ยซานมองเห็นเขาจึงเรียกเขา : “ซู่มู่ฮัน”
“มีอะไร?” ซู่มู่ฮันเดินเข้ามา สายตาก็สำรวจไปที่ฉินซุ่ยซาน
ฉินซุ่ยซานให้มือจับที่ไหล่ของมู่นวลนวล : “แนะนำให้นายรู้จัก เธอคือคนเขียนบทของเรามู่นวลนวล”
ซู่มู่ฮันมองไปที่มู่นวลนวล สายตาของเขาดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ทักทายเธออย่างมีมารยาท : “สวัสดีครับคุณมู่”
มู่นวลนวลยิ้มให้ : “สวัสดีค่ะ! เมื่อก่อนฉันเคยดูหนังของคุณ”
ซู่มู่ฮันเป็นพระเอกของเรื่อง ฉนั้นจึงค่อนข้างจะยุ่ง เขาแวะมาพูดคุยกับพวกเธอได้สักพักก็ถูกผู้กำกับเรียกตัวไป
…………
พิธีเปิดกล้องถ่ายทำก็เสร็จไปอย่างราบรื่น
ราบรื่นมากจนกระทั้งมู่นวลนวลกลับถึงบ้านไปก็ไม่มีสื่อที่ตามเล่นงานเธอ
ราบรื่นจนรู้สึกผิดปกติ
มู่นวลนวลคิดแล้วคิดอีกจึงโทรหาโม่ถิงเซียว
คนที่อยู่ปลายสายราวกับว่ารอโทรศัพท์จากเธออยู่ตลอด เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแค่หนึ่งครั้งก็มีคนรับสาย
“มู่นวลนวล”