ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 290 ราบรื่นจนผิดปกติ

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

พอได้ใกล้ชิดกันฉินซุ่นซานมาเป็นเวลานาน มู่นวลนวลก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจเธอ

ฉินซุ่ยซานเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พื้นเพครอบครัวก็ดี

อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าใจในแวดวงนี้มากจนเกินไป จึงถูกคนอื่นหว่านล้อมได้ยาก

มู่นวลนวลเห็นสีหน้าเธอดูเครียดและจริงจังจึงพูดขึ้น : “มันเป็นเรื่องที่จะเลี่ยงไม่ได้ การอยู่ในแวดวงนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นที่จับตามองของทุกคน ให้พวกเขาได้คอมเม้นต์”

ฉินซุ่นซานเห็นเธอพูดเช่นนั้นจึงไม่พูดต่อ : “ก็ได้ เธอเข้าใจก็ดีแล้ว”

…………

วันที่ 6 เดือนสิงหาคม ภาพยนต์เรื่องเมืองที่สาบสูญเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ

อากาศเดือนตุลาคมยังคงร้อนอยู่

เพื่อความสะดวกมู่นวลนวลไม่ใส่กระโปร่งแต่เธอแต่งตัวสะบายๆโดยใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาและกางเกงขายาวสีดำ

เธอเป็นคนสวย มีฐานที่ดี เพียงแค่ใส่ชุดสีขาวดำธรรมดาก็สวยได้

เธอแต่งหน้าด้วย แต่แต่งเบาๆและธรรมดา

แค่เขียนคิ้วและทาลิปสติก

“ไม่ได้แต่งหน้าก็สวยกว่านางเอกแล้ว” ฉินซุ่นซานหมั่นไส้เธอ

มู่นวลนวลยิ้มให้เธอแล้วไม่พูดอะไร

พิธีเปิดกล้องจัดอยู่ที่สถานที่แรกที่จะถ่าย เป็นตึกมัธยมร้างในเมืองเก่าๆ

จากในเมืองขับรถไปถึงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ฉินซุ่ยซานเป็นผู้อำนวยการสร้าง ในกองเป็นคนที่ทีอำนาจพอสมควร

ฉนั้นเมื่อเธอไปถึงกอง ทุกคนก็ไปถึงกันแล้ว

นางเอกเป็นนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาภาพยนตร์ ส่วนพระเอกเป็นนักแสดงมีชื่อเสียงพอสมควร ฉินซุ่นซานเคยพูดถึงเรื่องนี้ให้มู่นวลนวลฟังเพียงครั้งเดียว แต่มู่นวลนวลไม่รู้ว่าเป็นใคร

ฉินซุ่ยซานเดินไปแล้วถาม : “ซู่มู่ฮันมารึยัง?”

มู่นวลนวลที่เดินตามหลังเธอพอได้ยิน “ซุ่มู่ฮัน”ชื่อนี้ก็มึนงงเล็กน้อย

เธอรู้สึกว่าซู่มู่ฮันชื่อนี้คุ้นหู

เพราะว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉินซุ่ยซานปลอมเป็นคนใช้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว ตอนที่โม่เอินหยาพูดถึงชื่อนี้ก็ทำให้เธอและโม่เอินหยาต้องทะเลาะตบตีกัน

และรุนแรงมาก

และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ฉินซุ่ยซานของลาออก

ซู่มู่ฮันอยู่ในวงการบันเทิงมานานและถูกวิพากวิจารณ์ในทางบวกตลอดที่อยู่ในแวดวงบันเทิง เขาโด่งดังมากและฐานแฟรคลับก็แน่นมากเช่นกัน

ผลงานของเขที่โด่งดังมีไม่มาก แต่กระแสดีและการตอบรับดีมาก เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน

ฉนั้นค่าตัวของเขาก็ไม่ธรรมดา

วันนี้เป็นวันเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนต์ ฉินซุยซานมาถึงก็ถามหาซู่มู่ฮัน ทำให้มู่นวลนวลนึกสงสัย

ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เว็บซีรี่ส์หรอ?

ไม่ใช่โปรดักชั่นขนาดใหญ่อะไร สามารถให้นักแสดงแถวสองแถวสามหรือเด็กใหม่เข้ามาร่วมพิธีก็ได้

แต่ซู่มู่ฮัน………….

มู่นวลนวลดึงแขนฉินซุ่นซานแล้วถามเธอ: “พระเอกของเรื่องนี้คือ ซุ่มู่ฮัน?”

“ใช่” พอฉินซุ่ยซานพูดจบสีหน้าก็ดูแปลกๆ เธอมองไปรอบๆ และพามู่นวลนวลไปที่ลับตาคน: “เรื่องครั้งก่อนที่ฉันมีเรื่องกับโม่เอินหยาเธอห้ามพูดให้ซู่มู่ฮันฟังนะ”

มู่นวลนวลงงนิดหน่อย : “ก็ได้”

“คุณฉิน”

“มีอะไร?”

มู่นวลนวลยังมีเรื่องจะพูดกับเธอ แต่เธอก็ถูกคนอื่นเรียกไปก่อน

มู่นวลนวลอยากรู้จริงๆว่าฉินซุ่ยซานดึงนักลงทุนมามากน้อยแค่ไหนมาลงทุนถ่ายทำภาพยนต์นี้

ขณะนั้นเอง ผู้ช่วยผู้จัดการของฉินซุ่นซานก็เข้ามารินน้ำให้เธอ : “คุณมู่ ดื่มน้ำ”

“ขอบคุณ” มู่นวลนวลรับแก้วน้ำมา

สักพัก ฉินซุ่นซานเสร็จธุระเธอจึงเดินกลับมาหามู่นวลนวล

“อากาศร้อนมาก” ฉินซุ่ยซานดื่มน้ำเสร็จแล้วหันไปพูดกับมู่นวลนวล: “แต่ต้องถ่ายให้เสร็จก่อนฤดูหนาว แบบนี้จะได้ฉายได้ในช่วงหน้าหนาว”

มู่นวลนวลคิดอีกทีแล้วถามเธอ : “เธอดึกนักลงทุนมาได้เท่าไหร่และใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่?”

ฉินซุ่ยซานบอกกับเธอตรงๆ : “50 ล้าน”

“50 ล้าน?” มู่นวลนวลตกใจกับตัวเลขที่ได้ยิน

50 ล้าน มันมากเกินไปสำหรับเรื่องนี้

“ถ้าหากว่า 50 ล้านไม่พอ ฉันสามารถดึงคนมาลงทุนและเพิ่มเงินลงทุนได้อีก” น้ำเสียงของฉินซุ่นซานดูปกติ

มู่นวลนวลเอามือจับหน้าผาก พูดเสียงเบา : “เธอไม่กลัวขาดทุนหรอ?”

ฉินซุ่ยซานคิดอยู่สักพักแล้วพูด : “ขาดทุนแล้วจะป็นอะไร? อย่างมากก็แค่ไม่ทำงานกับเธอต่อ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือมาตบไหล่มูนวลนวล : “ฉันล้อเล่น ตอนนี้ยังไม่เริ่มถ่าย อย่าพูดเรื่องขาดทุนเลย ถ้าเกิดทำอะไรสักอย่างแล้วคิดถึงผลลัพธ์ไว้ก่อนก็เหนื่อยกันพอดี”

มู่นวลนวลพยักหน้า : “เธอพูดถูก”

ฉินซุ่ยซานยืนขึ้น : “ไปกันเถะ ฉันจะแนะนำเธอให้พนักงานทุกคนรู้จัก”

พนักงานในกองมีเยอะมาก เธอไม่สามารถจำทุกคนได้หมด

แต่รู้สึกได้ว่าตอนที่ฉินซุ่นซานแนะนำเธอกับทุกคนจะพูดเกินไปหน่อย เพราะหลังจากแนะนำเสร็จทุกคนจะสุภาพกับมู่นวลวนลมาก

บางคนพอได้ยินชื่อเธอก็เบิกตากว้างแต่ไม่กล้าถามอะไร

พอแนะนำกับทุกคนแล้ว ซู่มู่ฮันก็เดินผ่านมาพอดี

ซุ่มู่ฮันตัวสูงและผมสั้น มีเคราเล็กน้อย ดวงตาที่คม หล่อเหลาและผิวสีข้าวสาลีที่ทำให้เขามีความเป็นผู้ชาย

เพราะเขาไม่หมือนกับเด็กหนุมในจอทั่วไป ฉนั้นซู่มู่ฮันจึงอาศัยความสามารในการแสดง และเส้นทางในการแสดงก็แคบมาก บทส่วนใหญ่ที่เขาเล่นก็เป็นบทที่หนักและเหนื่อยมาก

ฉินซุ่ยซานมองเห็นเขาจึงเรียกเขา : “ซู่มู่ฮัน”

“มีอะไร?” ซู่มู่ฮันเดินเข้ามา สายตาก็สำรวจไปที่ฉินซุ่ยซาน

ฉินซุ่ยซานให้มือจับที่ไหล่ของมู่นวลนวล : “แนะนำให้นายรู้จัก เธอคือคนเขียนบทของเรามู่นวลนวล”

ซู่มู่ฮันมองไปที่มู่นวลนวล สายตาของเขาดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ทักทายเธออย่างมีมารยาท : “สวัสดีครับคุณมู่”

มู่นวลนวลยิ้มให้ : “สวัสดีค่ะ! เมื่อก่อนฉันเคยดูหนังของคุณ”

ซู่มู่ฮันเป็นพระเอกของเรื่อง ฉนั้นจึงค่อนข้างจะยุ่ง เขาแวะมาพูดคุยกับพวกเธอได้สักพักก็ถูกผู้กำกับเรียกตัวไป

…………

พิธีเปิดกล้องถ่ายทำก็เสร็จไปอย่างราบรื่น

ราบรื่นมากจนกระทั้งมู่นวลนวลกลับถึงบ้านไปก็ไม่มีสื่อที่ตามเล่นงานเธอ

ราบรื่นจนรู้สึกผิดปกติ

มู่นวลนวลคิดแล้วคิดอีกจึงโทรหาโม่ถิงเซียว

คนที่อยู่ปลายสายราวกับว่ารอโทรศัพท์จากเธออยู่ตลอด เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแค่หนึ่งครั้งก็มีคนรับสาย

“มู่นวลนวล”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท