เซินเหลียงฟังมู่นวลนวลพูดจบก็ครุ่นคิดสักครู่ เเละพูดขึ้น: ” ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่…… ”
มู่นวลนวลเอาลิ้นจี่ไปใส่ตู้เย็นเเละพูดถามเซินเหลียง: ” ไม่พูดเรื่องนี้กันดีกว่า เธอกินข้าวมาหรือยัง? ”
” กินกับคนในกองถ่ายเรียบร้อยเเล้ว ” เซินเหลียงพูดจบ เธอก็ตบหัวตัวเองเบาๆ: ” ฉันนึกออกเเล้ว ยังมีอีกเรื่อง ฉันดูคลิปสัมภาษณ์ของเธอเเล้วนะ นี่เธอคิดจะทำอะไรอีก? ”
ตั้งเเต่มู่นวลนวลให้เธอช่วยหานักข่าวให้เมื่อครั้งที่เเล้ว มู่นวลนวลก็เผาคฤหาสน์เเละหลบหนีไป จากเหตุการณ์นั้น เซินเหลียงก็รู้สึกกลัวมู่นวลนวลอยู่บ้างเล็กน้อย
เมื่อก่อนเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนชอบก่อเรื่อง เเต่ตอนนี้เธอกลับพบว่ามู่นวลนวลร้ายกว่าเธอ
มู่นวลนวลพูดยิ้มๆ: ” เรียกกระเเสให้บทละครเรื่องเมืองที่สาบสูญของฉันน่ะ ”
” ฉันเชื่อเธอก็เเปลกเเล้ว ” เซินเหลียงมองบนนิดหน่อย
มู่นวลนวลถือจานสิ้นจี่ที่ล้างสะอาดเเล้วมาวางลงตรงหน้าเซินเหลียง น้ำเสียงของเธอเป็นความจริงจังที่หาได้ยาก: ” เสี่ยวเหลียง น้ำในตระกูลโม่นั้นลึกเกินไป ถ้าฉันไม่เป็นฝ่ายทำอะไรสักอย่างก็อาจจะถูกพวกเขาชักจูงตลอดไป ”
เซินเหลียงได้ยินมู่นวลนวลพูดถึงตระกูลโม่ สีหน้าของเธอก็จริงจังเช่นกัน: ” ยังไม่ได้ข่าวเสี่ยวมู่มู่เลยหรอ? ”
มู่นวลนวลส่ายหน้า น้ำเสียงของเธอมีความเย็นชาเล็กน้อย: ” ฉันเดาว่าอีกไม่นานคนของตระกูลโม่ก็จะมาหาฉัน ”
……
พอโม่ถิงเซียวออกมาจากในอพาร์ทเม้นท์ของมู่นวลนวล ซือเย่ก็รีบเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้เขาทันที
ซือเย่ขับรถไปด้วยเเละสังเกตโม่ถิงเซียวจากในกระจกมองหลังไปด้วย
โม่ถิงเซียวจ้องมองเล็กน้อยเเละพูดขึ้น: ” มีอะไรก็พูดมา ”
โม่ถิงเซียวพูดถึงขนาดนี้เเล้ว ซือเย่จึงไม่ลังเลอีกต่อไปเเละได้พูดขึ้นทันที: ” ในเมื่อคุณชายยังเป็นห่วง งั้นทำไมถึงให้คุณหญิงย้ายออกมาล่ะครับ? ”
ภายในรถเกิดความเงียบสักครู่ หลังจากนั้นเสียงของโม่ถิงเซียวถึงจะดังขึ้นอย่างไม่รีบร้อน: ” ที่ให้เธอย้ายออกมา บางทีเธออาจจะมีความสุขกว่านี้ก็ได้ ”
ซือเย่จำได้ว่าโม่ถิงเซียวเคยพูดเรื่องนี้กับเขาเมื่อปีที่เเล้ว ตอนนั้นโม่ถิงเซียวพูดว่าอะไรเเล้วนะ?
ตอนนั้นใจความสำคัญของโม่ถิงเซียวคือยอมเจ็บปวดไปด้วยกันไม่ใช่หรอ?
เวลาครึ่งปีกว่า ไม่คิดว่าความคิดของโม่ถิงเซียวจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
……
มู่นวลนวลเดาถูก
ไม่นานคนของตระกูลโม่ก็หาเธอเจอ
คืนนั้นเซินเหลียงอยู่คุยกับเธอสักพัก เเต่เพราะวันต่อไปเซินเหลียงมีงาน จึงต้องรีบกลับ
งานวันต่อไปของมู่นวลนวลยังคงไปที่กองถ่าย
เเต่พอเธอเพิ่งออกจากบ้าน ก็ได้มีรถสีดำมาจอดหยุดตรงหน้าเธอ
หน้าต่างรถเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคนที่คล้ายกับโม่ถิงเซียวอยู่พอสมควร
” นวลนวล ไม่เจอกันนานเลยนะ ”
ความรังเกียจฉายผ่านดวงตาของมู่นวลนวลเเละเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ: ” คุณชายโม่? ”
บนใบหน้าของโม่ชิงเฟิงมีรอยยิ้มประดับอยู่ เขาดูเหมือนผู้ใหญ่ที่อ่อนโยน: ” เเม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้อยู่กับถิงเซียวก็ไม่ต้องห่างเหินขนาดนี้ก็ได้มั้ง เรียกลุงสักคำมันทำให้เธอลำบากใจมากเลยหรือไง? ”
ถึงเเม้ว่าสีหน้าของเขาจะอ่อนโยน เเต่ตอนที่เขาพูดกับมู่นวลนวลนั้นเขาได้นั่งอยู่ในรถตลอดเวลา จึงทำให้ทั้งสองคนอยู่ห่างกันพอสมควร
มู่นวลนวลเรียกเขาอย่างใจดี: ” คุณลุงโม่ ”
ในตาของโม่ชิงเฟิงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ: ” เธอกำลังจะไปไหน พอจะมีเวลาดื่มกาเเฟกับฉันไหม? ”
มู่นวลนวลพยักหน้าเล็กน้อย: ” มีสิคะ ”
เธอรอให้โม่ชิงเฟิงมาหาเธออยู่เเล้ว เเละเเน่นอนว่าเธอจะไม่ปฏิเสธคำเชิญของเขา
” ขึ้นรถสิ ”
โม่ชิงเฟิงพูดจบ เหลิ่งซูที่นั่งขับรถอยู่ข้างหน้าก็ลงมาเปิดประตูที่นั่งข้างหลังให้มู่นวลนวลทันที
” ขอบคุณค่ะลุงซู ” มู่นวลนวลพยักหน้าให้เหลิ่งซูเล็กน้อย หลังจากนั้นถึงจะขึ้นรถ
โม่ชิงเฟิงนั่งอยู่ข้างเธอด้วยสีหน้าที่สงบ
มู่นวลนวลกัดกรามอย่างตื่นเต้น เธอมองตรงไปข้างหน้าโดยที่ไม่มองโม่ชิงเฟิง
ไม่นานรถก็มาหยุดที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง
เธอเดินตามโม่ชิงเฟิงเข้าไปข้างใน เเละพนักงานก็พาพวกเขาไปที่ห้องรับรองที่ได้จองไว้ก่อนหน้านี้
กาเเฟถูกนำมาเสิร์ฟ โม่ชิงเฟิงคนกาแฟเเละพูดถามอย่างเป็นห่วง: ” ครึ่งปีที่ผ่านมาไปอยู่ที่ต่างประเทศสบายดีไหม? ”
มู่นวลนวลยกยิ้มเเละตอบกลับอย่างมีมารยาท: ” ขอโทษที่ทำให้คุณลุงเป็นห่วง สบายดีค่ะ ”
โม่ชิงเฟิงถอนหายใจเเละพูดขึ้นเสียงเบา: ” ตอนนั้นเรื่องของเจ้าสัว เป็นฉันที่รีบร้อนเกินไป จึงทำให้เข้าใจเธอผิดไป เธอเป็นเด็กดีจะทำเรื่องเเบบนั้นได้ยังไง? อาจเป็นเพราะเจ้าสัวอายุมากเเล้วเเละขาไม่ค่อยเเข็งเเรง จึงทำให้เขาตกบันได ”
มู่นวลนวลได้ยินดังนั้น เธอก็บีบช้อนกาแฟแน่นทันที
อายุมากเเละขาไม่ค่อยเเข็งเเรงอย่างนั้นหรอ?
เจ้าสัวโม่ดูเเลตัวเองดีมาก ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากเเละเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นมาตลอด
อีกอย่าง เห็นได้ชัดว่าตอนเช้าของวันนั้นมีคนจงใจเรียกเธอให้ไปที่นั่น
เห็นได้ชัดว่าเป็นเเผนที่คิดไว้ก่อนหน้านั้นเเล้ว เเต่ตอนนี้โม่ชิงเฟิงกลับมาบอกเธอว่าเจ้าสัวขาไม่เเข็งเเรง?
เป็นเพราะเธอเพิ่งตื่นนอนและไม่ได้คิดอะไรมากมาย เธอจึงถูกเรียกโดยคำบอกต่อของคนรับใช้ในที่สุด
ต่อมาตอนที่หวนคิดกลับไป ปกติถ้าเจ้าสัวเรียกเธอ เขาจะไม่ให้คนอื่นมาเรียกเธอ
วิธีพูดที่มีพิรุธนี้ไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิง
เเต่มู่นวลนวลกลับซักถามเขาไม่ได้
มู่นวลนวลเบนสายตาลง มือที่วางอยู่ใต้โต๊ะหยิกลงไปบนขาของตัวเองหนึ่งที
เเรงหยิกเยอะเกินไป ทำให้เธอเจ็บจนหลั่งน้ำตาออกมาทันที
เเละในตอนนี้ เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองโม่ชิงเฟิงเเละถามอย่างสะอื้น: ” ตอนนี้คุณปู่สบายดีไหมคะ? ”
คล้ายกับโม่ชิงเฟิงไม่คิดว่ามู่นวลนวลจะเสียใจถึงขนาดนี้ เขาจึงชะงักไป หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: ” เหมือนเดิม ”
มู่นวลนวลพยักหน้า หลังจากนั้นเธอก็พูดถามอย่างระมัดระวัง: ” งั้นฉันไปดูเขาหน่อยได้ไหมคะ? ”
ความจริงเเล้วเธออยากไปดูเจ้าสัวโม่จริงๆ
เพียงเเต่เธอไม่มีเหตุผลที่สมเหตุสมผลมาโดยตลอด
” ได้สิ ” รอยยิ้มของโม่ชิงเฟิงหุบลงทันที หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นอย่างจริงจัง: ” เกิดอะไรขึ้นกับเธอเเละถิงเซียว? ได้ยินเสี่ยวเฉินบอกว่าเขาพาตัวลูกไปเเล้ว?
เคร้ง——
มู่นวลนวลได้ยินเขาพูดถึงลูกเธอก็ปล่อยมือทันที จึงทำให้ช้อนในมือหล่นลงไปในแก้วทั้งเเบบนั้น และมันก็กระแทกกับขอบแก้วจนเกิดเป็นเสียงที่ไม่ดังมาก
นี่โม่ชิงเฟิงหมายความว่ายังไง?
เขาคิดจะลองเชิงอะไร?
ขากำลังทดสอบว่ามู่นวลนวลรู้เรื่องเด็กมากแค่ไหนหรือเขากำลังทดสอบว่าความสัมพันธ์ของโม่ถิงเซียวกับเธอนั้นใกล้ชิดกันหรือเปล่า เเละเขาจะบอกเธอไหมว่าเด็กคนนั้นอาจถูกคนของตระกูลโม่ขโมยไป?
มือของมู่นวลนวลที่อยู่ใต้โต๊ะกำเข้าหากันแน่นทันที เเล้วค่อยคลายออก
เธอไม่รู้ว่าควรรับมือกับคำถามนี้ยังไง เธอจึงก้มหน้าลงเเละเเสดงสีหน้าเสียใจออกมาสะเลย
ทุกครั้งที่เธอคิดถึงมู่มู่ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ใดๆได้
โม่ชิงเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสักครู่ เขาก็พูดขึ้นช้าๆ: ” ครั้งนี้ถิงเซียวทำเกินไป ถึงเเม้ว่าฉันจะเป็นปู่ของเด็ก เเละเด็กคนนี้มีชะตากรรมให้อยู่ที่ตระกูลโม่ เเต่ถึงอย่างไรก็ควรให้เด็กอยู่กับแม่เพื่อเติบโตขึ้นถึงจะดี…… ”
มู่นวลนวลจึงร้องไห้ออกมาสะเลย: ” ขอโทษค่ะ คุณลุง ฉันเสียใจเกินไปหน่อย…… ”