ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 299 อยู่ดีๆก็เป็นบ้า

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

เมื่อครึ่งปีก่อน เพราะเรื่องของเจ้าสัวโม่ ตระกูลมู่จึงเพิกเฉยต่อความสัมพันธ์กับมู่นวลนวล เพราะพวกเขากลัวถูกทำให้มีผลกระทบไปด้วย พวกเขาไม่แจ้งให้มู่นวลนวลรู้ก่อน เเละเลือกที่จะลงหนังสือพิมพ์เพื่อยุติความสัมพันธ์แบบพ่อกับลูกสาวทันที

คนของตระกูลมู่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับแรกเสมอ มู่นวลนวลไม่รู้สึกแปลกใจที่พวกเขาทำเรื่องแบบนี้ เเละเธอก็ไม่รู้สึกได้รับบาดเจ็บอะไรด้วย

ถึงอย่างไร เธอก็ไม่ได้หวังอะไรมาตั้งนานเเล้ว

เรื่องตอนนั้นโด่งดังไปทั่วเมือง คนที่อยู่ในนี้ล้วนอยู่ในวงการบันเทิง พวกเขาก็คงจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นธรรมดา

คนที่ฉลาดสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นแผนการที่ตระกูลมู่คิดขึ้นมา เพราะพวกเขากลัวว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ถึงเเม้ว่าตอนตกอยู่ในสถานการณ์เเบบนั้น คนส่วนใหญ่มักจะทำเช่นเดียวกับมู่ลี่หยาน เเต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติสักเท่าไหร่

พฤติกรรมแบบนี้ก็จะโดนคนดูถูกเช่นกัน

เเละที่มู่หวันฉีจงใจเหน็บแนมมู่นวลนวล ความหมายที่เหน็บแนมมู่นวลนวลก็ชัดเจนขนาดนี้ เเม้เเต่คนโง่ก็ยังดูออกเลย

คนหน้าตาดีสองสามคนที่สามารถอยู่รอดจนถึงวันนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเธอทำเพียงหัวเราะ เเต่ไม่ได้พูดอะไร

มู่หวันฉีอ่านรายงานทางอินเทอร์เน็ตเเล้ว เเละเธอก็คิดว่ามู่นวลนวลเลิกกับโม่ถิงเซียวเเล้ว ส่วนเรื่องที่บังเอิญเจอที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เธอก็เลือกที่จะลืมมันไปให้หมด

เดิมที เธอต้องการเหน็บแนมมู่นวลนวล เพราะอยากเห็นมู่นวลนวลถูกเธอทำให้โมโห กลับไม่คิดว่าตัวเองจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเเทน

เธอหันไปมองคนหน้าตาดีเเละพูดขึ้นอย่างเย็นชา: ” พวกเธอหัวเราะอะไร? ”

คนหน้าตาดีพวกนั้นก็ถูกคนประคองขึ้นมาเหมือนกัน พวกเธอจึงไม่สนใจมู่หวันฉีเเม้เเต่นิดเดียว

คนในวงการบันเทิงไม่มีใครเป็นคนดี นับประสาอะไรกับผู้หญิง

หนึ่งในคนหน้าตาดีได้พูดขึ้น: ” ร้านอาหารจินติ่งเป็นที่ของคุณหรอ? พวกเรามีความสุขก็ต้องหัวเราะ ทำไมล่ะ ต้องขออนุญาตคุณก่อนหรือไง? ”

ถึงอย่างไรมันเป็นการแสดง และคำพูดที่เต็มไปด้วยหนามแบบนี้ กลับถูกเธอพูดจนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะคนที่ตอบกลับ

” แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร มาใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับฉันได้ยังไง? ” มู่หวันฉีพูดจบก็หันไปมองซือเฉิงยวี่ข้างๆ คล้ายกับอยากให้เขาช่วยพูดแทนเธอ

เเต่คนในวงการบันเทิงรู้ดีว่าครึ่งปีที่ผ่านมาซือเฉิงยวี่นั้นชอบทำตามใจตัวเองมาก

อันดับเเรกคือยกเลิกสัญญากับ Shengding Media จากนั้นก็หาผู้หญิงที่มีชื่อเสียงไม่ดีมาเป็นแฟน บทวิจารณ์เริ่มแย่ลงเเละภาพยนตร์ที่ได้รับก็แย่เหมือนกัน เเต่ตำแหน่งของเขากลับไม่ได้ลดลงมากนัก

ซือเฉิงยวี่ไม่ได้มีเจตนาจะช่วยมู่หวันฉี เขาทำเพียงยกข้อมือขึ้นมามองเวลาเเละพูดขึ้น: ” ผมก็มีธุระเหมือนกัน ต้องขอตัวกลับก่อน ”

ซือเฉิงยวี่พูดจบ เขาก็หันมามองมู่นวลนวลเเละพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: ” นวลนวลกลับยังไง ผมไปส่งคุณเอาไหม? ”

เมื่อสักครู่ยังเรียกคุณมู่อยู่เลย ตอนนี้กลับเรียกนวลนวลสะเเล้ว

คำเรียกเปลี่ยนไปอย่างใกล้ชิด ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องอื้อฉาวระหว่างมู่นวลนวลกับซือเฉิงยวี่ก่อนหน้านี้

ทั้งสองคนอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

มู่นวลนวลกล้าเเน่ใจว่าซือเฉิงยวี่ตั้งใจ

เขารู้ว่าเธอไม่ถูกกับมู่หวันฉี จึงจงใจทำแบบนี้ ก็เพื่อจะดึงมู่หวันฉีให้เกลียดเธอไปมากกว่านี้

” ฉันไม่ได้สนิทกับคุณซือ ” มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็ไม่ได้อยู่ต่อเเละเดินออกมาจากตรงนั้นทันที

ตอนหมุนตัว เธอเห็นสายตาที่มู่หวันฉีใช้มองเธอ ราวกับอยากจะฉีกเธอให้เป็นชิ้นๆสะอย่างนั้น

มู่นวลนวลรู้สึกว่าซือเฉิงยวี่คนนี้เป็นโรคจิต

อยู่ดีๆก็เป็นบ้าสะอย่างนั้น

ไม่สนใจชื่อเสียงเเละอาชีพการแสดงของตัวเอง ราวกับยอมแพ้และขุดหลุมฝังตัวเอง

พอมู่นวลนวลเดินไปข้างหน้า ฉินซุ่ยซานก็เดินตามออกมาเช่นกัน

วันนี้เธอขี้นินทาเป็นพิเศษ: ” เธอกับซือเฉิงยวี่เคยกุ๊กกิ๊กกันหรอ? ”

มู่นวลนวลปฏิเสธอย่างเด็ดขาด: ” ไม่เคย ”

ฉินซุ่ยซานร่วมงานกับมู่นวลนวลมาเป็นเวลานาน เธอพอจะรู้จักนิสัยของมู่นวลนวลอยู่บ้าง มู่นวลนวลบอกว่าไม่มีอะไรอย่างเด็ดขาดขนาดนี้ก็เเสดงว่าไม่มีอะไรจริงๆ

เเต่เธอยังคงรู้สึกสงสัย

” เเล้วเธอกับ…… ”

มู่นวลนวลหยุดเดิน เธอพูดขัดจังหวะฉินซุ่ยซานทันที: ” คุณเป็นอะไรกับซู่มู่ฮัน? ก่อนหน้านี้ เพื่อซู่มู่ฮัน คุณกับโม่……อื้อ…… ”

มู่นวลนวลยังพูดไม่เสร็จก็ถูกฉินซุ่ยซานปิดปากสะก่อน

มู่นวลนวลเอื้อมมือออกไปเพื่อจะผลักแขนเธอออก เเต่เเรงของเธอมีมากเกินไป ทำให้ผลักไม่ออก

มู่นวลนวลจึงไม่ดิ้นรนต่อไป: ” อื้อ? ”

เมื่อเห็นฉินซุ่ยซานมีสีหน้าราวกับอยากจะฆ่าตัวตายสะเดี๋ยวนั้น เธอก็มองไปตามสายตาของฉินซุ่ยซานทันที

ทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากับซู่มู่ฮัน ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่

งั้น……ที่เธอพูดเมื่อสักครู่ ซู่มู่ฮันจะได้ยินหรือเปล่า?

มู่นวลนวลหันไปมองฉินซุ่ยซานทันที

ฉินซุ่ยซานถลึงตาใส่เธอเเละหนีไปอย่างลุกลี้ลุกลนทันที

มู่นวลนวล: ” …… ”

มู่นวลนวลรู้สึกเก้อเขิน เเต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นฝ่ายทักทายซู่มู่ฮัน: ” คุณซู่ ”

” คุณมู่ ” ซู่มู่ฮันพยักหน้าให้เธออย่างเป็นทางการเเละพูดทักทายเธอ

เเต่ตอนที่มู่นวลนวลกำลังจะเดินออกไป อยู่ๆซู่มู่ฮันก็เรียกเธอไว้ก่อน: ” คุณมู่ เมื่อสักครู่คุณบอกว่า…… ”

” เมื่อสักครู่ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณมีธุระอะไรก็ไปถามฉินซุ่ยซานเอาเองเถอะค่ะ ” มู่นวลนวลพูดเสร็จก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ฉินซุ่ยซานไม่ได้รอเธอ เเละได้ขับรถกลับไปก่อนเเล้ว

มู่นวลนวลหุบยิ้มทันที เธอจึงทำได้เพียงเรียกรถกลับเอง

เธอยืนอยู่ข้างทาง เเต่อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองตรงทางเข้าร้านอาหารจินติ่ง

คืนนี้ไม่เจอโม่ถิงเซียว

ตอนหันหน้ากลับมา เธอก็เห็นรถสีดำคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง

มู่นวลนวลตาเป็นประกายทันที ปฏิกิริยาแรกคือเธอนึกถึงโม่ถิงเซียว

เเต่พอหน้าต่างรถเลื่อนลง หลังจากที่เธอเห็นว่าคนบนรถเป็นใคร ก็ทำให้เธอยิ้มไม่ออก

เซินชูฮันเท้าแขนบนหน้าต่างรถ และยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง: ” นวลนวล ไม่เจอกันนานเลยนะ ”

” ……ไม่เจอกันนานเลย ” มู่นวลนวลก้าวถอยหลังเงียบๆ

บางคนเป็นคนที่ทนไม่ได้กับการพูดถึง พอพูดถึงก็จะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

หรือบางทีเธออาจไม่ควรมาที่ร้านอาหารจินติ่ง

ร้านอาหารจินติ่งเป็นสถานที่ระดับสูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ คนที่มีตำแหน่งมักจะมาที่นี่บ่อยๆ ดังนั้น วันนี้พอเธอมาที่นี่ จึงพบกับคนที่คุ้นเคยมากมายแบบนี้ไงล่ะ

เซินชูฮันสังเกตการกระทำของเธอ หลังจากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปเคาะหน้าต่างรถสองสามที เเละพูดขึ้นช้าๆ: ” ถือว่าเป็นเพื่อนเก่ากันเเล้ว ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่ต้องเย็นชาขนาดนี้ก็ได้ ”

” วันอื่นเถอะ ” มู่นวลนวลเม้มปากเเละพูดขึ้น: ” วันอื่นฉันค่อยเลี้ยงข้าวคุณนะ ”

” เห็นผมเป็นคนขาดอาหารขนาดนั้นเลย? ” เซินชูฮันยิ้มอย่างอ่อนโยน เเต่คำพูดที่เขาพูดกลับไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ

มู่นวลนวลกำลังคิดว่าจะรับมือกับเขายังไงดี ก็ได้ยินเซินชูฮันพูดขึ้นมาก่อน: ” อีกสองสามวันช่วยผมสักอย่างสิ ”

” ช่วยอะไร? ” มู่นวลนวลมองเขาอย่างระมัดระวังทันที

เซินชูฮันมองทะลุความคิดของเธอได้ เขาจึงพูดขึ้นยิ้มๆ: ” วางใจได้ ไม่ใช่การฆ่าคนหรือการละเมิดสินค้า เเละไม่ใช่การละเมิดศีลธรรมด้วย ”

สิ่งที่ควรพูดกับสิ่งที่ไม่ควรพูด เซินชูฮันได้พูดมันออกมาหมดเเล้ว

มู่นวลนวลไม่มีอะไรจะพูด เธอจึงพยักหน้าเเละพูดขึ้น: ” ได้ ”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท