เมื่อครึ่งปีก่อน เพราะเรื่องของเจ้าสัวโม่ ตระกูลมู่จึงเพิกเฉยต่อความสัมพันธ์กับมู่นวลนวล เพราะพวกเขากลัวถูกทำให้มีผลกระทบไปด้วย พวกเขาไม่แจ้งให้มู่นวลนวลรู้ก่อน เเละเลือกที่จะลงหนังสือพิมพ์เพื่อยุติความสัมพันธ์แบบพ่อกับลูกสาวทันที
คนของตระกูลมู่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับแรกเสมอ มู่นวลนวลไม่รู้สึกแปลกใจที่พวกเขาทำเรื่องแบบนี้ เเละเธอก็ไม่รู้สึกได้รับบาดเจ็บอะไรด้วย
ถึงอย่างไร เธอก็ไม่ได้หวังอะไรมาตั้งนานเเล้ว
เรื่องตอนนั้นโด่งดังไปทั่วเมือง คนที่อยู่ในนี้ล้วนอยู่ในวงการบันเทิง พวกเขาก็คงจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นธรรมดา
คนที่ฉลาดสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นแผนการที่ตระกูลมู่คิดขึ้นมา เพราะพวกเขากลัวว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ถึงเเม้ว่าตอนตกอยู่ในสถานการณ์เเบบนั้น คนส่วนใหญ่มักจะทำเช่นเดียวกับมู่ลี่หยาน เเต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติสักเท่าไหร่
พฤติกรรมแบบนี้ก็จะโดนคนดูถูกเช่นกัน
เเละที่มู่หวันฉีจงใจเหน็บแนมมู่นวลนวล ความหมายที่เหน็บแนมมู่นวลนวลก็ชัดเจนขนาดนี้ เเม้เเต่คนโง่ก็ยังดูออกเลย
คนหน้าตาดีสองสามคนที่สามารถอยู่รอดจนถึงวันนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเธอทำเพียงหัวเราะ เเต่ไม่ได้พูดอะไร
มู่หวันฉีอ่านรายงานทางอินเทอร์เน็ตเเล้ว เเละเธอก็คิดว่ามู่นวลนวลเลิกกับโม่ถิงเซียวเเล้ว ส่วนเรื่องที่บังเอิญเจอที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เธอก็เลือกที่จะลืมมันไปให้หมด
เดิมที เธอต้องการเหน็บแนมมู่นวลนวล เพราะอยากเห็นมู่นวลนวลถูกเธอทำให้โมโห กลับไม่คิดว่าตัวเองจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเเทน
เธอหันไปมองคนหน้าตาดีเเละพูดขึ้นอย่างเย็นชา: ” พวกเธอหัวเราะอะไร? ”
คนหน้าตาดีพวกนั้นก็ถูกคนประคองขึ้นมาเหมือนกัน พวกเธอจึงไม่สนใจมู่หวันฉีเเม้เเต่นิดเดียว
คนในวงการบันเทิงไม่มีใครเป็นคนดี นับประสาอะไรกับผู้หญิง
หนึ่งในคนหน้าตาดีได้พูดขึ้น: ” ร้านอาหารจินติ่งเป็นที่ของคุณหรอ? พวกเรามีความสุขก็ต้องหัวเราะ ทำไมล่ะ ต้องขออนุญาตคุณก่อนหรือไง? ”
ถึงอย่างไรมันเป็นการแสดง และคำพูดที่เต็มไปด้วยหนามแบบนี้ กลับถูกเธอพูดจนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะคนที่ตอบกลับ
” แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร มาใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับฉันได้ยังไง? ” มู่หวันฉีพูดจบก็หันไปมองซือเฉิงยวี่ข้างๆ คล้ายกับอยากให้เขาช่วยพูดแทนเธอ
เเต่คนในวงการบันเทิงรู้ดีว่าครึ่งปีที่ผ่านมาซือเฉิงยวี่นั้นชอบทำตามใจตัวเองมาก
อันดับเเรกคือยกเลิกสัญญากับ Shengding Media จากนั้นก็หาผู้หญิงที่มีชื่อเสียงไม่ดีมาเป็นแฟน บทวิจารณ์เริ่มแย่ลงเเละภาพยนตร์ที่ได้รับก็แย่เหมือนกัน เเต่ตำแหน่งของเขากลับไม่ได้ลดลงมากนัก
ซือเฉิงยวี่ไม่ได้มีเจตนาจะช่วยมู่หวันฉี เขาทำเพียงยกข้อมือขึ้นมามองเวลาเเละพูดขึ้น: ” ผมก็มีธุระเหมือนกัน ต้องขอตัวกลับก่อน ”
ซือเฉิงยวี่พูดจบ เขาก็หันมามองมู่นวลนวลเเละพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: ” นวลนวลกลับยังไง ผมไปส่งคุณเอาไหม? ”
เมื่อสักครู่ยังเรียกคุณมู่อยู่เลย ตอนนี้กลับเรียกนวลนวลสะเเล้ว
คำเรียกเปลี่ยนไปอย่างใกล้ชิด ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องอื้อฉาวระหว่างมู่นวลนวลกับซือเฉิงยวี่ก่อนหน้านี้
ทั้งสองคนอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
มู่นวลนวลกล้าเเน่ใจว่าซือเฉิงยวี่ตั้งใจ
เขารู้ว่าเธอไม่ถูกกับมู่หวันฉี จึงจงใจทำแบบนี้ ก็เพื่อจะดึงมู่หวันฉีให้เกลียดเธอไปมากกว่านี้
” ฉันไม่ได้สนิทกับคุณซือ ” มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็ไม่ได้อยู่ต่อเเละเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
ตอนหมุนตัว เธอเห็นสายตาที่มู่หวันฉีใช้มองเธอ ราวกับอยากจะฉีกเธอให้เป็นชิ้นๆสะอย่างนั้น
มู่นวลนวลรู้สึกว่าซือเฉิงยวี่คนนี้เป็นโรคจิต
อยู่ดีๆก็เป็นบ้าสะอย่างนั้น
ไม่สนใจชื่อเสียงเเละอาชีพการแสดงของตัวเอง ราวกับยอมแพ้และขุดหลุมฝังตัวเอง
พอมู่นวลนวลเดินไปข้างหน้า ฉินซุ่ยซานก็เดินตามออกมาเช่นกัน
วันนี้เธอขี้นินทาเป็นพิเศษ: ” เธอกับซือเฉิงยวี่เคยกุ๊กกิ๊กกันหรอ? ”
มู่นวลนวลปฏิเสธอย่างเด็ดขาด: ” ไม่เคย ”
ฉินซุ่ยซานร่วมงานกับมู่นวลนวลมาเป็นเวลานาน เธอพอจะรู้จักนิสัยของมู่นวลนวลอยู่บ้าง มู่นวลนวลบอกว่าไม่มีอะไรอย่างเด็ดขาดขนาดนี้ก็เเสดงว่าไม่มีอะไรจริงๆ
เเต่เธอยังคงรู้สึกสงสัย
” เเล้วเธอกับ…… ”
มู่นวลนวลหยุดเดิน เธอพูดขัดจังหวะฉินซุ่ยซานทันที: ” คุณเป็นอะไรกับซู่มู่ฮัน? ก่อนหน้านี้ เพื่อซู่มู่ฮัน คุณกับโม่……อื้อ…… ”
มู่นวลนวลยังพูดไม่เสร็จก็ถูกฉินซุ่ยซานปิดปากสะก่อน
มู่นวลนวลเอื้อมมือออกไปเพื่อจะผลักแขนเธอออก เเต่เเรงของเธอมีมากเกินไป ทำให้ผลักไม่ออก
มู่นวลนวลจึงไม่ดิ้นรนต่อไป: ” อื้อ? ”
เมื่อเห็นฉินซุ่ยซานมีสีหน้าราวกับอยากจะฆ่าตัวตายสะเดี๋ยวนั้น เธอก็มองไปตามสายตาของฉินซุ่ยซานทันที
ทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากับซู่มู่ฮัน ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่
งั้น……ที่เธอพูดเมื่อสักครู่ ซู่มู่ฮันจะได้ยินหรือเปล่า?
มู่นวลนวลหันไปมองฉินซุ่ยซานทันที
ฉินซุ่ยซานถลึงตาใส่เธอเเละหนีไปอย่างลุกลี้ลุกลนทันที
มู่นวลนวล: ” …… ”
มู่นวลนวลรู้สึกเก้อเขิน เเต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นฝ่ายทักทายซู่มู่ฮัน: ” คุณซู่ ”
” คุณมู่ ” ซู่มู่ฮันพยักหน้าให้เธออย่างเป็นทางการเเละพูดทักทายเธอ
เเต่ตอนที่มู่นวลนวลกำลังจะเดินออกไป อยู่ๆซู่มู่ฮันก็เรียกเธอไว้ก่อน: ” คุณมู่ เมื่อสักครู่คุณบอกว่า…… ”
” เมื่อสักครู่ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณมีธุระอะไรก็ไปถามฉินซุ่ยซานเอาเองเถอะค่ะ ” มู่นวลนวลพูดเสร็จก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉินซุ่ยซานไม่ได้รอเธอ เเละได้ขับรถกลับไปก่อนเเล้ว
มู่นวลนวลหุบยิ้มทันที เธอจึงทำได้เพียงเรียกรถกลับเอง
เธอยืนอยู่ข้างทาง เเต่อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองตรงทางเข้าร้านอาหารจินติ่ง
คืนนี้ไม่เจอโม่ถิงเซียว
ตอนหันหน้ากลับมา เธอก็เห็นรถสีดำคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
มู่นวลนวลตาเป็นประกายทันที ปฏิกิริยาแรกคือเธอนึกถึงโม่ถิงเซียว
เเต่พอหน้าต่างรถเลื่อนลง หลังจากที่เธอเห็นว่าคนบนรถเป็นใคร ก็ทำให้เธอยิ้มไม่ออก
เซินชูฮันเท้าแขนบนหน้าต่างรถ และยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง: ” นวลนวล ไม่เจอกันนานเลยนะ ”
” ……ไม่เจอกันนานเลย ” มู่นวลนวลก้าวถอยหลังเงียบๆ
บางคนเป็นคนที่ทนไม่ได้กับการพูดถึง พอพูดถึงก็จะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
หรือบางทีเธออาจไม่ควรมาที่ร้านอาหารจินติ่ง
ร้านอาหารจินติ่งเป็นสถานที่ระดับสูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ คนที่มีตำแหน่งมักจะมาที่นี่บ่อยๆ ดังนั้น วันนี้พอเธอมาที่นี่ จึงพบกับคนที่คุ้นเคยมากมายแบบนี้ไงล่ะ
เซินชูฮันสังเกตการกระทำของเธอ หลังจากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปเคาะหน้าต่างรถสองสามที เเละพูดขึ้นช้าๆ: ” ถือว่าเป็นเพื่อนเก่ากันเเล้ว ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่ต้องเย็นชาขนาดนี้ก็ได้ ”
” วันอื่นเถอะ ” มู่นวลนวลเม้มปากเเละพูดขึ้น: ” วันอื่นฉันค่อยเลี้ยงข้าวคุณนะ ”
” เห็นผมเป็นคนขาดอาหารขนาดนั้นเลย? ” เซินชูฮันยิ้มอย่างอ่อนโยน เเต่คำพูดที่เขาพูดกลับไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ
มู่นวลนวลกำลังคิดว่าจะรับมือกับเขายังไงดี ก็ได้ยินเซินชูฮันพูดขึ้นมาก่อน: ” อีกสองสามวันช่วยผมสักอย่างสิ ”
” ช่วยอะไร? ” มู่นวลนวลมองเขาอย่างระมัดระวังทันที
เซินชูฮันมองทะลุความคิดของเธอได้ เขาจึงพูดขึ้นยิ้มๆ: ” วางใจได้ ไม่ใช่การฆ่าคนหรือการละเมิดสินค้า เเละไม่ใช่การละเมิดศีลธรรมด้วย ”
สิ่งที่ควรพูดกับสิ่งที่ไม่ควรพูด เซินชูฮันได้พูดมันออกมาหมดเเล้ว
มู่นวลนวลไม่มีอะไรจะพูด เธอจึงพยักหน้าเเละพูดขึ้น: ” ได้ ”