แน่นอนว่าซือเย่ได้ยินบทสนทนาของผู้หญิงทั้งสองคนนั้น
“อะแฮ่ม……” ซือเย่แกล้งไอ เพื่อขัดจังวะการสนทนาของผู้หญิงทั้งสองคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นนึกขึ้นได้ว่าซือเย่เป็นผู้ติดตามของโม่ถิงเซียว และตระหนักว่าสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไปนั้นไม่เหมาะสม
เธอยังต้องการให้ซือเย่ช่วยพูดถึงเธอต่อหน้าโม่ถิงเซียว
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว เธอก็กำลังจะพูดกับซือเย่ แต่ก็ได้ยินซือเย่พูดอย่างสุภาพว่า:“ขอโทษนะครับ รบกวนหลีกทางหน่อย”
เธอจึงทำได้เพียงหลีกไปข้างๆ
ซือเย่เดินตรงไปที่มู่นวลนวล:“……คุณมู่”
เรียก “คุณหญิง” ซะจนชิน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนคำเรียกแล้ว
มู่นวลนวลประหลาดใจ จากนั้นก็ส่งเสียงเรียกอย่างคล้อยตามว่า:“ผู้ช่วยซือ”
ซือเย่มองไปรอบๆอย่างนิ่งสงบ และถือโอกาสตอนที่คนอื่นไม่ทันได้สังเกต ถามมู่นวลนวลเบาๆว่า:“คุณหญิงเจอคุณชายแล้วใช่ไหม?”
“อืม” หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็เห็นโม่ถิงเซียวเดินมาจากด้านหลัง เธอชี้คางของเธอไปด้านหลังขอซือเย่:“เขามาแล้ว”
เมื่อซือเย่เห็นโม่ถิงเซียวก็ถอนหายใจโล่งอก
ไม่ถิงเซียวไปห้องน้ำทันทีที่เขามาถึง ใครจะรู้ว่าเขาถูกผู้หญิงเหล่านั้นจะถามคำถามไม่หยุดจนเขารำคาญมาก
ซือเย่รีบเดินไปหาโมถิงเซียว:“คุณชาย”
“อืม” โม่ถิงเซียวตอบกลับ จากนั้นก็มองไปที่มู่นวลนวลโดยไม่ได้ตั้งใจ
มู่นวลนวลหันหน้าเดินไปทางอื่น
ในงานเลี้ยงนอกจากโม่ถิงเซียว ซือเย่และเซินชูฮัน มู่นวลนวลก็ไม่รู้จักใครอีก
และแน่นอนว่าไม่มีใครเป็นฝ่ายเข้ามาพูดคุยกับเธอก่อน เธอจึงเดินไปนั่งที่มุมที่ไม่มีใครสนใจ
เธอตำแหน่งที่นั่งได้ดี เธอนั่งบนเก้าอี้ที่สูงจนแทบจะมองเห็นทั้งหมดของห้องจัดเลี้ยง
โม่ถิงเซียวตัวสูงและมีนิสัยเย็นชา เมื่อเขาเดินเข้าไปในฝูงชน เขาจึงดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
หลังจากที่มู่นวลนวลนั่งลงได้ไม่กี่นาที เธอก็เห็นผู้หญิงเข้ามาพูดคุยกับโม่ถิงเซียวอยู่ไม่ขาด
โม่ถิงเซียวจัดการกับพวกเธออย่างเย็นชา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนเข้ามาเรื่อยๆ และพยายามดึงความสนใจของโม่ถิงเซียว
ก่อนหน้านี้โม่ถิงเซียวไม่ออกงานสังคมและไม่เข้าร่วมงานเลี้ยง ถึงแม้ว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะมีใจขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้โม่ถิงเซียวมักจะปรากฏตัวในที่สาธารณะบ่อยๆ อีกทั้งยัง “โสด” แน่นอนว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะไม่ปล่อยให้โอกาสเช่นนี้ผ่านไป
เหตุผลนี้มู่นวลนวลเข้าใจดี
แต่เมื่อเห็นสายตาของผู้หญิงเหล่านั้นที่มองไปที่โม่ถิงเซียว ราวกับว่าอยากจะกลืนกินเขา ในใจของมู่นวลนวลก็อดกลั้นเอาไว้ด้วยความตื่นตระหนก
“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเธอก็จะทนไม่ได้แล้วหรอ?”
เสียงของเซินชูฮันดังขึ้นข้างๆหู
มู่นวลนวลหันหน้าไปมอง เธอเห็นเซินชูฮันถือแก้วแชมเปญแล้วนั่งลงข้างๆเธอ เขายิ้มและมองมาที่เธอ
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก และพูดว่า:“นายนี่ยุ่งจริงๆ”
“นวลนวล ฉันทำเพื่อเธอนะ” สีหน้าของเซินชูฮันดูจริงจังมาก:“โม่ถิงเซียวหน้าเนื้อใจเสือและเจ้าเล่ห์ ตระกูลโม่ยากแท้หยั่งถึง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
“งั้นนายก็บอกฉันสิ ว่าจะเข้าถึงตระกูลโม่ได้ยังไง?” เห็นได้ชัดว่ามู่นวลนวลพูดให้สอดคล้องคำพูดของเซินชูฮัน
เซินชูฮันสายหัว:“ฉันพูดจริงจังนะ แม้ว่าเธอจะไม่ได้คบกลับโม่ถิงเซียวและไม่อาจจะคบกับฉันได้ ฉันแค่คิดว่าเธอสามารถเลือกคนที่เหมาะสมกว่าได้”
มู่นวลนวลสีหน้าเย็นชา:“เหมาะสมหรือไม่เหมาะฉันรู้ตัวเองดี”
เซินชูฮันเงียบไปครู่หนึ่ง และพูดด้วยเสียงต่ำว่า:“หรือเธอคิดว่าคนที่แม้แต่ลูกคนเดียวก็ปกป้องไม่ได้ เหมาะสมกับเธองั้นหรอ?”
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้นก็กำแก้วแชมเปญในมือไว้แน่น
เรื่องที่เกี่ยวกับลูก นอกจากเธอกับโม่ถิงเซียวและคนใกล้ตัวที่เธอไว้ใจก็น่าจะไม่มีใครรู้อีก
เธอว่างแก้วแชมเปญในมือลง และมองเซินชูฮันด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม :“นายรู้ได้ยังไง?”
“ดูเหมือนว่าการคาดเดาของฉันจะถูกต้อง” เซินชูฮันยิ้มและถอนหายใจ
มู่นวลนวลไม่พูดอะไรและรอคำพูดต่อไปของเขา
เซินชูฮันมองไปที่โม่ถิงเซียว:“ฉันเข้าใจเธอ ลูกคลอดออกมาแล้วเธอก็อยากจะคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้เธอตัวคนเดียว ไม่มีลูกอยู่ด้วย ถ้าลูกอยู่กับโม่ถิงเซียวที่นั่น เพื่อลูกแล้วเธอคงไม่เลิกกับเขา……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เซินชูฮันก็หยุดชะงัก และสังเกตท่าทีของมู่นวลนวล ก่อนที่จะพูดต่อ:“ลูกไม่ได้อยู่กับเธอ แล้วก็ไม่ได้อยู่กับโม่ถิงเซียว นี่จะอธิบายยังไง?”
ใบหน้าของมู่นวลนวลเย็นชา เธอลดสายตาลงและระงับอารมณ์:“ถ้าอย่างนั้นนายคิดว่าลูกของฉันกับโม่ถิงเซียวอยู่ที่ไหน?”
“ลูกของฉันกับโม่ถิงเซียว” ดูเหมือนคำพูดนี้จะสะเทือนจิตใจของเซินชูฮัน
เซินชูฮันสีหน้าเย็นชา:“เธอกับโม่ถิงเซียวอยู่ด้วยกันไม่มีทางที่จะมีความสุข เขาดูยิ่งใหญ่ แต่ก็อยู่ภายใต้ตระกูลโม่……”
“พอได้แล้ว” มู่นวลนวลขัดจังหวะการพูดของเขา:“ที่ฉันกับโม่ถิงเซียวเป็นแบบนี้ ก็เพราะเรื่องของฉัน”
เซินชูฮันไม่ได้ดึงดันที่จะพูดต่อ
ทั้งสองคนนั่งข้างกัน แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก
“ผู้หญิงที่ใส่ชุดราตรีสีดำคนนั้น……”
“เป็นเธอ?ก็งั้นๆ……”
“นั่นนะสิ เธอโชคดีถึงได้แต่งงานเข้าตระกูลโม่”
“จริงๆก็เป็นแค่เด็กบ้านอกคนหนึ่ง ไม่คู่ควรกับคุณชายโม่ สุดท้ายก็หย่าร้างกัน”
“เธอรู้ว่าวันนี้คุณชายโม่จะมาร่วมงานเลี้ยง เธอก็เลยตั้งใจมา?”
“ต้องใช่แน่ๆ ผู้ชายอย่างโม่ถิงเซียว ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ชอบ เธอคงต้องการที่จะเอาหัวใจของโม่ถิงเซียวกลับคืนมา”
“คงได้แค่ฝัน หันไปมองเธอสิ……”
ไม่ควรประมาทความสามารถในการเผยแพร่ข้อมูลของผู้หญิงเหล่านั้น หลังจากที่มีคนจำมู่นวลนวลได้ “อดีตภรรยาของคุณชายโม่ก็มาร่วมงานด้วย” ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วงาน
ผู้หญิงจำนวนมากกำลังวิพากษ์วิจารณ์มู่นวลนวล
และแอบมองเธออยู่ไกลๆ
ไร้ยางอาย เช่นเดียวกับผู้หญิงสองคนนั้น พวกเธอวิ่งไปข้างหน้ามู่นวลนวลแล้วชี้
ถ้าเป็นปกติมู่นวลนวลก็แค่ฟังแล้วปล่อยผ่าน
แต่เมื่อตะกี้เธอเพิ่งได้ฟังคำพูดของเซินชูฮัน ตอนนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
มู่นวลนวลลงจากเก้าอี้สูง เธอกอดอกแล้วเดินไปหาผู้หญิงสองคนนั้น:“ใช่ ฉันยังสามารถฝันได้ แต่พวกเธอไม่มีแม้แต่โอกาส”
ผู้หญิงคนหนึ่งยืนขึ้นและโต้เถียงกับเธอ:“เธอพูดอะไร!”
“ฟังไม่เข้าใจหรอ?” มู่นวลนวลหัวเราะ และเชิดคางขึ้นมองเธอ:“ถ้าไม่เข้าใจก็กลับไปหาในพจนานุกรม”
“เธอ……” ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่มู่นวลนวล และพูดว่า:“เธอคิดว่าเธอยังเป็นคุณหญิงของตระกูลโม่รึไง?ถึงได้เย่อหยิ่งอย่างนี้”
“เปล่า ตอนนี้ฉันไม่ใช่คุณหญิงของตระกูลโม่ แต่ฉันก็เคยเป็น” มู่นวลนวลมองผู้หญิงคนนั้นโกรธเธอจนพูดอะไรไม่ออก และเธอก็รู้สึกว่ามันไร้สาระ
เธอไม่จำเป็นต้องใสใจกับเรื่องไร้สาระพวกนี้
เธอรู้สึกเบื่อหน่าย จึงเดินไปหยิบกระเป๋าและเตรียมที่จะออกไป
เธออกไม่ได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่ามีคนเดินตามมาข้างหล้าง
เมื่อเธอหันไปมองก็พบว่าเซินชูฮันเดินตามหลังเธอมา