ซือเย่ออกไปช่วยโม่ถิงเซียวจองตั๋วเครื่องบิน
โม่ถิงเซียวมองไปทางห้องครัว ก็โทรศัพท์หากูจื่อหยาน
“ถ้าหากว่าไม่ใช่เลี้ยงอาหารดื่มเหล้าฉัน ก็ไม่ต้องพูด”ครั้งก่อนกูจื่อหยานอยู่ที่ร้านอาหารจินติ่งก็บังเอิญได้เจอเท่านั้นเอง
โม่ถิงเซียวตัวเองกลับไปรับช่วงต่อโม่กรุ๊ป ร้านอาหารจินติ่งกับShengdingMedia ทั้งหมดก็ทิ้งไว้ให้เขาทั้งหมด
ทิ้งไว้ให้เขาทั้งหมดเขาก็เลิกแล้วกันไป ถึงอย่างไรเขาก็เป็นนักลงทุนมีหุ้นส่วนในนั้น
ตอนนี้โม่ถิงเซียวใช้งานเขาก็ยิ่งสะดวกขึ้น เมื่อก่อนมีเวลาที่จะมาทานอาหารดื่มเหล้ากัน ตอนนี้ถ้าไม่มีธุระก็ไม่มาหาเขา
กูจื่อหยานตัดความสัมพันธ์กับโม่ถิงเซียวนับไม่ถ้วนแล้ว
โม่ถิงเซียวสนใจคำพูดกูจื่อหยานที่ไหนกันล่ะ เมื่อก่อนทุกครั้งที่กูจื่อหยานขู่เขาว่าจะกระโดดตึก
โม่ถิงเซียวพูดอย่างไม่สนใจ“คืนนี้ฉันจะบินไปสหรัฐอเมริกา เร็วสุดประมาณสามสี่ห้าวันจึงจะกลับมา ฉันไม่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ช่วยฉันดูแลมู่นวลนวลหน่อย”
กูจื่อหยานก็ดีแต่ปาก ก็ไม่กล้าจะตัดสายโทรศัพท์ของโม่ถิงเซียว
เขาถามอย่างประหลาดใจ“นายไปสหรัฐอเมริกาทำไม ไปทำงานนอกสถานที่?”
โม่ถิงเซียวพูดหนักแน่น“มีธุระ นายช่วยฉันดูแลมู่นวลนวลก็พอแล้ว”
“ได้ได้ได้!”กูจื่อหยานเปลี่ยนเรื่อง และถาม“เรื่องอะไรที่ร้ายแรงขนาดนี้ ยังให้ฉันดูแลนวลนวล มีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกฉันสิ?”
กูจื่อหยานไม่ใช่คนนอก มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับโม่ถิงเซียว โม่ถิงเซียวก็ไม่ได้อ้อมค้อม นำเรื่องที่สำคัญบอกกับเขา“ซือเฉิงยวี่เป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่คนละแม่กับฉัน”
“หา?”ท่าทีโต้ตอบของกูจื่อหยานตื่นเต้นมาก“สถานการณ์เป็นยังไง ล้อเล่นกับฉันเหรอ?ซือเฉิงยวี่ไม่ใช่เป็นลูกของคุณอานายเหรอ?เขาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดนาย งั้นเสี่ยวเฉินล่ะ?”
จะไม่พูดก็ไม่ได้ ความคิดของกูจื่อหยานกระจายรุนแรงมาก
โม่ถิงเซียวไม่สนใจคำถามนี้ของเขา พูดเสียงต่ำ“รบกวนนายแล้ว”
“ไปไปไป ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น ฉันกลัว ถึงแม้ว่านายไม่สั่งฉัน ความสัมพันธ์ของเซินเสี่ยวเหลียงคนของฉันกับมู่นวลนวล ฉันก็ต้องดูแลอยู่แล้ว…”
“อืม”
โม่ถิงเซียววางสายโทรศัพท์ สายตาก็หยุดอยู่ที่ผลรายงานการตรวจดีเอ็นเอความเป็นพ่อที่อยู่บนโต๊ะชา จ้องมองดู นำโทรศัพท์วางไว้ด้านข้าง ลุกขึ้นยืนเดินไปห้องครัว
ในห้องครัว มู่นวลนวลกำลังหั่นพริกหยวก
โม่ถิงเซียวชอบรสชาติจัดจ้าน ตอนนี้มู่นวลนวลน้อยมากที่จะทำอาหารให้เขา ไม่งายที่จะมีโอกาสทำอาหารให้เขา ยังพยายามเต็มที่จะทำให้เขาพอใจในรสชาติ
ฝีเท้าของโม่ถิงเซียวเบามาก เขายืนพิงประตูดูอยู่สักพัก มองเห็นมู่นวลนวลหั่นพริกหยวกเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปหยิบจานส่งให้เธอ
มู่นวลนวลกำลังจะหันกลับมาหยิบจาน ก็พบว่าจานถูกส่งเข้ามา
เธอรับจานเอาไว้ หันหน้ากลับไปมองทางโม่ถิงเซียว“ทำไมถึงเข้ามา?”
“หิวแล้ว“โม่ถิงเซียวพูดเบาๆ
แต่สายตาของเขาหยุดอยู่ที่บนตัวของมู่นวลนวล
“หิวแล้วมองฉันทำไม?ไปรอที่ห้องอาหาร เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”มู่นวลนวลพูดพลาง ใช้ข้อศอกชนเขา ต้องการจะดันเขาออกไป
โม่ถิงเซียวไม่ขยับแม้แต่น้อย เอื้อมมือกดบนบ่าของเธอไว้ พูดประโยคอย่างเรียบเฉย“อยากมองเธออีกสักครู่”
มู่นวลนวลชะงักเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ทันใดนั้นก็ตรงไปตรง ทำให้เธอไม่ค่อยชิน
โม่ถิงเซียวยังไม่ไป มู่นวลนวลก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว
“คุณพาซือเย่ไปสหรัฐอเมริกาด้วยกันสิ เขาอยู่ข้างกายคุณมาหลายปีแล้ว ทำงานเชื่อถือได้ ต่างประเทศไม่เหมือนเซี่ยงไฮ้…”ความจริงเมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องรับแขก เธอก็อยากจะพูดเรื่องนี้
โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วขึ้น พูดเสียงต่ำ รั่วไหลความไม่พอใจ“เธอดูถูกฉัน หรือว่าดูถูกซือเย่?”
มู่นวลนวลไม่อยากจะพูดเรื่องนี้กับผู้ชายเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองอีก
ซือเย่จองเที่ยวบินให้เขาคือตอนเย็นหกโมง
โม่ถิงเซียวสี่โมงก็ออกเดินทางไปสนามบิน
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยของผู้คน มู่นวลนวลไม่ได้ไปส่งเขา
หลังจากที่โม่ถิงเซียวไปแล้ว ชีวิตของมู่นวลนวลก็กลายเป็นใช้ชีวิตอยู่ที่กองถ่ายกับในบ้าน
มีเวลาก็ไปกองถ่าย นอกจากนั้นก็ใช้เวลาเขียนบทละครเรื่องใหม่ต่อไป
…
ในเวลาที่โม่ถิงเซียวถึงสหรัฐอเมริกา ก็เป็นตอนเช้าของวันที่สอง
ในเวลาที่เขามาถึงบ้านของโม่เหลียนพร้อมกระเป๋าเดินทางและความเหนื่อยล้าในการเดินทาง โม่เหลียนอยู่ในลานบ้านดูช่างฝีมือคนใหม่ที่เพิ่งจะว่าจ้างมาซ่อมลานหน้าบ้าน
โม่ถิงเซียวหิ้วกระเป๋าเดินทางเดินเข้ามา เรียกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“คุณอา”
โม่เหลียนได้ยิน เมื่อหันไปมองทางโม่ถิงเซียว ใช้เวลาครึ่งนาทีในการตอบสนองกลับมา“ถิงเซียว? ทำไมนายถึงมากะทันหันแบบนี้?”
ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แสดงเป็นธรรมชาติ แต่โม่ถิงเซียวก็ยังพบร่องรอยของความตื่นตระหนกจากเบื้องหลังการแสดงออกของเธอ
โม่เหลียนกับแม่เขาเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ยังเด็ก ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนลึกซึ้งมาก
ทั้งสองคนสามารถกลายเป็นเพื่อนสนิทกันได้ จำเป็นต้องมีอะไรเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าจะรู้จากปากของมู่เจิ้งซิว สถานที่ที่เกิดคดีจับตัวเรียกค่าไถ่ปีนั้นเคยได้พบเห็นโม่เหลียน โม่ถิงเซียวรู้สึกเกิดความรังเกียจโม่เหลียน แต่ไม่รู้สึกว่าโม่เหลียนจะสามารถทำเรื่องอย่างนั้นได้
ตั้งแต่เล็กโม่เหลียนเป็นเด็กที่เชื่อฟัง เจ้าสัวโม่รักเป็นอย่างมาก ถูกตระกูลโม่เลี้ยงดูอย่างดี จิตใจดี ทำเรื่องดุร้ายแบบนั้นไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น ไม่มีแรงจูงใจ
เพียงแต่ ถึงแม้เธอจะไม่มีแรงจูงใจ เธอก็น่าจะรู้เรื่องอะไรบ้าง
โม่ถิงเซียวนำกระเป๋าเดินทางที่หิ้วอยู่ในมือวางลง ปล่อยมือและก้าวเท้ายาวๆไปตรงหน้าโม่เหลียน ในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นสะท้อนความแหลมคม เหมือนจะมองทะลุโม่เหลียน“คุณอานึกว่า ผมมาหาคุณอาเป็นพิเศษ เป็นเพราะว่าเรื่องอะไร?”
หลังจากที่แม่ของโม่ถิงเซียวตายไป ก็มาใช้ชีวิตกับโม่เหลียน แต่ตอนนั้นโม่เหลียนไม่ได้คิดว่าโม่ถิงเซียวเป็นเด็กคนหนึ่ง
ไม่มีเด็กอายุสิบกว่าปีที่ไหนจะมีความคิด ที่สามารถซ่อนความรู้สึกไม่แสดงออกมาได้เหมือนโม่ถิงเซียวได้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โม่เหลียนก็รู้สึกว่าตัวเองมองไม่ทะลุปรุโปร่งเด็กคนนี้
สีหน้าท่าทางของโม่เหลียนแข็งทื่อขึ้นมาชั่วขณะ และพูด“นายไม่พูดแล้วฉันจะรู้ได้ไงว่านายมาหาฉันเรื่องอะไร มาจากเซี่ยงไฮ้สิ?นั่งเครื่องบินมาตั้งนาน คงจะเหนื่อยมาก ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ห้องของนายก็ยังอยู่ตลอด”
พูดจบ ก็หันตัวกลับไปสั่งคนรับใช้“ช่วยถือกระเป๋าของถิงเซียว ส่งเขาไปพักผ่อนที่ห้อง”
ทันทีหลังจากนั้นก็มีคนรับใช้มาช่วยถือกระเป๋าเดินทางโม่ถิงเซียว“คุณชาย เชิญได้ทางนี้ค่ะ”
โม่ถิงเซียวมองโม่เหลียนอย่างลึกซึ้ง และหมุนตัวเดินตามคนรับใช้ไปในห้อง
คนรับใช้พาโม่ถิงเซียวไปส่งถึงห้องนอนก็ออกมา โม่ถิงเซียวปิดประตู หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทรหามู่นวลนวล มองดูเวลา พบว่าสิบเอ็ดโมงแล้ว
สหรัฐอเมริกากับในประเทศเวลาต่างกัน เวลาในประเทศตอนนี้เป็นตอนค่ำ เวลานี้มู่นวลนวลอาจจะหลับไปแล้ว
โม่ถิงเซียวก็ไม่ได้โทรศัพท์ไปหามู่นวลนวล แต่ส่งข้อความไป“ถึงแล้ว”
เขาส่งข้อความเสร็จ เพิ่งจะนำโทรศัพท์วางข้างๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเตือนข้อความใหม่ที่ถูกส่งเข้ามา
เป็นมู่นวลนวลที่ส่งข้อความกลับมาหาเขา“เพิ่งจะถึงเหรอ?ทานอาหารหรือยัง?พบคุณอาหรือยัง?คุณเตรียมตัวจะพูดยังไง?”