เพราะซือหมิงฮวนเป็นจิตรกรดัง เรื่องที่เขาโดนรถชนจึงมีอิทธิพลต่อสังคม ดังนั้น ทางตำรวจจึงออกใบรับรองอุบัติเหตุจราจรให้อย่างรวดเร็ว
สุดท้ายเเล้วอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็ถูกรับรองว่าเป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
หลังจากออกใบรับรองอุบัติเหตุจราจรเเล้ว ก็เริ่มจัดการกับงานศพของซือหมิงฮวนทันที
หลังจากที่โม่ชิงเฟิงกับพักพวกมาถึง โม่ถิงเซียวก็ไม่ต้องจัดการเรื่องของซือหมิงฮวนอีก
ในที่สุดเขาก็มีเวลาว่างสักที
ก่อนงานศพจะเริ่ม ซือเย่เพิ่งกลับจากข้างนอก เเละเดินตรงไปที่ห้องของโม่ถิงเซียวทันที
โม่ถิงเซียวใส่ชุดสีดำทั้งตัว เขากำลังนั่งทำหน้าครุ่นคิดอยู่บนโซฟา
ซือเย่เดินเข้าไปเเละเรียกอย่างเคารพนบนอบ: ” คุณชายครับ ”
โม่ถิงเซียวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองซือเย่ เขาทำเพียงพูดขึ้นเท่านั้น: ” สืบเรื่องไปถึงไหนเเล้ว? ”
ซือเย่พูดขึ้น: ” สิ่งที่ผมสืบได้เหมือนกับผลที่ได้รับจากตำรวจครับ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงอุบัติเหตุจราจรจริงๆนะครับ ”
เเม้เเต่โม่มู่ก็ถูกพรากไปโดยไม่รู้ตัว โม่ถิงเซียวมีเหตุผลที่จะสงสัยว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของซือหมิงฮวนไม่ใช่อุบัติเหตุ
ก๊อก ก๊อก!
ข้างนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ต่อมาก็เป็นเสียงของคนรับใช้: ” คุณชายโม่คะ ตอนนี้ต้องเดินทางไปที่สถานที่จัดงานศพเเล้วค่ะ ”
โม่ถิงเซียวได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นก็จัดเสื้อเชิ้ตสีดำให้เข้าที่ เเละหันไปพูดกับซือเย่: ” ไปกันเถอะ ”
……
พอมาถึงสถานที่จัดงานศพก็พบว่าคนของตระกูลซือมากันครบเเล้ว
ซือเฉิงยวี่กับโม่เหลียนกำลังต้อนรับคนที่มาแสดงความเสียใจ
เพียงแค่สัปดาห์เดียว โม่เหลียนก็ผอมลงไปมาก แม้แต่การแต่งหน้าอย่างหนักก็ไม่สามารถปกปิดความแก่ที่แสดงออกมาตามอายุได้ เธอดูซีดเซียวและผอมลงมาก
โม่ถิงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย เเละพูดด้วยเสียงหนักแน่น: ” เสียใจด้วยครับ ”
โม่เหลียนไม่ได้พูดอะไร เธอทำเพียงพยักหน้า แบบนี้ยิ่งทำให้เธอดูกลัดกลุ้มมากกว่าเดิม
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วนิดหน่อย เขาสังเกตเธอเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน
พอเดินมาถึงด้านใน เขาก็เห็นโม่เจียเฉินกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
ถึงเเม้ว่าหลายปีมานี้โม่เจียเฉินจะถูกเลี้ยงอย่างมีอิสระ เเต่ถึงอย่างไรเลือดก็ข้นกว่าน้ำ ปีนี้เขาก็อายุสิบห้าปีเเล้ว เเละแน่นอนว่าเขารู้ว่าการตายหมายถึงอะไร
เขาสูญเสียพ่อไปตลอดชีวิต
โม่ถิงเซียวเดินมาคุกเข่าข้างๆเขา เเละส่งกระดาษทิชชู่ให้
โม่เจียเฉินเงยหน้าขึ้น ตาของเขาทั้งเเดงทั้งบวม เเถมจมูกยังเเดงอีกด้วย เขาพูดขึ้นด้วยเสียงที่ทุ้มแหบ: ” พี่ ”
เเค่เรียกโม่ถิงเซียวคำเดียว น้ำตาของโม่เจียเฉินก็ไหลลงมาอีกรอบ
ต่อให้เขาจะเม้มริมฝีปากอย่างดื้อรั้น เเต่ก็ยังได้ยินสะอื้นที่หดหู่จากในลำคอของเขาอยู่ดี
” อืม ” โม่ถิงเซียวขานรับ เเละยัดกระดาษทิชชู่ใส่ในมือเขา
มีหลายสิ่งในชีวิตที่คุณไม่สามารถควบคุมมันได้และไม่มีทางเลือกอื่น
คำปลอบใจของภาษาโดยส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ไร้กำลังเเละซีดเซียวมาก
โม่เจียเฉินกำกระดาษทิชชู่ที่โม่ถิงเซียวส่งให้เขาแน่น หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลงต่ำเพื่อไม่ให้โม่ถิงเซียวเห็นใบหน้าของเขา เเต่ยังไงโม่ถิงเซียวก็ยังเห็นน้ำตาที่ไหลกระทบพื้นราวกับด้ายขาดอยู่ดี
โม่ถิงเซียวทำเพียงตบบ่าของเขาเบาๆ เเละลุกขึ้นยืน
……
หลังจากที่งานศพของซือหมิงฮวนสิ้นสุดลง โม่ถิงเซียวก็ต้องกลับเซี่ยงไฮ้คนเดียว
ตอนเที่ยงของวันก่อนออกเดินทาง ทุกคนได้มานั่งรับประทานอาหารกลางวันที่ห้องโถงด้วยกัน
อยู่ๆซือเฉิงยวี่ก็พูดขึ้น: ” แม่ กลับเซี่ยงไฮ้พร้อมกับพวกเราเถอะ ”
พอคนอื่นๆได้ยินที่เขาพูดก็พากันทยอยหันไปมองโม่เหลียน
มีเพียงโม่ถิงเซียวที่ยังคงก้มหน้ากินอาหารต่อราวกับไม่ได้ยินที่ซือเฉิงยวี่พูด เขาทำเหมือนไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนโต๊ะอาหาร
โม่เหลียนชะงักไปเล็กน้อย เเต่เธอไม่ได้ให้คำตอบในทันที
โม่ชิงเฟิงก็พูดขึ้นมาตามกัน: ” ใช่ หมิงฮวนก็ไม่อยู่เเล้ว เฉิงยวี่กับเสี่ยวเฉินก็อยู่ในประเทศ เธออยู่ที่นี่คนเดียวไม่มีที่พึ่งพิงอะไร สู้กลับเซี่ยงไฮ้ไปกับพวกเราดีกว่า ”
ทุกคนกำลังรอคำตอบของโม่เหลียน
โม่เหลียนวางช้อนในมือลง เเละพูดขึ้นเสียงเบา: ” ไม่ล่ะ ฉันอยู่ที่สหรัฐอเมริกาจนชินเเล้ว ยังไงก็อยู่ที่นี่ต่อดีกว่า ”
เธอเพิ่งพูดจบ โม่เจียเฉินก็วางแก้วในมือลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเป็นเสียงดัง
เเละครั้งนี้ เเม้เเต่โม่ถิงเซียวก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองโม่เจียเฉิน
ช่วงนี้สีหน้าของโม่เจียเฉินดูแย่มาก ใบหน้าสวยก็ซีดเซียวเช่นเดียวกัน
เขามองสายตาของโม่เหลียนอย่างเย็นชา: ” ตามใจแม่เถอะ ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่ได้สนใจพวกเราอยู่เเล้ว ”
โม่ชิงเฟิงเป็นฝ่ายตอบสนองขึ้นมาก่อน เเละเขาก็ได้พูดขึ้นเสียงเบา: ” เสี่ยวเฉิน! ”
โม่เจียเฉินไม่มองโม่ชิงเฟิงแม้เเต่นิดเดียว เขาลุกขึ้นเเละก้าวยาวๆออกไปจากห้องอาหารทันที
” แม่ เเม่อย่าสนใจคำพูดของน้องนะ เสี่ยวเฉินยังเด็ก ผมขอไปดูน้องก่อน ” พอซือเฉิงยวี่กระซิบที่ข้างหูโม่เหลียนเสร็จ เขาก็รีบตามโม่เจียเฉินไปทันที
โม่เหลียนรู้สึกงุนงงสักครู่ หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน: ” ฉันกินอิ่มเเล้ว พวกคุณตามสบาย ”
ราวกับเรื่องตลก เเม่เเละลูกชายออกไปก่อน เเละทิ้งให้โม่ชิงเฟิงและโม่ถิงเซียวนั่งเผชิญหน้ากันที่โต๊ะอาหาร
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโม่ถิงเซียว เขายังคงกินอาหารอย่างเอ้อระเหย
โม่ชิงเฟิงเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่พอใจทันที: ” ถิงเซียว เเกสนิทกับเสี่ยวเฉิน กลับไปก็พูดกล่อมเขาหน่อยล่ะ ”
โม่ถิงเซียวไม่ได้ตอบรับเเละปฏิเสธ เขาทำเพียงพูดขึ้น: ” ซือเฉิงยวี่เป็นพี่ชายแท้ๆของเขา ”
คำว่า ” พี่ชายเเท้ๆ ” ถูกโม่ถิงเซียวเน้นเสียงให้หนักขึ้น
พอโม่ชิงเฟิงได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย
เขาจ้องโม่ถิงเซียวสักครู่ หลังจากนั้นถึงจะพูดขึ้น: ” แกรู้เเล้ว? ”
โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร
” ปัง ” โม่ชิงเฟิงตบโต๊ะอาหารเสียงดัง เเละพูดขึ้นอย่างโมโห: ” โม่ถิงเซียว ฉันกำลังถามแกอยู่นะ ”
โม่ถิงเซียวก้มหน้าลงเเละหัวเราะอย่างเย็นชา: ” ผมรู้หรือไม่รู้มันสำคัญด้วยหรอ? คุณปิดบังเรื่องเเม่ของผมมาตลอดชีวิต เรื่องนี้เเม้เเต่คุณปู่ก็เพิ่งมารู้ทีหลังใช่ไหมล่ะ? คุณนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ ”
โม่ชิงเฟิงพูดขึ้นหน้าเขียว: ” มันเป็นอุบัติเหตุ ”
” คดีลักพาตัวในปีนั้นเป็นอุบัติเหตุ เรื่องคุณปู่เป็นอุบัติเหตุ ซือเฉิงยวี่เป็นลูกนอกสมรสก็เป็นอุบัติเหตุ เรื่องที่อาเขยถูกรถชนก็เป็นอุบัติเหตุ…… ” โม่ถิงเซียวชะงักเล็กน้อย เเละพูดต่อด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม: ” ครึ่งชีวิตของคุณวนเวียนอยู่เเต่กับอุบัติเหตุ คุณคงใช้ชีวิตล้มเหลวมากเลยสินะ ”
คล้ายกับโม่ชิงเฟิงโกรธจนไร้เหตุผลไปโดยสิ้นเชิง เขาชี้ไปที่โม่ถิงเซียวเเละตะโกนด่า: ” โม่ถิงเซียว แกคิดว่าฉันไม่กล้าดึงแกลงมาจากตำแหน่งประธานของโม่กรุ๊ปหรอ? ”
ถ้าเทียบกับความโกรธของโม่ชิงเฟิงเเล้ว โม่ถิงเซียวกลับนิ่งกว่ามาก
โม่ถิงเซียวพูดอย่างไม่รีบร้อน: ” งั้นก็ลองดูว่าคุณจะดึงผมลงจากตำแหน่งประธานของโม่กรุ๊ปเร็วกว่า หรือผมจะเป็นฝ่ายทำให้โม่กรุ๊ปล้มละลายเร็วกว่ากัน ”
ที่โม่ชิงเฟิงยอมยกโม่กรุ๊ปให้โม่ถิงเซียวเร็วแบบนี้ หลักๆก็เพราะโม่ถิงเซียวมีความสามารถที่เกินคนในด้านธุรกิจจริงๆ
ตอนโม่กรุ๊ปอยู่ในกำมือของเขาล้วนมีเเต่ปัญหา ต้องส่งมอบให้กับโม่ถิงเซียวเท่านั้นถึงจะดีขึ้น
เเต่เขาไม่เคยคิดว่าโม่ถิงเซียวจะมีความคิดแบบนี้
เขามองโม่ถิงเซียวอย่างไม่คาดคิด: ” ทำให้โม่กรุ๊ปล้มละลายเเล้วมันส่งผลดีกับแกยังไง! แกอย่าลืมว่าแกก็นามสกุลโม่เหมือนกัน แกเป็นพวกเดียวกับพวกเราเเละโม่กรุ๊ป ผลจะเเพ้หรือชนะก็เหมือนกัน! ”