โม่เจียเฉินเหลือบมองไปที่มู่นวลนวลแล้วเดินตรงไปข้างหน้า มู่นวลนวลจึงทำได้เพียงเดินตามไป
เมื่อเธอเดินผ่านโม่เหลียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและส่งเสียงเรียก:“คุณหญิงซือ”
จากนั้นโม่เหลียนก็พบว่ามู่นวลนวลอยู่ที่นี่
ดูเหมือนเธอจะจำไม่ได้ว่ามู่นวลนวลเป็นใคร เธอมองมู่นวลนวลด้วยความตะลึงอยู่สักพักและพูดว่า:“เธอคือ……”
“ฉันคือมู่นวลนวล อดีตภรรยาของโม่ถิงเซียว” มู่นวลนวลจ้องมองโม่เหลียนและพูดอย่างเนิบๆ
สีหน้าของโม่เหลียนดูประหลาดใจ:“ที่แท้ก็เป็นเธอ”
“ฉันยังมีธุระ คงไม่ได้อยู่คุยกับคุณหญิงซือแล้ว” แล้วมู่นวลนวลก็เดินตามโม่เจียเฉินไป
เมื่อเธอหาโม่เจียเฉินเจอ เขายืนหันหลังอยู่ที่น้ำพุคนเดียว และก้มหัวลงต่ำ
มู่นวลนวลเดินไปข้างหน้า เธอเห็นร่องรอยของคราบน้ำบนใบหน้าของเขา ดูเหมือนจะเป็นน้ำตา
โม่เจียเฉินร้องไห้
มู่นวลนวลดึงกระดาษทิชชู่ส่งให้เขา
โม่เจียเฉินไม่ได้รับ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า:“ช่วงหลายปีที่ผ่านมาพ่อของผมไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก ครั้งนี้เขาไปจัดนิทรรศการศิลปะ เป็นเพราะเขาทะเลาะกับแม่ก็เลยวู่วาม……พ่อของผมเป็นคนอารมณ์ดี ไม่เคยอารมณ์ร้อนมาก่อน……แม่ต้องทำเรื่องที่มันเกินไปแน่ๆ……”
“แต่พอผมถามว่าทำไมพวกเขาถึงทะเลาะกัน เธอก็ไม่บอกผม เธอต้องทำเรื่องที่ไม่ดีมากๆอย่างแน่นอน พ่อของผมถึงได้โกรธมากและออกจากบ้านไป……”
มู่นวลนวลคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความรู้สึกในใจมากขนาดนี้
ซือหมิงฮวนกับโม่เหลียนทะเลาะกันแล้วก็ออกจากบ้าน แต่โม่เหลียนไม่บอกถึงสาเหตุที่ทะเลาะกัน
โม่ถิงเซียวไปหาโม่เหลียนที่สหรัฐอเมริกาเพราะว่าเรื่องที่ซือหมิงฮวน เขาวางแผนที่จะไปพูดคุยกับซือหมิงฮวน แต่ซือหมิงฮวนก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
ต้นสายปายเหตุของเรื่องก็เป็นอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเชื่อมโยงที่ชัดเจน
“ไม่ต้องร้องนะ” มู่นวลนวลทำได้เพียงหยิบทิชชู่มาช่วยเช็ดน้ำตาให้เขา:“ไม่มายังไงเธอก็เป็นแม่ของนายและเธอก็เป็นห่วงนายมาก ระหว่างพวกคุณอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน รอให้ทุกคนใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยกันดีๆ……”
โม่เจียเฉินหยิบทิชชู่ไปเช็ดหน้าของตัวเอง และไม่ได้ตอบสนองต่อคำพูดของมู่นวลนวล
เห็นได้ชัดว่าโม่เจียเฉินกำลังตำหนิโม่เหลียน
เขาตำหนิที่โม่เหลียนทะเลาะกับซือหมิงฮวน จนซือเมิงฮวนโกรธมากและออกจากบ้านไป จากนั้นก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
ตอนนี้โม่เจียเฉินมาถึงทางตัน คนอื่นพูดอะไรเขาก็ยากที่จะรับฟัง
มู่นวลนวลปลอบเขาอยู่สักพักและพาเขาไปตัดผม
หลังจากที่โม่เจียเฉินตัดผมเสร็จ เขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
จากนั้นทั้งสองก็เดินช้อปปิ้งกันสักพัก
มู่นวลนวลลากเขาเข้าไปในห้าง:“นายอยากได้อะไรฉันจะซื้อให้ ฉันขายบทภาพยนตร์ของฉันไปแล้ว ตอนนี้มีเงิน”
เห็นได้ชัดว่าโม่เจียเฉินไม่ได้สนใจมากนัก เขาดูอันนี้จับอันนั้นอย่างไม่ได้ใส่ใจ:“เธอกับพี่ชายหย่ากันแล้วจริงๆหรอ?”
มู่นวลนวลไม่คิดว่าจู่ๆโม่เจียเฉินจะถามเรื่องนี้ เธอผงะไปชั่วขณะและพูดว่า:“อื้ม”
โม่เจียเฉินหันมามองเธอและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง:“เป็นเพราะลูกหรอ?ผมคิดว่าพี่ชายดูไม่เหมือนคนที่ซ่อนลูกเอาไว้ ผมเชื่อใจเขา”
มู่นวลนวลไม่ได้พูดในทันที
โม่เจียเฉินเป็นเด็กที่รู้จักแยกแยะ เขาโตกว่าเด็กธรรมดาทั่วไปมากและเขามีความคิดเป็นของตัวเอง
เดิมทีนี่เป็นสิ่งที่ดี
เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนของตระกูลโม่
พูดได้ว่าถ้าเขาไม่ใช่คนของตระกูลโม่ เขาก็อาจจะไม่เป็นเขาอย่างในตอนนี้
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปมองเขา:“ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร?”
ดูเหมือนว่าคำถามของมู่นวลนวลจะทำให้โม่เจียเฉินสับสน เขาขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด
มู่นวลนวลตบไหล่เขาเบาๆ:“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว วันนี้นายมาเป็นเพื่อนฉัน เรามาเที่ยวสนุก ไปเดินช้อปปิ้งกันดีไหม?”
“อื้ม”
พ่อของเขาเสียชีวิต ลูกสาวของมู่นวลนวลก็หายตัวไป
อาจเป็นเพราะมู่นวลนวลกับเขาหัวอกเดียวกัน ฉากต่อมากลายเป็นโม่เจียเฉินที่หยอกล้อให้มู่นวลนวลเบิกบานใจ
……
ทั้งสองคนเที่ยวเล่นกันอยู่ข้างนอกทั้งวัน จนกระทั่งพวกเขาทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันนี้มู่นวลนวลไม่ได้ขับรถมา หลังจากเดินไปส่งโม่เจียเฉิน เธอก็เรียกแท็กซี่ออนไลน์
แต่เนื่องจากเป็นชั่วโมงเร่งด่วน เธอจึงต้องรอคิว
หลังจากเธอเรียกรถแท็กซี่แล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนดูโพสต์ในวีแชท
นอกจากรูปอาหารที่โม่เจียเฉินโพสต์แล้ว ยังมีรูปที่ทั้งสองคนถ่ายกันพร้อมข้อความว่า:“วันนี้มีความสุขมาก มาเล่นกับผมบ่อยๆนะ”
มู่นวลนวลกดไลค์ให้เขา และเมื่อเธอรีเฟรชอีกครั้ง เธอก็เห็นโม่ถิงเซียวคอมเม้นโพสต์ของโม่เจียเฉินเป็นจุดฟุลสต๊อบจุดหนึ่ง
เมื่อมองผ่านหน้าจอโทรศัพท์ มู่นวลนวลก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจจาก “จุดฟุลสต๊อบ” ของโม่ถิงเซียว
โชคดีที่เธอรู้จักนิสัยของโม่ถิงเซียว เขาก็เป็นแค่คนขี้งกคนหนึ่ง
หลังจากวินาทีที่เธอกำลังคิดถึงโม่ถิงเซียว วินาทีถัดมาโม่ถิงเซียวก็โทรมาหาเธอ
ประโยคแรกที่โม่ถิงเซียวพูดคือ:“เธอไปเที่ยวกับเสี่ยวเฉินมาทั้งวันเลยหรอ?”
“ใช่”
สองวินาทีถัดมา โม่ถิงเซียวก็ตอบอย่างเฉยเมย:“อ้อ”
มู่นวลนวล:“???”
ในเวลานี้โม่ถิงเซียวก็พูดอีกครั้ง:“รีบกลับนะ”
“ฉันรู้แล้ว”
ทั้งสองคนวางสายโดยไม่พูดอะไร
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก ดูเหมือนว่าที่เขาโทรมาก็ไม่มีอะไรจะพูด
เวลาสนทนาในสายไม่ถึงาสองนาที
รถแท็กซี่ที่เธอเรียกยังไม่มา
จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง:“คุณมู่”
เมื่อได้ยินใครบางคนเรียกตัวเอง มู่นวลนวลก็สะดุ้งและหันไปมอง เมื่อเธอเห็นโม่เหลียนก็ถอนหายใจโล่งอก
เธอนิ่งไปสักพักและถามว่า:“คุณหญิงซือเรียกฉันมีธุระหรอ?”
“ใช่” โม่เหียนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ:“ฉันหวังว่าคุณมู่จะไม่มาเล่นกับเสี่ยวเฉินของบ้านเราบ่อยๆ เขาเป็นเด็ก เรื่องเรียนสำคัญที่สุด”
คำพูดนี้ฟังดูดี แต่ก็คือไม่อยากให้เธอสนิทสนมกับโม่เจียเฉิน
คำพูดของโม่เหลียนสวยงามกว่าคำพูดของโม่จิ่นหยุนมาก แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความจริงที่ว่ามีมีดซ่อนอยู่ในคำพูดได้
“คุณหญิงซือเป็นห่วงเสี่ยวเฉินขนาดนี้ เขารู้ไหม?ถ้าเขารู้ว่าคุณพูดแบบนี้กับฉัน ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง” มู่นวลนวลรู้สึกไม่พอใจโม่เหลียนมาก
มีคนในตระกูลโม่หลายคนที่เธอไม่พอใจ
“คุณมู่ นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่อย่างเรา คุณกรุณาอย่าบอกเสี่ยวเฉิน” น้ำเสียงของโม่เหลียนเปลี่ยนไป เขาไม่เร่งรีบและดูมีน้ำใจมาก
อย่างไรก็ตามโม่เหลี่ยนอายุมากกว่าโม่จิ่นหยุน และมีความสงบนิ่งมาก
โม่จิ่นหยุดหยิ่งทะนง ดูหมิ่นดูแคลนมู่นวลนวลและยังพูดจาไม่สุภาพ
มู่นวลนวลจ้องมองโม่เหลียนและค่อยๆพูดว่า:“คุณหญิงซือ คุณเป็นผู้อาวุโส ฉันกับเสี่ยวเฉินอายุห่างกันไม่มาก ในสายตาของคุณฉันก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง และฉันก็ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร”
หลังจากที่พูดจบเธอก็ยิ้มให้โม่เหลียน