ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 331 ยังมีลับลมคมในอยู่มาก

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

เมื่อซือเฉิงยวี่ได้ยินอย่างนั้นก็ถามว่า:“เธอมีวิธีติดต่อเขาไหม?”

มู่นวลนวลหยุดชะงัก:“มี”

ตั้งแต่เธอกลับมาเธอก็ไม่ได้ติดต่อกับโม่เจียเฉินมากนัก บางครั้งโม่เจียเฉินก็ส่งวีแชทมาหาเธอ ทักสองคนเพียงแค่ทักทายกันอย่างเรียบง่ายเท่นั้น

หลังจากที่ซือหมิงฮวนเกิดเรื่อง เธอเป็นห่วงโม่เจียเฉิน แต่ก็ไม่ได้ไปหาเขา

ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ “ไม่ใช่ภรรยาของโม่ถิงเซียว” เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าซือหมิงฮวนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

ตอนนี้ซือเฉิงยวี่เป็นฝ่ายมาหาเธอ และให้เหตุผลว่าอยากให้เธอไปหาโม่เจียเฉิน

ซือเฉิงยวี่พยักหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งว่า:“รบกวนเธอแล้ว”

“ถ้าฉันรู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้กับโม่เจียเฉิน ไม่ต้องให้คุณมาบอก ฉันก็จะไปหาเขาด้วยตัวเอง” มู่นวลนวลพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและห่างเหิน

ไม่รู้ว่าซือเฉิงยวี่กำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มจางๆ

……

หลังจากที่ซือเฉิงยวี่จากไป มู่นวลนวลก็โทรหาโม่ถิงเซียว

โม่ถิงเซียวกำลังเตรียมตัวจะประชุม เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลโทรเข้ามา เขาก็หยิบโทรศัพท์ละลุกขึ้นเดินออกไป

โม่งเซียวเดินออกไปนอกห้องประชุม และถามเธอด้วยเสียงต่ำ:“มีอะไร?”

“เมื้อกี้ซือเฉิงยวี่มาหาฉัน”

“เขามาหาเธอทำไม?” โม่ถิงเซียวขมดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขากับมู่นวลนวลระแวดระวังซือเฉิงยวี่เหมือนกัน

“เขาบอกเรื่องอาเขยของคุณ และถ้าฉันพอมีเวลาให้ฉันไปพูดคุยเป็นเพื่อนเสี่ยวเฉิน” มู่นวลนวลเล่าสิ่งที่ซือเฉิงยวี่พูดกับเธอให้โม่ถิงเซียวฟัง

โม่ถิงเซียวเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะพูดว่า:“แล้วเธอเต็มใจไหม?”

“แน่นแนว่าฉันเต็มใจ” มู่นวลนวลหยุดชะงักและพูดต่อว่า:“อันที่จริงฉันรู้สึกว่าเสี่ยวเฉินชอบฉันมาก ถ้าคุณพอมีเวลาก็ไปปลอบเขาหน่อย”

แม้ว่าเธอกับโม่เจียเฉินจะอยู่เคยด้วยกันมาระยะหนึ่ง แน่นอนว่าทั้งสองมีความผูกพันธ์กัน แต่เธอคิดว่าในใจของโม่เจียเฉิน โม่ถิงเซียวเป็นคนที่สำคัญมากที่สุด

โม่ถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า:“ฉันไม่มีเวลา เธอไปหาเขาเถอะ อีกเดี๋ยวฉันจะประชุมแล้ว วางสายแล้วนะ”

“อ้อ”

มู่นวลนวลวางสาย และถือโทรศัพท์ด้วยความงุนงง โม่ถิงเซียวคงไม่โทษตัวเองใช่ไหม?

ในตอนนั้นซือหมิงฮวนเดินทางไปตามนัดของโม่ถิงเซียว แต่เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์บนถนนทางเข้าร้านกาแฟที่ทั้งสองคนนัดกันไว้

เมื่อฟังดูแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แต่นี่เป็นเรื่องจริง

ดูจากท่าทางของโม่ถิงเซียวแล้ว เขาก็ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์……

ช่างเถอะ คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด

ในตอนกลางคืน มู่นวลนวลส่งวีแชทหาโม่เจียเฉิน

“เสี่ยวเฉิน ทำอะไรอยู่?”

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีโม่เจียเฉินก็ตอบว่า:“ทำการบ้าน”

มู่นวลนวลดูปฏิทินและเห็นว่าอีกไม่กี่วันจะเป็นเดือนกันยายน โม่เจียเฉินและคนอื่นๆ กำลังจะเปิดเทอม

“ยังเหลืออีกเยอะไหม?ถ้ามีเวลาพรุ่งนี้ไปกินข้าวกัน?”

“อื้ม”

เมื่อมู่นวลนวลเห็น “อื้ม” คำนี้ของโม่เจียเฉิน เธอก็ไปต่อไม่ถูก

เด็กคนนี้มักจะคุยวีแชทแชทกับเธอและพูดคุยไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เขาเกือบจะเปลี่ยนเป็นเหมือนกับโม่ถิงเซียวที่พูดอะไรไม่ให้มากความเกินไปนัก

หลังจากนั้นมู่นวลนวลก็ส่งเวลาและสถานที่ที่จะเจอกันให้กับโม่เจียเฉิน

……

วันต่อมา มู่นวลนวลมาถึงร้านอาหารที่จองไว้ตรงเวลา

เธอกับโม่เจียเฉินเคยมากินที่ร้านนี้มาก่อน

โม่เจียเฉินก็มาตรงเวลามาก ทันทีที่มู่นวลนวลก้าวเท้าเข้ามา โม่เจียเฉินก็ตามมาข้างหลัง

สีหน้าของโม่เจียเฉินไม่ค่อยดีนัก สีหน้าของเขาซีดและไม่มีเลือดฝาด ผมหยิกและยาวจนปิดดวงตา ดูเหมือนเด็กที่กลัดกลุ้มไม่เบิกบาน

เขาสะพายเป้ สวมเสื้อแขนสั้นสีขาว และกางเกงขายาวคลุมเข่าสีเทา เขาดูผอมลงมาก

เขามองไปที่ประตูทางเข้า และเห็นมู่นวลนวลนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง

“พี่นวลนวล” โม่เจียเฉินนั่งลงตรงข้ามมู่นวลนวล

เขาถอดกระเป๋าออกมาวางข้างๆ แล้วเงยหน้ามองไปที่มู่นวลนวล

แต่ผมที่หยิกและยาวมากจนเกินไป ทำให้มู่นวลนวลมองไม่เห็นดวงตาของเขา เธอรู้สึกว่าตอนนี้เขาหงอยเหงาเศร้าซึมเหมือนลูกหมา เห็นแล้วก็สงสารและเป็นห่วง

มู่นวลนวลไม่ได้เจอเขามาระยะหนึ่งแล้ว

เธอยิ้มให้โม่เจียเฉินและถามว่า:“ตรงเวลามาก แต่นายควรตัดผมได้แล้วนะ”

“สองวันมานี้ผมยุ่งอยู่กับการทำการบ้าน อีกสองวันก่อนที่จะเปิดเทอมฉันจะไปตัด” โม่เจียเฉินจับผมของตัวเอง และพูดอย่างเขินอาย

มู่นวลนวลถามอย่างไม่แน่ใจ:“อีกเดี๋ยวฉันจะไปเป็นเพื่อนนายตัดผม”

โม่เจียเฉินฟังที่มู่นวลนวลพูดแล้วพยังหน้าอย่างเชื่อฟัง:“อื้ม”

“สั่งอาหารกันเถอะ” มู่นวลนวลผลักเมนูไปข้างหน้าเขา

โม่เจียเฉินสั่งอาหารไปสองอย่าง และส่วนที่เหลือมู่นวนวลเป็นคนสั่ง

อย่างไรก็ตามโม่เจียเฉินไม่ได้กินมากนัก ก่อนหน้านี้เขาเป็นเด็กที่กินเก่ง แต่ตอนนี้เขากินได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของมู่นวลนวลด้วยซ้ำ

มู่นวลนวลเห็นแล้วรู้สึกเศร้าใจ

มู่นวลนวลตักอาหารให้เขา:“กินอีกสักหน่อยสิ?”

“ไม่อยากกินแล้ว” โม่เจียเฉินส่ายหัว

“ก็ได้ งั้นเราไม่กินแล้ว ไปหาร้านตัอผมให้นายกัน” มู่นวลนวลเรียกพนักงานให้มาเช็คบิล และเตรียมจะพาโม่เจียเฉินไปตัดผม

ทันทีที่ทั้งสองคนออกจากร้านอาหารก็ถูกบอดี้การ์ดขวางไว้

สายตาของพวกเขามองมาที่โม่เจียเฉิน หนึ่งคนในนั้นก้าวออกมาแล้วส่งเสียงเรียกโม่เจียเฉิน:“คุณชาย”

มู่นวลนวลหันไปมองโม่เจียเฉิน

โม่เจียเฉินขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่หาได้ยาก:“พวกนายตามฉันมาทำไม?ฉันไม่ได้จะไปตาย!ฉันกลับไปเองได้”

ในขณะที่พูดเขาไม่ได้มีท่าทีใดๆ แต่มีกลิ่นอายของความเยือกเย็นที่ค่อนข้างคล้ายกับโม่ถิงเซียว

เมื่อมู่นวลนวลได้ยินเขาพูดอย่างนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง

แน่นอนเธอรู้ว่าคนเหล่านี้ น่าจะเป็นตระกูลโม่ส่งให้มาคุ้มครองโม่เจียเฉิน

บอดี้การ์ดไม่ได้พูดอะไร

โม่เจียเฉินหันมามองมู่นวลนวล:“พี่นวลนวล เราไปกันเถอะ”

พวกเขาสองคนเดินไปข้างหน้าและบอดี้การ์ดที่ขวางอยูก็หลีกทางให้

มู่หลานนวลยังคงแปลกใจเล็กน้อยที่บอดี้การ์ดเหล่านี้จะหลีกทางให้ แต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นโม่เหลียนกำลังเดินมาทางนี้

โม่เหลียนเดินมาอย่างเร่งรีบ สายตาของเธอมองมาที่โม่เจียเฉิน โดยไม่ได้สนใจมู่นวลนวลเลยแม้แต่น้อย

“เสี่ยวเฉิน ทำไมลูกถึงออกมาข้างนอกคนเดียวล่ะ?ลูกไม่รู้หรอว่าแม่เป็นห่วงมากแค่ไหน” โม่เหลียนเดินเข้ามา และสังเกตเขาอย่างละเอียด ราวกับจะดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่

“แขนขาของผมยังอยู่ครบ และสมองก็ปกติ ผมอายุสิบห้าแล้ว แล้วก็โตมาในประเทศ ทำไมจะออกมาข้างนอกคนเดียวไม่ได้?”

มู่นวลนวลฟังออกว่าน้ำเสียงของโม่เจียเฉินนั้นแข็งกร้าว ยิ่งไปกว่านั้นโม่เหลียนเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด

สีหน้าซีดเซียวของโม่เหลียนก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวในทันที:“อม่ก็แค่เป็นห่วงลูก”

“ผมสบายดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วง แม่กลับไปได้เลย” หลังจากที่โม่เจียเฉินพูดจบก็หันกลับไปมองมู่นวลนวล

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท