มู่นวลนวลกัดริมฝีปากและพูดต่อว่า:“ฉันคิดว่าพวกเขาขโมยโม่มู่ และมันต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาต้องการปกปิด!”
คราวนี้คำตอบของเธอคือความเงียบที่ยาวนานของเขา
มู่นวลนวลไม่ได้ยินเสียงของโม่ถิงเซียวอยู่สักพัก เธอจึงพูดว่า:“โม่ถิงเซียว คุณเป็นอะไร?”
โม่ถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น:“ฉันรู้แล้ว เธอจำที่ฉันพูดเมื่อคืนได้ไหม เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่งอีก”
หลังจากที่เขาพูดจบก็วางสาย
มู่นวลนวลมองรายชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเธอก็ใจลอย
ทำไมโม่ถิงเซียวถึงวางสายไปแบบนี้?
ก่อนหน้านี้เป็นเขาที่บอกให้เธอวางสายก่อน
……
หลังจากที่โม่ถิงเซียววางสาย เขาก็บีบโทรศัพท์ในมือไว้แน่นจนข้อต่อของนิ้วมีสีขาวเล็กน้อย
ซือเย่หอบแฟ้มเอกสารเข้ามา เขาเห็นโม่ถิงเซียวยืนอยู่ที่หน้าต่างด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมและเย็นชา
เขาวางแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานของโม่ถิงเซียว และเรียกเขา:“คุณชาย”
“มีบุหรี่ไหม?”
เขาถามซือเย่โดยที่ไม่หันกลับมามอง ถึงอย่างไรในห้องนี้ก็มีแค่เขากับซือเย่สองคน
ซือเย่เองไม่ได้สูบบุหรี่มากนัก แต่เขามักจะพกบุหรี่
เขาหยิบซองบุหรี่ออกมาและยื่นให้โม่ถิงเซียวหนึ่งมวน
โม่ถิงเซียวไม่ได้หยิบบุหรี่ที่เขายื่นให้ แต่หยิบบุหรี่ทั้งซองแล้วหยิบไฟแช็คในมืออีกข้างของเขาไปด้วย
โม่ถิงเซียวลดสายตาลง เขาดึงบุหรี่ออกมาแล้วคาบไว้ริมฝีปากของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“นายออกไปเถอะ”
ซือเย่ลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดเตือนโม่ถิงเซียว:“อีกสิบนาทีจะมีการประชุม……”
โม่ถิงเซียวไม่ได้พูด แต่ซือเย่รู้ว่าเขาได้ยินแล้ว
หน้าที่ของเขาคือทำตามที่ตัวเองได้รับมอบหมาย ส่วนอย่างอื่นเขาก้าวก่ายไม่ได้
หลังจากที่ซือเย่ออกไป โม่ถิงเซียวก็ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่หน้าต่าง ทีละมวนทีละมวน
สิบนาทีต่อมาซือเย่ก็เข้ามาเตือนโม่ถิงเซียวอีกครั้งว่าการประชุมกำลังจะเริ่มขึ้น
เมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องก็มีควันโขมงจนทำให้เขาไอ
โม่ถิงเซียวยังคงยืนอยู่หน้าหน้าต่าง ซือเย่เดินเข้าไปและพูดอย่างเคารพว่า:“คุณชาย การประชุมกำลังจะเริ่มแล้ว”
เขาเหลือบไปเห็นก้นบุหรี่ที่ตกลงบนพื้นข้างๆโม่ถิงเซียว และที่พื้นก็มีซองบุหรี่เปล่าตกอยู่ด้วย
โม่ถิงเซียวไม่ติดบุหรี่ แต่ทำไมจู่ๆเขาถึงสูบบุหรี่มากขนาดนี้?
หรือว่าเขาจะทะเลาะกับคุณหญิงอีกแล้ว?
ครั้งนี้ทะเลาะกันรุ่นแรงมากแค่ไหน ถึงต้องสูบบุหรี่มากขนาดนี้
ขณะที่ซือเย่กำลังคิด โม่ถิงเซียวก็หันมาแล้วเดินออกไปข้างนอก
ซือเย่รีบนำเอกสารที่ต้องใช้ในการประชุม แล้วเดินตามหลังโม่ถิงเซียวไปที่ห้องประชุม
ผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดมาแล้ว
“ผู้อำนวยการ นี่คือแผนปรับปรุงล่าสุดของเรา คุณลองดูหน่อย……”
โม่ถิงเซียวยื่นมือออกไปรับแล้วกวาดสายตาดูโดยไม่พูดอะไรสักคำ ดวกตาของเขาดูลึกลับ ทำให้ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ผู้บริหารที่ส่งมอบแผนงานคนนั้นคิดว่าโม่ถิงเซียวไม่พอใจ สีหน้าของเขาซีดเซียว คนอื่นๆ ก็มองหน้ากันและไม่กล้าที่จะพูดอะไร
ซือเย่มองไปที่โม่ถิงเซียว เขารู้ว่าอันที่จริงแล้วโม่ถิงเซียวไม่ได้ไม่พอใจกับแผนงานใหม่ แต่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่
ห้องประชุมเงียบสงบ ไม่มีใครกล้าพูด
หลังจากนั้นไม่นานโม่ถิงเซียวก็ยกเปลือกตาขึ้น:“พวกคุณไม่มีอะไรจะพูดหรอ?งั้นก็เลิกประชุมเถอะ”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ลุกขึ้น และออกจากห้องประชุมไป
ทันทีที่โม่ถิงเซียวจากไป คนอื่นๆในห้องประชุมก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน
ซือเย่กำลังจะตามไป แต่ก็ถูกผู้บริหารคนหนึ่งเรียกไว้:“ผู้ช่วยซือ ท่าทีของผู้อำนวยการคือเขาพอใจกับแผนงานใหม่ หรือว่าไม่พอใจ?”
ซือเย่ยิ้ม เขารู้ซะที่ไหน
ซือเย่มีประสบการณ์จึงจัดการกับเรื่องเหล่านี้ได้ เขาแนะนำ:“ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะช่วยคุณเอาไปให้ผู้อำนวยการดูอีกที?”
ผู้บริหารรีบยิ้มอย่างรวดเร็ว:“งั้นก็รบกวนผู้ช่วยซือแล้ว”
“นี่เป็นหน้าที่ที่ฉันรับผิดชอบอยู่แล้ว” ซือเย่หยิบแฟ้มเอกสารและเดินออกไป
เมื่อซือเย่มาถึงห้องทำงานก็เห็นโม่ถิงเซียวนั่งอยู่ที่ด้านหลังของห้อง เขาถือโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ซือเย่เดาว่าโม่ถิงเซียวมีเรื่องในใจ เขาจึงวางแฟ้มเอกสารไว้ที่นั่นแล้วออกไป
ตอนที่เดินออกมาซือเย่ก็พึมพำในใจ ดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณชายกับคุณหญิงจะทะเลาะกันรุนแรง
โม่ถิงเซียวมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ อันที่จริงเข้าไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่เขาไม่สบายใจ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน โม่ถิงเซียวยืนขึ้น หยิบเสื้อคลุมแล้วเดินออกไป
ซือเย่ชงกาแฟและกำลังเอาไปส่งที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการ เขาเห็นโม่ถิงเซียวเดินออกมาจากห้อง จึงรีบพูว่า:“คุณชายจะไปไหน?”
“ไม่ต้องตามฉันมา” โม่ถิงเซียวพูดโดยไม่หันกลับมามอง
……
โม่ถิงเซียวขับรถกลับไปที่บ้านเก่า
“คุณชายกลับมาแล้ว”
“สวัสดีค่ะคุณชาย”
คนรับใช้ทักทายเขาตลอดทาง
เขาเดินตรงไปที่ห้องของโม่เหลียน เขายืนมือไปเปิดประตู
เมื่อโม่เหลียนได้ยินเสียง เขาก็หันกลับมามองโม่ถิงเซียวด้วยความประหลาดใจ:“ถิงเซียว เธอมาได้ยังไง?”
“มาหาคุณมีเรื่องนิดหน่อย” โม่ถิงเซียวยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
ดูเหมือนโม่เหลียนจะหวาดกลัวนิดหน่อย สีหน้าท่าทางของเธอดูแข็งกระด้าง:“มีเรื่องอะไรก็เข้ามาคุยกัน”
โม่ถิงเซียวไม่ได้เข้าไป เข้ายืนอยู่ที่ประตู สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก:“司แม่ผู้ให้กำเนิดของซือเฉิงยวี่คือใคร?”
สีหน้าของโม่เหลียนไม่มีการแสดงออกใดๆ เธอส่ายหัวและพูดว่า:“ฉันไม่รู้”
“ไม่รู้จริงๆหรอ?” โม่ถิงเซียวเดินเข้าไปข้างใน สายตาของเขาจับจ้องที่เธอ ทำให้โม่เหลียนรู้สึกกดดันอย่างมาก
โม่เหลียนถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว และพ๔ดด้วยน้ำเสียงสงบ:“ฉันไม่รู้จริงๆ”
โม่ถิงเซียวจ้องมองเธออยู่สองสามวินาที เขาเม้มริมฝีปากแล้วยื่นมือไปโอบไหล่โม่เหลียน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน:“ทำไมคุณอาต้องกลัวฉันด้วย?ฉันก็แค่ถามเรื่องที่ฉันอยากรู้เท่านั้น ยังไงฉันกับซือเฉิงยวี่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันมาสามสิบปีแล้ว……”
ดูเหมือนโม่เหลียนจะตกใจกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของโม่ถิงเซียว เธอตกตะลึงและพูดว่า:“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เธอกับซือเฉิงยวี่ยากที่จะรับได้……”
“ไม่ยอมรับแล้วยังไง ถึงอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” โม่ถิงเซียวเอามืออก และล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่เย็นชาว่า:“ถ้าคุณอามีเวลา ลองไปที่โม่กรุ๊ปสิ คุณอาไม่ได้ไปที่นั่นมาหลายปีแล้ว”
แววตาของโม่เหลียนดูประหลาดใจ:“ได้สิ”
“ฉันยังมีธุระ กลับก่อนนะ” โม่ถิงเซียวพูดพร้อมกับหันหลังเดินออกไปข้างนอก
โม่เหลียนพูด:“ฉันไปส่งเธอ”
โม่เหลียนส่งเขาออกจากบ้านเก่า โม่ถิงเซียวเข้าไปในรถ เขาแบมือออก ในมือของเขามีเส้นผมยาวของผู้หญิง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาจับไหล่ของโม่เหลียน เขาหยิบเส้นผมที่อยู่บนเสื้อผ้าของเธอมา