มู่นวลนวลเช็ดน้ำฝนออกจากหน้า เธอคุกเข่าและวางช่อดอกไม้ไว้ที่หน้าหลุมฝังศพ
เธอมองไปที่หลุมฝังศพสักพักแล้วพูดเบาๆว่า:“แม่คะ ฉันคือมู่นวลนวล ฉันคบกับโม่ถิงเซียวมานานแล้ว ขอโทษที่เพิ่งจะมาไหว้คุณวันนี้”
หลังจากที่พูดจบเธอก็ก้มลงคำนับสามครั้งที่หน้าหลุมฝังศพ
เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นเธอก้มคำนับเสร็จ เขาก็ถอดเสื้อไปคลุมหัวให้เธอแล้วดึงเธอขึ้นมา จากนั้นก็ถามเธอด้วยสีหน้านิ่งสงบว่า:“มาได้ยังไง”
มู่นวลนวลชี้ไปที่กูจื่อหยานที่กำลังวิ่งมาอย่างหอบแฮ่กๆ:“เขาพาฉันมา”
โม่ถิงเซียวดึงแจ็คเก็ตคลุมหัวของมู่นวลนวลอีกครั้ง และดูให้แน่ใจว่าแจ็คเก็ตสามารถกันฝนได้ เขายื่นมือไปช่วยเธอเช็ดน้ำฝนที่หน้า
“นวลนวล ฉันสงสงสัยมากว่าเธอเคยเป็นนักกีฬามาก่อนรึเปล่า ทำไมถึงวิ่งเร็วขนาดนี้” กูจื่อหยานถือร่มมือหนึ่ง และอีกมือหนึ่งท้าวสะเอว
เขาเดินไปยัดร่มใส่มือของโม่ถิงเซียว จากนั้นก็เดินไปโค้งคำนับที่หน้าหลุมฝังศพแล้วก็หันกลับมา:“นายมาไหว้คุณน้าไม่บอกมู่นวลนวลสักคำ ทำให้เธอต้องตามหานายไปทั่ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นโม่ถิงเซียวก็ก้มลงไปมองมู่นวลนวล
เขาถือร่มไว้เหนือหัวของมู่นวลนวล เขายื่นมือไปดึงเสื้อที่คลุมหัวเธอมาคลุมไว้ที่ตัวเธอ และช่วยจัดเสื้อคลุมให้เธอ
เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มู่นวลนวลใส่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนจนสามารถมองเห็นทะลุ
เมื่อกูจื่อหยานเห็นอย่างนั้นก็รีบพูดว่า:“พวกคุณมีอะไรก็คุยกันซะ ฉันจะลงเขาไปก่อน”
กูจื่อหยานเดินฝ่าฝนจากไป เหลือเพียงแค่โม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวล
จากนั้นมู่นวลนวลก็มีโอกาสเงยหน้าขึ้นมองโม่ถิงเซียวอย่างใกล้ชิด
โม่ถิงเซียวดูเป็นปกติ นอกจากเปียกฝนจนชุ่มไปทั้งตัวก็ไม่มีอะไร
มู่นวลนวลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นเป็นฤดูหนาวไม่ใช่ฤดูร้อน ดังนี้นวันนี้ไม่น่าจะใช่วันที่โม่ถิงเซียวจะมาไหว้แม่
ต้องมีเรื่องอื่นที่กระทบกระเทือนจิตใจของโม่ถิงเซียวอย่างแน่นอน
เขาถึงหนีมาที่นี่คนเดียว
หลังจากนั้นไม่นานเสียงแหบแห้งของโม่ถิงเซียวก็ดังขึ้น:“เดิมที่ฉันคิดว่าจะรับเธอกับโม่มู่กลับมาจากซิดนีย์แล้วมาไหว้แม่ด้วยกัน แต่โม่มู่หายตัวไป ฉันกลัวว่าถ้าแม่รู้แล้วจะเสียใจ”
น้ำเสียงของเขาดูเศร้าซึม มีกลิ่นอายของความอึดอัดใจและเศร้าหมองปกคลุมไปทั้งตัว
ในเวลานี้มู่นวลนวลไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร เธอทำได้เพียงเขาไปในอ้อมแขนและกอดเข้าไว้
มือของโม่ถิงเซียวกดลงบนไหล่ของเธอเบาๆ ไม่นานเขาก็ผลักเธอออกและพาเธอไปที่น้าหลุมฝังศพ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ:“แม่ นี่มู่นวลนวลภรรยาของผม เรายังมีลูกสาวอีกหนึ่งคนชื่อโม่มู่ ครั้งหน้าจะพาเธอมาไหว้แม่นะ”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นประโยคที่เรียบง่ายและไม่ได้สะเทือนอารมณ์ แต่เมื่อมู่นวลนวลได้ยินแล้วก็อยากจะร้องไห้
เธอหันหน้าไปด้านข้างและเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ
หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดจบ เขาก็จับไหล่ของมู่นวลนวล:“ไปเถอะ”
……
หลังลงจากเขามู่นวลนวลก็โทรหาซือเย่เพื่อบอกว่าเธอเจอโม่ถิงเซียวแล้ว เขาจะได้สบายใจ
หลังจากวางสาย เดิมทีเธอคิดว่าจะบอกกับโม่ถิงเซียวว่าครั้งหน้าถ้าจะไปไหนต้องบอกซือเย่สักคำ
แต่เมื่อเห็นแววตาที่เหนื่อยล้าของโม่ถิงเซียวแล้ว เธอก็เก็บคำพูดนั้นกลับไป
ก็ยังดีที่เขายังนึกได้ว่าควรส่งข้อความสั้นๆให้เธอ
เมื่อพวกเขากลับไปถึงในเมืองก็แยกกันกับกูจื่อหยาน และตรงไปที่คอนโดของโม่ถิงเซียว
เหมือนโม่ถิงเซียวจะนึกอะไรขึ้นได้ เขาหันกลับมามองเธอและพูดว่า:“มานี่สิ”
หลังจากที่มู่นวลนวลเข้าไป เขาก็เริ่มถอดผ้าของเธอ
“ฉันทำเอง……” มู่นวลนวลรีบยื่นมือมากอดตัวเอง
โม่มู่ถิงเซียวเลิกคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง:“เธอถอดเอง ถ้าให้ฉันถอดให้จะเร็วกว่านะ”
มู่นวลนวลสำลักกับคำพูดของเขา
โม่ถิงเซียวใช้จังหวะนี้ช่วยถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้น แล้วโยนเธอลงไปในอ่างอาบน้ำ
มู่นวลนวลแอบคิดว่าจริงๆแล้วก็ถอดได้เร็วกว่าเธอถอดเอง
โม่ถิงเซียวเปลี่ยนเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วออกไป
มู่นวลนวลรีบอาบน้ำให้เสร็จและใส่เสื้อผ้าเดินออกมา เธอได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวในห้องครัว
เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องครัว เธอก็เห็นโม่ถิงเซียวกำลังดูโทรศัพท์ไปพลางและใส่ของลงไปในหม้อน้ำซุปพลาง
“คุณกำลังต้มอะไรอยู่?” มู่นวลนวลเดินเข้าไปด้วยความสงสัย
โม่ถิงเซียวดูโทรศัพท์อย่างตั้งใจโดยไม่หันมามอง:“น้ำขิง”
มู่นวลนวลเหลือบมองโทรศัพท์ และเห็นเขากำลังค้นหาวิธีการทำน้ำขิงในอินเทอร์เน็ต
“คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวฉันต้มเอง” เธอไม่เชื่อว่าโม่ถิงเซียวจะต้มน้ำขิงได้
โม่ถิงเซียวจับคอเสื้อของเธอ และดึงเธอไปข้างหลัง:“ฉันทำเอง”
มู่นวลนวล:“……”
โม่ถิงเซียวยืนกรานที่จะทำเอง มู่นวลนวลก็ไม่มีวิธี ทำได้เพียงเฝ้าดูเขาทำอยู่ข้างๆ
อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนที่ฉลาด แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน แต่ก็ดูวิธีการทำน้ำขิงจากในอินเตอร์เน็ต จึงได้รสชาติที่เป็นปกติทั่วไป
มู่นวลนวลจิบแล้วเงยหน้าขึ้น เธอเห็นโม่ถิงเซียวจ้องมองมาที่เธอและถามว่า:“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ใช้ได้” มู่นวลนวลพยักหน้าและจิบอีกครั้ง
โม่ถึงเซียวลูบหัวของเธอ:“ดื่มเยอะๆเลย ฉันไปอาบน้ำก่อน”
เมื่อเห็นว่าโม่ถิงเซียวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว มู่นวลนวลก็แลบลิ้นออกมา แล้วใช้มือพัดไม่หยุด
รสชาติปกติของน้ำขิงจะเผ็ดนิดหน่อย
ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นน้ำใจของโม่ถิงเซียว และมู่นวลนวลก็ดื่มจนหมดถ้วย
หลังจากที่ดื่มจนหมด มู่นวลนวลก็ไม่อยากดื่มน้ำขิงอีกตลอดชีวิต
เมื่อโม่ถิงเซียวอาบน้ำเสร็จก็ออกมา เขาเห็นมู่นวลนวลถือไดร์เป่าผมอยู่ข้างประตูห้องน้ำ
โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วขึ้น:“ทำอะไร?”
“เป่าผมให้คุณไง” มู่นวลนวลยกไดร์เป่าผมในมือขึ้น และยิ้มอย่างอ่อนโยน
โม่ถิงเซียวปฏิเสธอย่างเย็นชา:“ไม่ต้อง เธอไปพักผ่อนเถอะ”
“หา?” มู่นวลนวลตกตะลึง เธอก็แค่ตากฝนเท่านั้น และเธอก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
มู่นวลนวลดึงเขาไปที่ห้องนั่งเล่นและกดให้เขานั่งลงบนโซฟา:“ฉันจะเป่าผมให้คุณ ถ้าไม่เป่าผมจะเป็นหวัดเอานะ”
โม่ถิงเซียวไม่ได้ปฏิเสธอีก
มู่นวลนวลลองใช้ไดร์เป่ามือของเธอก่อน และเริ่มเป่าผมของเขา
เมื่อรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวผ่อนคลายลงแล้ว เธอก็ถามเขาว่า:“ทำไมวันนี้คุณถึงไปที่สุสาน?”
โม่ถิงเซียวพูดอย่างสบายๆว่า:“ฉันไปไหว้แม่ ต้องรอฤกษ์งามยามดีด้วยหรอ?”
มู่นวลนวลสำลักและพูดว่า:“ไม่ใช่……”
โม่ถิงเซียวปากแข็ง ถ้าเขาไม่อยากพูด ใครก็อย่าคิดจะง้างปากของเขา
โชคดีที่เธอใช้ความอ่อนโยนเข้าสู้ ถึงได้ทลายกำแพงในใจของเขาลง
อ้อเธอเกือบลืมไปเลยว่าโม่ถิงเซียวไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
เมื่อมู่นวลนวลนึกถึงตอนที่เขายืนอยู่ที่หน้าหลุมฝังศพคนเดียวก็ใจก็สั่นเล็กน้อย เธอถอนหายใจและพูดว่า:“ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ ซือเย่บอกว่าวันนี้คุณสูบบุหรี่จนหมดซอง”