โม่ถิงเซียวหัวเราะเยาะและเดินเข้าไป
โม่จิ่นหยุนลงรถตามหลังมา และเธอก็เห็นรถของโม่จิ่นหยุน
คนโง่!
โม่ถิงเซียวรักโม่มู่มาก ซึ่งทุกคนสามารถมองเห็นได้ด้วยตา
ตรงกันข้ามซูเหมียน เมื่อวานเธอพาโม่มู่ออกไปข้างนอกและเกือบจะทำโม่มู่หายไป แล้ววันนี้เธอก็ยังจะมาที่บ้านตระกูลโม่อีก
นี่มันไม่เสี่ยงกับปากกระบอกปืนของโม่ถิงเซียวไปหน่อยหรอ?
ทันทีที่โม่ถิงเซียวเดินเข้าไปก็มีคนรับมารอรับเสื้อคลุมของเขา
เขาไม่ต้องพูดอะไร คนรับใช้ก็เป็นฝ่ายพูดอย่างกระตือรือร้น:“คุณหนูกับคุณซูอยู่ด้วยกันในห้องครัวค่ะ”
คนรับใช้ในบ้านตระกูลโม่ต่างก็รู้ว่าทุกวันหลังเลิกงานกลับมาสิ่งแรกที่โม่ถิงเซียวทำคือการไดเห็นโม่มู่
โม่ถิงเซียวตรงไปที่ห้องครัว
เมื่อเขาเดินเข้าไปก็เห็นซูเหมียนกำลังปลอกผลไม้
เธอปลอกผลไม้ไปด้วยคุยกับโม่มู่ไปด้วย
“กินผลไม้เยอะๆจะได้สวยๆ……”
โม่มู่นั่งอยู่บนเคาร์เตอร์ห้องครัวและขาสั้นสองข้างก็ห้อยอยู่ ไม่รู้ว่าโม่มู่กำลังฟังที่เธอพูดอยู่หรือเปล่า จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหยิบแตงโมมายัดใส่ปาก
“โม่ชิงเจียว!” โม่มู่ยังอมแตงโมที่ยังกินไม่เสร็จไว้เต็มปาก ทำให้น้ำเสียงของเธอดูคลุมเครือ เธอยื่นสองมือไปให้โม่ถิงเซียวเพื่อขอให้เขาอุ้มเธอ
โม่ถิงเซียวเดินเข้ามาใกล้แล้วอุ้มเธอขึ้นมา เขายื่นมือไปเช็ดน้ำแตงโมจากมุมปากของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงดุ:“เรียกพ่อ”
โม่มู่พูดเสียงดังชัดเจน:“พ่อ!”
ทุกครั้งที่เขากลับมา โม่มู่ก็ต้องมาทำแบบนี้
การท้าทายอำนาจของพ่อ โม่มู่สามารถพูดได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
“ถิงเซียว”
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซูเหมียน
ซูเหมียนวางเมนูในมือลงและมองเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
โม่ถิงเซียวยิ้มอย่างไม่อธิบายไม่ถูกและอุ้มโม่มู่แล้วออกไป
เขาไม่ได้โกรธมากเหมือนที่ซูเหมียนคิดไว้ ความดีใจปรากฎขึ้นในแววตาของเธอ
แน่นอนว่าเธอคิดถูกที่จะใช้โม่มู่ในการเข้าหาเขา
ตอนที่โม่มู่ยังเป็นเด็ก ยังพูดไม่ได้เดินไม่ได้ก็ดูเหมือนเด็กธรรมดาๆ แต่ตอนนี้เธอดูคล้ายกับมู่นวลนวนคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนี้ ซูเหมียนยิ่งเห็นโม่มู่ก็ยิ่งเกียดมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นเธอจึงมีความคิดที่อยากจะให้โมู่หายไป
เรื่องที่เกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน เธอก็แค่ทดสอบว่าโม่มู่มีความสำคัญกับโม่ถิงเซียวมากแค่ไหน
โม่มู่สำคัญกับโม่ถิงเซียวมากขนาดนั้น เธอต้องทำให้โม่มู่รักเธอก่อน จากนั้นก็จะทำให้โม่ถิงเซียวยอมรับเธอ
เมื่อเธอแต่งงานเข้าตระกูลโม่แล้ว เธอค่อยมีลูกกับโม่ถิงเซียว……
ส่วนโม่มู่ เธอค่อยหาวิธีกำจัดเด็กคนนั้น
ซูเหมียนคิดว่าแผนของตัวเองสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ
……
โม่ถิงเซียวอุ้มโม่มู่ไปที่ห้องหนังสือ
เขาวางโม่มู่ลงบนโต๊ะทำงาน แล้วโม่มู่ก็หันไปหยิบปากกา
“อย่าซน!” เสียงของโม่ถิงเซียวทำให้โม่มู่หดมือกลับมาและเงยหน้ามองเขาตาปริบๆ
โม่ถึงเซียวดึงเก้าอี้ออกมา
เขานั่งลงและสบสายตากับโม่มู่พอดี สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและจริงจัง ทั้งสองคนพูดคุยกันตามปกติ
“ชอบแม่ไหม?”
ตอนนี้โม่มู่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า “ชอบ” หมายความว่ายังไง
เธอกระพริบตาและจ้องมองโม่ถิงเซียวอยู่สองสามวินาที จากนั้นก็พยักหน้าด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ปฏิกิริยาของเธอไม่ได้อยู่ในความคิดของโม่ถิงเซียว
เขากอดอกและถามคำถามที่แตกต่างออกไป:“แม่กับพี่สาวคนสวยเลือกใคร?”
แววตาของโม่มู่เป็นประกายขึ้นทันที เธอยักไหล่ด้วยท่ทางเขินอาย และพูดด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ:“พี่สาวคนสวย!”
คำตอบของเธอทำให้โม่ถิงเซียวประหลาดใจเล็กน้อย
แม้ว่าซูเหมียนจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับโม่มู่มากนัก แต่เธอก็มักจะมาเยี่ยมโม่มู่อยู่บ่อยๆ คิดไม่ถึงว่าเธอจะเลือกโม่มู่
โม่ถิงเซียวยื่นมือไปจัดผมหน้าม้าที่ยุ่งเหยิงบนหน้าผากของโม่มู่อย่างระมัดระวัง และถามอย่างชะล่าใจว่า:“พี่สาวคนสวยกับพ่อ เลือกใคร?”
โม่มู่ตอบเสียงดังอย่างไม่ลังเลว่า:“พ่อ!”
เมื่อได้ยินเอย่างนั้นโม่ถิงเซียวก้มหน้าลง เขาเห็นโม่มู่เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มหวานให้เขา
หัวใจของโม่ถิงเซียวอ่อนลงอย่างกะทันหัน จู่ๆเขาก็นึกถึงฉากที่ลูกน้องคนหนึ่งไปซื้อของกับเด็กข้างถนนเมื่อไม่นานมานี้
เขาจำได้ว่าตอนที่ลูกน้องเรียกชื่อเด็กคนนั้นได้
ดูเหมือนว่าจะเป็น……หวานใจตัวน้อย?
งั้นก็เรียกหวานใจตัวน้อย?
อย่างนั้นโม่มู่ก็เป็นหวานใจตัวน้อย
โม่ถิงเซียวยื่นมือออกไปดึงโม่มู่มากอดไว้ และปรึกษาหารือว่า:“แล้วเราจะไปเป็นเพื่อนบ้านกับพี่สาวคนสวยได้ยังไง?”
โม่มู่รีบพยักหน้า:“อึ้ม!”
โม่ถิงเซียวหัวเราะเบาๆ:“ลูกไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านหมายถึงอะไร”
หลังจากนั้นโม่ถิงเซียวก็พาโม่มู่ไปที่ห้องของเธอและช่วยเธอเก็บกระเป๋า
เมื่อเก็บกระเป๋าไปได้ครึ่งทาง โม่ถิงเซียวก็หยุดกะทันหัน
ทำไมเขาถึงเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้ราวกับว่าเขาเคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน
เขาพาโม่มู่และกระเป๋าลงมาชั้นล่าง และโม่จิ่นหยุนก็ให้ซูเหมียนขึ้นไปตามพวกเขาลงมาทานข้าวพอดี
เมื่อซูเหมียนเห็นโม่ถิงเซียวเอากระเป๋าลงมา สีหน้าของเขาก็หยุดนิ่ง:“เก็บกระเป๋าทำไม?คุณจะไปไหน?”
โม่ถิงเซียวกำลังจะพูด และดูเหมือนว่าจะคิดอะไรได้ เขาจึงก้มลงมองโม่มู่
หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ซูเหมียนอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไร เขาจับมือโม่มู่ไว้ในมือข้างหนึ่งและถือกระเป๋าเดินออกไป
สีหน้าของซูเหมียนเปลี่ยนไป เธอเดินไปหาโม่จิ่นหยุนที่ห้องอาหาร
เมื่อโม่จิ่นหยุนตามออกไป โม่ถิงเซียวก็อุ้มโม่มู่ขึ้นไปนั่งในรถแล้ว
โม่จิ่นหยุนวิ่งเข้าไปและใช้มือทุบหน้าต่างรถ:“ถิงเซียว นายจะไปไหน!”
โม่ถิงเซียวลดกระจกรถลง:“ไปทีที่สงบเงียบกว่าที่นี่”
หลังจากพูดจบเขาก็เอากระจกรถขึ้น และขับรถออกไป ปล่อยให้โม่จิ่นหยุนตะโกนเรียกเหมือนคนบ้าอยู่ข้างหลัง
“ถิงเซียว!โม่ถิงเซียว!นายกลับมานะ!”
โม่จิ่นหยุนโกรธมากจนปวดหัว เธอเดินกลับไปและสั่งบอดี้การ์ดว่า:“ส่งคนไปตามเขากลับมา!”
เธอไม่สามารถปล่อยให้โม่ถิงเซียวออกนอกสายตาของเธอได้
ถ้าโม่ถิงเซียวออกนอกสายตาของเธอก็ยากที่จะมั่นใจว่าจะควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เขาอาจจะจำเรื่องก่อนหน้านี้ได้ และเขาอาจเชื่อคำพูดของกูจื่อหยานและคนเหล่านั้น……
ซูเหมียนก็คิดไม่ถึงว่าโม่ถิงเซียวจะเย็นชาขนาดนี้ เธอพูดปลอบโม่จิ่นหยุน:“จิ่นหยุน เธอไม่ต้องงกังวลมากเกินไป ถิงเซียวเขา……”
“หุบปาก!” สีหน้าของโม่จิ่นหยุนไม่น่ามองและพูดว่า:“ล้วนแต่เป็นเรื่องดีๆที่เธอทำ!เมื่อวานเธอเกือบจะทำโม่มู่หาย เดิมทีถิงเซียวก็โกรธอยู่แล้ว วันนี้เธอก็ยังจะมาที่บ้านตระกูลโม่อีก!”
ฐานะทางบ้านของซูเหมียนค่อนข้างดี ตั้งแต่เด็กจนโตเธอถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ชื่นชมเธอ พูดได้ว่าทุกอย่างราบรื่น
นอกจากโม่ถิงเซียวแล้วก็ยังไม่เคยมีใครพูดอย่างนี้กับเธอ
เธอระงับความโกรธและพูดว่า:“ฉันก็อยากให้โม่ถิงเซียวยอมรับฉันเร็วๆ?ฉันก็รอมาสามปีแล้ว!จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่รอมาได้ถึงสามปี และฉันก็อายุสามสิบแล้ว!”