โม่จิ่นหยุนกับซูเหมียนรู้จักกันตอนที่พวกเขาเรียนอยู่ต่างประเทศ และพวกเขาก็ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงถือได้ว่าเป็นความรู้สึกที่แท้จริง
ตอนนี้ความอดทนของทั้งสองคนมาถึงขีดจำกัดจนพูดจาไม่น่าฟัง
โม่จิ่นหยุนยิ้มตอบ:“เธอกำลังโทษฉันหรอ?”
ซูเหมียนเม้มริมฝีปากและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ฉันเปล่า”
บรรยากาศนั้นแข็งกร้าวมาก ฉากนั้นควบคุมไม่ได้เล็กน้อย และคนรับใช้ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้
โม่จิ่นหยุนกำลังโกรธโม่ถิงเซียว และรู้สึกว่าซูเหมียนกำลังอารมณ์เสียใส่เธอ
เธอมองซูเหมียนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง:“ซูเหมียน สามปีที่ผานมาฉันสร้างโอกาสให้เธอกี่ครั้งแล้ว ไม่ลังเลที่จะโกหกโม่ถิงเซียว นั้นเป็นเพราะเธอเองที่ไม่มีประโบชน์!มู่นวลนวลแต่งงานกับเขาได้นานแค่ไหนเชียวก็สามารถทำให้เขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้น แต่เธอใช้เวลามาสามปีแล้ว เขาก็ยังไม่มีความรู้สึกใดๆกับเธอเลย ฉันว่าเธอยอมแพ้เถอะ!”
ซูเหมียนยอดเยี่ยมในทุกๆด้าน เธอล้มเหลวให้กับโม่ถิงเซียว ตอนนี้ยังถูกโม่จิ่นหยุนเปรียบเทียบเธอกับคนที่ถูกฝังไว้ในทะเลโดยไม่มีแม้เถ้าถ่านเมื่อสามปีก่อนด้วย เธอจะกลืนลมหายใจได้ยังไง
“โม่จิ่นหยุน เธอเก็บคำพูดเหล่านี้ไว้ในใจมานานแค่ไหนแล้ว?” ซูเหมียนหัวเราะเยาะ:“เธอไม่กลัวว่าฉันจะบอกเรื่องก่อนหน้านี้กับเขาหรอ?”
เมื่อโม่จิ่นหยุนได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของเธอก็หดเล็กลง จากนั้นก็พูดถากถางว่า:“เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก เธออย่าลืมว่าเธอก็โกหกเขา ไม่ว่ายัไงฉันก็เป็นพี่สาวแท้ๆของเขา ต่อให้เขาจำเรื่องก่อนหน้านี้ได้ คิดว่าเขาจะจัดการฉันก่อนหรือว่าจะจัดการเธอก่อนล่ะ?”
“เธอ……”
“สงบสติอารมณ์หน่อย อย่าโมโหมากเกินไป เราเป็นเพื่อนกันมาหลายปีและรู้จักกันดี ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราไม่ควรขัดแย้งกันเอง เธอว่าไหม?”
หลังจากนั้นไม่นานซูเหมียนก็ตอบว่า:“ใช่”
……
โม่ถิงเซียวพาโม่มู่ไปที่จินติ่ง
ในช่วงสามปีที่ผ่านมาโม่จิ่นหยุนไม่ให้เขาติดต่อกับกูจื่อหยาน และแน่นอนว่าไม่ให้เขามาใช้บริการที่จินติ่งของกูจื่อหยาน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเชื่อฟังโม่จิ่นหยุนมากเกินไป เขาก็คงไม่ยุ่งยาก
ตอนนี้เขารู้สึกว่าโม่จิ่นหยุนวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไม่อยากอยู่ที่บ้านตระกูลโม่อีกต่อไป
คืนนี้คงต้องหาที่พักก่อน
ทันทีที่เข้ามาในจินติ่ง เขาก็พบว่าการออกแบบของจินติ่งนั้นดูดีมาก และค่อนข้างมีรสนิยมสูง
หลังจากโม่ถิงเซียวเขาไปในห้องพักแล้วก็วางของไว้ในห้อง จากนั้นก็พาโม่มู่ไปทานข้าวที่ห้องอาหาร
หลังจากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาทั้งคืน เขาก็มาทานอาหารเช้าตอนแปดโมงกว่าๆ
ไม่ต้องพูดถึงโม่มู่ที่ยังเป็นเด็ก แม้ว่าเขาจะหิวนิดหน่อยก็ตาม
ทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟ โม่มู่ก็ลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ทานอาหารสำหรับเด็กและถือตะเกียบขึ้นมา
โม่ถิงเซียวส่งเสียงดุ:“นั่งลง”
โม่มู่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากนั่งทำปากขมุบขมิบและพูดอย่างเศร้าใจว่า:“หนูหิวมาก……”
โม่ถิงเซียวตักข้าวและกับข้าวลงในชามของเธอ แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นก็เอาผ้าเช็ดปากวางไว้ใต้คอของเธอ และนำชามไปวางข้างหน้าเธอ
การกระทำนี้เป็นไปอย่างชำนาญและราบรื่น
ผู้หญิงหลายคนที่อยู่โต๊ะข้างๆกระซิบกระซาบกันถึงโม่ถิงเซียว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโม่ถิงเซียวปรากฏตัวในข่าวมากมาย และมีคนจำเขาได้ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดคุย
โม่มู่ก็หลายขวบแล้ว แต่ยังคงดื่มนมอายุอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอหิวมาก เธอหยิบอะไรได้ก็ยัดใส่ปาก
เรื่องอาหารการกินไม่ต้องเป็นห่วงเธอเลย
โม่ถิงเซียวเห็นโม่มู่กินอย่าง “มูมมาม” เขาขมวดคิ้ว:“ค่อยๆกิน”
โม่มู่ไม่ได้สนใจที่เขาพูดเลย เธอยังคงจับตะเกียบและคีบข้าวเข้าปาก
จนป่านนี้แล้วซุปก็ยังไม่มา โม่ถิงเซียวจึงส่งแก้วให้เธอและป้อนน้ำให้เธอ
เมื่อเซินเหลียงเข้ามาพร้อมกับทีมงาน เธอก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี
ชายร่างสูงโปร่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร ในมือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำไว้และในมืออีกข้างถือทิชชู่ แม้ว่าจะไม่มีสีหน้าใดๆ แต่แววตาของเขาให้ความสนใจกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่กำลังกินข้าวอยู่
คนข้างๆเซินเหลียงก็สังเกตเห็นโม่ถิงเซียว
“นั้นมันประธานบริษัทของโม่กรุ๊ปไม่ใช่หรอ?”
“เขาก็มาทานข้าวที่นี่ด้วยหรอ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นเป็นใคร?ลูกสาวนอกสมรสของเขาหรอ?”
“น่าจะใช่นะ ดูคล้ายนิดหน่อย……”
“ยีนของตระกูลโม่นี่ดีจริงๆ โม่ถิงเซียวหล่อขนาดนั้น แล้วลูกสาวของเขาก็น่ารักมาก……”
การพูดคุยกันของพวกเขาออกนอกประเด็น และเมื่อหันมาเห็นว่าเซินเหลียงหยุดเดิน ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเตือนเธอ:“เซินเหลียง มองอะไรน่ะ?ไปกันเถอะ”
เซินเหลียงได้สติกลับมาและพูดอย่างเร่งรีบ:“พวกคุณไปกันก่อนเลย ฉันมีธุระนิดหน่อย”
“งั้นก็ได้ พวกเราไปก่อนนะ คุณรีบตามมานะ”
หลังจากพวกเขาออกไป เซินเหลียงก็มองไปรอบๆ และเดินไปที่โม่ถิงเซียว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งจินติ่งและ Shengding อยู่ภายใต้การจัดการของกูจื่อหยาน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ เซินเหลียงจึงไม่กังวลที่จะถูกปาปารัสซี่แอบถ่ายที่นี่
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกูจื่อหยานต้องช่วยแก้ปัญหาให้เธอได้อย่างแน่นอน
เซินเหลียงเดินตรงไปที่โต๊ะอาหารของโม่ถิงเซียว
“ค่อยๆกิน ไม่มีใครแย่งหนู” โม่ถิงเซียวพูดเบาๆกับโม่มู่
เซินเหลียงกระแอมในลำคอเบาๆและเรียก:“บอสใหญ่”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่โม่มู่
นั่นเป็นลูกสาวของมู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียว โม่มู่?
น่า……น่ารักมาก!
จมูกหน้ารัก ตาน่ารัก และท่าทางที่กำลังกินข้าวก็ขน่ารักมากๆ!
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นก็มองไปที่เซินเหลียง
เขารู้สึกคุ้นๆ แต่ก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร อีกอย่างก็มีผู้หญิงมากมายที่เข้ามาพูดคุยกับเขา
แต่ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆที่เข้าหาเขา เพราะสายตาของเขาจ้องมองไปที่โม่มู่
โม่ถิงเซียววางแก้วน้ำในมือลงและถามอย่างเย็นชา:“คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?”
เซินหลียงยากที่จะละสายตาจากโม่มู่ แม้ว่าสามปีที่ผ่านมาเธอจะไม่ได้พูดคุยกับโม่ถิงเซียวเลย แต่เธอก็ยังนับถือโม่ถิงเซียงอยู่ เธอยืนตัวตรงเหมือนเด็กนักเรียน
เซินเหลียงพูดอย่างซื่อๆอีกครั้ง:“บอสใหญ่!”
มีความคิดแวบเข้ามาในดวงตาของโม่ถิงเซียว จากนั้นเขาก็พูดว่า:“คุณเป็นนักแสดงของ Shengding?”
“อึ้ม” เซินเหลียงตอบและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองโม่มู่อีกครั้ง:“ลูกสาวของคุณน่ารักมาก”
“ผมยังไม่ได้เปิดเผยว่ามีลูกสาว แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่แปลกใจเลยสักนิด” อาจเป็นเพราะเซินเหลียงไม่ได้แสดงใบหน้าที่น่าสะอิดสะเอียนให้เขาเห็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เขาจึงอยากจะพูดกับเธออีกสักสองสามประโยค
สีหน้าของเซินเหลียงหยุดนิ่ง เธอนึกถึงมู่นวลนวลแล้วถอนหายใจ:“เพราะเมื่อก่อนเรารู้จักกัน”
ดวงตาของโม่ถิงเซียวเปลี่ยนเป็นความคมชัดในทันที
เซินเหลียงกลืนน้ำลาย:“สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง”
แม้จะผ่านไปสามปีแล้ว แต่สายตาของบอสใหญ่ก็ยังน่ากลัวเหมือนเดิม!
“พ่อ เอาอีก!”
เสียงของโม่มู่ทำลายบรรยากาศ
โม่ถิงเซียวหันไปคลุกข้าวให้โม่มู่ และไม่ได้พูดอะไรอีก
โม่มู่เอียงหัวมองเซินเหลียง และเซินเหลียงก็มองเธอ
หลังจากนั้นโม่มู่ก็ยิ้มและพูดว่า:“พี่สาวคนสวย”
เซินเหลียงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะลอย