เมื่อซือเย่อกำลังจะจากไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองโม่ถิงเซียว
และบังเอิญเห็นโม่ถิงเซียวกำลังปอกไข่ให้โม่มู่
ก่อนที่จะได้พบโม่มู่ “ดูแลเอาใจใส่” กับ “ดูแลคนอื่น” ไม่มีผลอะไรกับโม่ถิงเซียวเลย
แต่ตอนนี้โม่ถิงเซียวดูแลโม่มู่ ดูเหมือนว่าจะชำนาญและคล่องแคล่วมาก
นอกเหนือจากการเป็นลูกหลานคนรวย และการเป็นผู้นำด้านธุรกิจแล้ว ในฐานะพ่อเขาก็ยังมีใจเย็นอีกด้วย
แม้คนส่วนใหญ่จะพูดว่าโม่ถิงเซียวประสบความสำเร็จและโดดเด่นมากพอ แต่เขาก็ยังเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตามความยุติธรรมของโชคชะตาจะสะท้อนให้เห็นความไม่ยุติธรรมอยู่เสมอ
ซือเย่ไม่ได้รั้งอยู่นาน เพียงแค่มองไม่กี่วินาทีและจากไป
เรื่องของมู่นวลนวล เขาได้ฟังกูจื่อหยานพูดมาบ้างแล้ว
หลังจากที่เขาออกจากจินติ่งก็ขับรถไปด้วยโทรหากูจื่อหยานไปด้วย และถามที่อยู่ของมู่นวลนวล
ซือเย่ขับรถไปที่คอนโดที่มู่นวลนวลพักอยู่
เขาจจอดรถบนถนนตรงข้ามกับคอนโด
เขาไม่ได้ลงจากรถในทันที แต่นั่งอยู่ในรถสักพัก และเห็นมู่นวลนวลเดินออกมาจากคอนโด
วันนี้เธอสวมเสื้อกันหนาวสีขาวกับกางเกงยีนส์ แม้ว่าเธอจะผอม แต่เธอก็ยังดูดี
หลังจากการระเบิดบนเกาะในปีนั้น ซือเย่กับกูจื่อหยานก็คิดว่ามู่นวลนวลไม่ได้อยุ่บนโลกนี้แล้ว
ตอนนี้ได้เห็นมู่นวลนวลยังมีชีวิตอยู่และยืนอยู่ตรงนี้ ซือเย่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในลำคอ
เขาทำจิตใจให้มั่นคง เปิดประตูและเดินตรงไปที่มู่นวลนวล
“สวัสดีครับ?” ซือเย่กล่าวทักทายมู่นวลนวลอย่างไม่แน่ใจ
มู่นวลนวลหันมามองเขา:“สวัสดีค่ะ มีอะไรคะ?”
ซือเย่จ้องมองมู่นวลนวลอยู่เพียงไม่กี่วินาที จากนั้นก็ถอยออกไป และพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพเหมือนการพบกันครั้งแรก:“คืออย่างนี้ครับ ผมอยากจะถามหน่อยว่าช่วงนี้มีคนขายห้องพักของคอนโดนี้บ้างไหม?”
“อันนี้ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ คุณสามารถไปติดต่อฝ่ายขายดูนะคะ เดี๋ยวฉันเอาเบอร์ติดต่อให้คุณ”
มู่นวลนวลรู้สึกว่าคนตรงหน้าใจดีมาก เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาหาเบอร์ของฝ่ายขายและบอกเบอร์ให้ซือเย่
ซือเย่บันทึกเบอร์โทรศัพท์และพูดด้วยความจริงใจ:“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลังจากมู่นวลนวลพูดจบก็เดินจากไป
ซือเย่ยืนอยู่ที่เดิม และมองมู่นวลนวลหายไปในฝูงชน จากนั้นเขาก็ละสายตา
คุณหญิงจำเขาไม่ได้จริงๆ……
นอกจากรูปร่างที่ผอมบางของแล้ว เธอก็ดูไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนมากนัก แต่ท่าทางของเธอดูอ่อนโยนกว่ามาก
ก่อนหน้านี้มู่นวลนวลดูอ่อนโยนมาก แต่รูปร่างของเธอผอมจนกระดูกจะทิ้มออกมา
อาจเป็นเพราะความทรงจำเหล่านั้นขาดหายไป ทำให้เธอเปลี่ยนไปมาก
ซือเย่ส่ายหัวและเลิกครุ่นคิด
โม่ถิงเซียวให้เขาไปตรวจสอบมู่นวลนวล ถ้ารู้เรื่องอะไรหรือเคยเจอมู่นวลนวลแล้ว
เขาคิดว่าความเป็นไปได้ที่สองน่าจะเป็นไปได้มากกว่า
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา คนที่สนิทกับโม่ถิงเซียวที่สุดก็คือโม่จิ่นหยุน
แล้วโม่จิ่นหยุนจะพูดกับโม่ถิงเซียวถึงมู่นวลนวลได้ยังไง
ถ้าความทรงจำของโม่ถิงเซียวกลับมา แล้วรู้ว่าโม่จิ่นหยุนเห็นว่ามู่นวลนวลยังไม่ตายแต่ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่รู้ว่าเขาจะจัดการกับโม่จิ่นหยุนยังไง
……
ปีนั้นที่มู่นวลนวลแต่งงานกับโม่ถิงเซียว และเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว ซือเย่ก็เคยตรวจสอบเธอแล้ว
หลังจากผ่านไปสามสี่ปี ไม่คิดว่าเขาจะให้ตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง
และคนที่ให้เขาไปทำเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นโม่ถิงเซียว
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกมึนงง โชคชะตาเล่นตลกราวกับว่าย้อนกลับไปตอนที่มู่นวลนวลเพิ่งแต่งงานกับโม่ถิงเซียว
แม้ว่าซือเย่จะรู้ตื้นลึกหนาบางของมู่นวลนวลดี แต่หลังจากสามปีที่ผ่านมา จึงจำเป็นต้องตรวจสอบใหม่อีกครั้ง
แต่ผลการตรวจสอบ ทำให้ซือเย่ต้องตกใจ
ก่อนเกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน มู่นวลนวลเป็นที่รู้จักในโซเชียลอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยใดๆ
นอกจากนี้เรื่องของเธอกับโม่ถิงเซียว และเรื่องที่ไปคลอดลูกที่ต่างประเทศ ล้วนแต่ตรวจสอบไม่พบ
ยกเว้นเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวของตระกูลโม่ จบการศึกษาจากคณะภาพยนตร์ และประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน นอกเหนือจากข้อมูลง่ายๆเหล่านี้แล้วก็ตรวจสอบอะไรไม่ได้อีก
ถ้าซือเย่ไม่ใช่คนที่รู้เรื่องมาก่อน เขาก็คงจะเชื่อข้อมูลนี้
แต่ด้วยในสถานการณ์ในตอนนี้ เขาจึงทำได้เพียงให้ข้อมูลง่ายๆนี้กับโม่ถิงเซียว
ข้อมูลของมู่นวลนวลถูกดัดแปลง ต่อให้เขาบอกโม่ถิงเซียวว่ามู่นวลนวลเป็นภรรยาของเขาและผู้หญิงที่เขารักมากก็ไม่แน่ว่าโม่ถิงเซียวจะเชื่อ
ความแน่วแน่ในใจของโม่ถิงเซียวแตกต่างจากคนทั่วไป และไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะเชื่อคำพูดของคนอื่น
คงจะต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ในช่วงบ่าย ซือเย่นำข้อมูลที่ตรวจสอบได้ไปที่โม่กรุ๊ป
เมื่อเข้าไปเขาก็ถูกแผนกต้อนรับขวางไว้
“คุณผู้ชาย คุณมาพบใคร?”
ในสามปีที่ผ่านมา แผนกต้อนรับของโม่กรุ๊ปเปลี่ยนคนไปไม่รู้กี่คน แน่นอนว่าพวกเธอไม่รู้จักซือเย่
ซือเย่พูดอย่างเคร่งขรึม:“ผมเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธาน”
แผนกต้อนรับก็ยังไม่ปล่อยเขาไป:“บัตรพนักงานล่ะ?”
สุดท้ายซือเย่ก็ทำได้เพียงโทรหาโม่ถิงเซียว จากนั้นเขาก็ได้เข้าไป
เมื่อเขาเดินไปถึงหน้าลิฟต์ก็เห็นว่าลิฟต์ยังอยู่ที่ชั้นสิบ เขาจึงต้องรอสักครู่
จนกระทั่งลิฟต์มาถึงชั้นล่าง และคนที่เดินออกมาจากลิฟต์ก็คือโม่จิ่นหยุน
ซือเย่ก้มหน้าเล็กน้อยและส่งเสียงเรียก:“ประธานโม่”
โม่จิ่นหยุนเหลือบมองซือเย่ เธอรู้สึกคุ้นๆ แต่จำไม่ได้ว่าเขาเป็นใครและไม่ได้พูดอะไร
ซือเย่มาถึงห้องทำงานโม่ถิงเซียวอย่างราบรื่น
วันนี้โม่ถิงเซียวพาโม่มู่มาที่บริษัทด้วย
เมื่อซือเย่เข้ามาก็เห็นโม่ถิงเซียวกับโม่มู่ทั้งสองคนนอนเอาแขนทาบอยู่บนโต๊ะ
โม่ถิงเซียวนั่งอยู่บนเก้าอี้ของผู้บริหาร โดยมีกองเอกสารหนาๆอยู่ข้างหน้า
และโม่มู่ก็นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ในมือข้างหนึ่งถือพู่กันแล้ววาดลงบนกระดาษ และขีดเขียนไว้บนนั้นอย่างไม่แยแส
ภาพดูตลกเล็กน้อย แต่ก็มีความกลมกลืนกันมาก
ซือเย่เดินตรงเข้าไปที่โม่ถิงเซียว:“คุณชาย นี่ของที่คุณต้องการครับ”
หลังจากที่เขาวางข้อมูลของมู่นวลนวลลง โม่ถิงเซียวก็วางงานในมือ และเริ่มดูข้อมูลของมู่นวลนวล
โม่ถิงเซียวพลิกดูข้อมูลสองหน้าอย่างรวดเร็ว
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซือเย่:“ข้อมูลคู่หมั้นของเธอล่ะ?”
เมื่อซือเย่ได้ยินอย่างนั้น เขาก็ส่งข้อมูลของลี่จิ่วเหิงให้เขา:“ในนี้ครับ”
ข้อมูลของลี่จิ่วเหิงน้อยกว่าของมู่นวลนวล มีเพียงแค่ครึ่งกระดาษ A4 เท่านั้น
สายตาของโม่ถิงเซียวดูพึงพอใจ เขาเพียงแค่ให้ซือเย่ไปตรวจสอบมู่นวลนวล ไม่คิดว่าซือเย่จะตรวจสอบข้อมูลของลี่จิ่วเหิงมาด้วย
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ซือเย่คงจะเคยเป็นผู้ช่วยของเขาจริงๆ
โม่ถิงเซียววางข้อมูลในมือลง เขาเอียงหัวเล็กน้อยและสั่งอย่างไม่เป็นทางการ:“ยังมีอีกเรื่องที่อยากให้นายไปทำ เย็นนี้ฉันต้องการไปพักอยู่ข้างๆบ้านพวกเขา”
ซือเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็พยักหน้า:“เข้าใจแล้วครับ”