ซือเย่ไม่ได้ออกไปทันที
โม่ถิงเซียวถามเขา:“ยังมีอะไรอีกไหม?”
ซือเย่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง:“คุณชาย ข้อมูลของทั้งสองคนไม่สมบูรณ์ และสถานะของลี่จิ่วเหิงนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”
ปีนั้นก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไปยังเกาะ ลี่จิ่วเหิงกับมู่นวลนวลถูกปาปารัสซี่ถ่ายรูป และโม่ถิงเซียวก็ให้เขาไปตรวจสอบผู้ชายที่ชื่อลี่จิ่วเหิง
และในตอนนั้นเขาก็ตรวจสอบพบข้อมูลได้อย่างง่ายดาย
ลี่จิ่วเหิงคนนี้เหมือนปรากฏตัวขึ้นจากอากาศที่เบาบาง สถานะของเขาเรียบง่ายและขาวสะอาด จนทำให้เขาดูน่าสงสัยไปทุกอย่าง
และจุดประสงค์ของเขาก็ไม่ชัดเจน
“งั้นหรอ?” โม่ถิงเซียวเหลือบมองเขา แล้วหยิบข้อมูลของมู่นวลนวลขึ้นมาอีกครั้ง:“ทำไมฉันรู้สึกว่าสถานะของมู่นวลนวลคนนี้ไม่ธรรมดายิ่งกว่า”
ซือเย่คุ้นเคยกับโม่ถิงเซียว แน่นอนว่าเขาไม่เคยพลาดกับสายตาที่ดูพอใจของโม่ถิงเซียว
“ครับ สถานะของคุณมู่นั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” มู่นวลนวลเป็นแม่แท้ๆของลูกเขา เป็นภรรยาของเขา สถานะนั้นจะธรรมดาได้ยังไงกัน?
และเขาก็ดูออกว่าโม่ถิงเซียวให้ความสนใจกับมู่นวลนวลมาก
นี่อาจจะเป็นตำนาน……ชะตาฟ้าลิขิตไว้แล้ว
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นก็เลิกคิ้ว:“ในคำพูดยังมีนัยยะอะไร?”
ซือเย่ก้มลงด้วยความเคารพและไม่พูดอะไรอีก
ดูเหมือนโม่ถิงเซียวไม่อยากพูดกับเขามากไปกว่านี้:“ออกไปเถอะ”
หลังจากที่ซือเย่ออกไป โม่ถิงเซียวก็ใจลอยเล็กน้อย
จนกระทั่งโม่มู่เอาข้อมูลตรงหน้าไปขีดเขียน เขาถึงได้สติกลับมา
เธอหยิบเอาข้อมูลนั้นไปและพูดพึมพำ:“หนูวาดโม่ชิงเจียว”
โม่ถิงเซียวเหลือบไปมองและเห็นว่าเป็นข้อมูลของมู่นวลนวล เขาจึงยื่นมือไปหยิบมันมาและไม่ให้เธอวาด
แม้ว่าโม่มู่จะเป็นเด็กดี แต่ถ้าเธอถูกกวนใจในขณะที่เล่นอยู่ เธอก็จะโกรธ
เธอเบะปากและมองไปที่โม่ถิงเซียว:“ฮึ!เอามาให้หนู!”
โม่ถิงเซียวหยิบข้อมูลของลี่จิ่วเหิงมาวางตรงหน้าโม่มู่:“วาดใส่อันนี้ อันนี้ยังว่างอยู่ครึ่งหนึ่ง”
โม่มู่เชิดคางขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่เอื้อเฟื้อ:“ยกโทษให้คุณ”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ก้มหน้าวาดต่อไป
โม่ถิงเซียวถูกเธอยิ้มใส่ อยากจะแก้ไขแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงยื่นมือไปลูบหัวของเธอ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกโม่มู่สงสัย
“ไอ๊หยา อย่ามายุ่งหนู!” โม่มู่ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังโกรธ
โม่ถิงเซียวจึงเปลี่ยนเรื่อง:“หนูบอกว่าจะวาดพ่อไม่ใช่หรอ?ให้พ่อดูหน่อย”
โม่มู่หยิบกระดาษส่งให้เขาด้วยความดีใจในทันที:“พ่อดูสิ นี่พ่อ”
โม่ถิงเซียวมองไปที่เส้นสีแดงสีเขียวบนนั้น แล้วหยิบแท็บเล็ตออกมาอย่างใจเย็น:“ดูการ์ตูนไหม?”
โม่มูพยักหน้าเหมือนไก่จิก:“ดู!”
โม่มู่ถือแท็บเล็ตไปดูการ์ตูนที่โซฟา ส่วนโม่ถิงเซียวก็ทำงานต่อ
……
พอถึงเลิกงานซือเย่ก็กลับมา
ในมือเขาถือใบรับรองอสังหาริมทรัพย์
“คุณชายครับ ของที่คุณต้องการ”
เขาส่งใบรับรองอสังหาริมทรัพย์และกุญแจให้โม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวมองไปที่ใบรับรองอสังหาริมทรัพย์และกุญแจที่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็มองไปที่ซือเย่ด้วยสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้:“เอาเงินมาจากไหน?”
ซือเย่ลังเลอยู่ชั่วครู่:“เป็นเงินของคุณ”
ก่อนหน้านี้โม่ถิงเซียวไว้ใจเขามาก และโม่ถิงเซียวเคยให้บัตรกับเขา
โม่จิ่นหยุนไม่เข้าใจโม่ถิงเซียว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าซือเย่ยังมีบัตรใบนี้อยู่ในมือ
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับโม่ถิงเซียว โม่จิ่นหยุนก็ไล่เขาออก บัตรใบนี้จึงยังอยู่ในมือของเขา และในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์อีกครั้ง
ที่พักอาศัยของมู่นวลนวลเป็นคอนโดระดับไฮเอนด์
ผู้ที่พักอาศัยก็จะเป็นคนที่ร่ำรวย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะร่ำรวยแค่ไหนก็ไม่สามารถเทียบกับตระกูลโม่ได้
สิ่งสุดท้ายที่โม่ถิงเซียวจะไม่ขาดก็คือเงิน
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมู่นวลนวล โม่ถิงเซียวก็เต็มใจที่จะจ่าย
ซือเย่เข้าใจโม่ถิงเซียว เขารู้ว่าโม่ถิงเซียวต้องการพักอยู่ข้างบ้านมู่นวลนวล และไม่เสียดายเงินเลยสักนิดที่จะทำให้เรื่องนี้สำเร็จ
หลังจากโม่ถิงเซียวได้ยินที่ซือเย่พูด เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ลุกขึ้นและเดินไปที่โซฟา
ก่อนหน้านี้โม่มู่ดูการ์ตูนแล้วหลับไป เธอห่มเสื้อคลุมของโม่ถิงเซียวและหลับอยู่บนโซฟา
โม่ถิงเซียวเอาเสื้อคลุมห่อโม่มู่และอุ้มเธอขึ้นมาจากโซฟา
แม้ว่าเขาจะค่อยๆขยับ แต่โม่มู่ก็ยังตื่น
เธอลืมตาครึ่งหนึ่งแล้วส่งเสียงเรียกเบาๆ:“พ่อ”
“อึ้ม ไปกินข้าวกัน” โม่ถิงเซียวยื่นมือไปลูบหัวของเธอ
เมื่อตื่นขึ้นมาโม่มู่ก็งัวเงียเล็กน้อยและพูดว่า:“อยากกินเฟรนช์ฟรายส์……”
ซือเย่ที่เดินตามมาข้างหลังได้ยินเสียงของโม่มู่เขาก็รู้สึกใจละลาย
แต่โม่ถิงเซียวไม่แสดงออกใดๆ เขาปฏิเสธคำขอของโม่มู่อย่างเย็นชา:“ไม่ได้”
โม่มู่กระฟัดกระเฟียด:“อยากกิน”
เสียงของโม่ถิงเซียวยังคงเย็นชา:“ไม่ได้”
โม่มู่เบะปากและทำหน้าตาเมินเฉย:“โม่ชองเจียว สัตว์ประหลาดตัวใหญ่”
โม่ชิงเซียวทำเสียงฮึ:“หนูก็เป็นสัตว์ประหลาดตัวเล็ก”
โม่มู่กระพริบตาและน้ำตาร่วง:“ฮือๆ……หนูไม่ใช่สัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดน่าเกลียด หนูคือมู่มู่……”
โม่ถิงเซียวก้มลงไปมองโม่มู่ละเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างใจเย็น
ผู้ชายที่มีลูกจะเป็นคนใจอ่อน ซือเย่ไม่สามารถทนได้ จึงต้องการช่วยเขาเกลี้ยกล่อมลูก
และในตอนนี้โม่มู่ก็หยุดร้องไห้ เธอยื่นมือไปเช็ดน้ำตาบนหน้าตัวเองและหันไม่ด้านข้างๆโดยไม่มองหน้าโม่ถิงเซียว
ดูเหมือนว่า……คุณชายจะโอ๋เด็กไม่เป็น
อย่างไรก็ตามความสามารถในการควบคุมตัวเองของโม่มู่ก็ค่อนข้างแข็งแกร่งเช่นกัน
……
โม่ถิงเซียวและพวกเขาไม่ได้กลับไปในทันที แต่แวะร้านอาหารก่อน
ซือเย่ยังต้องไปส่งพวกเขา จึงทานข้าวด้วยกัน
อาจเป็นเพราะเห็นซือเย่มาทั้งวัน โม่มู่จึงรู้สึกเป็นมิตรกับเขา ตอนที่ทานอาหารเธอก็คีบกับข้าวให้ซือเย่ด้วย
เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นอย่างนั้นก็พูดห้าม:“มู่มู่ หนูกินเองเลย”
โม่มู่โต้แย้ง:“คุณอาก็อยากกิน”
โม่ถิงเซียวคีบหัวหอมให้เธอ:“คุณอาคีบอาหารเองได้”
ซือเย่พูด:“ไม่เป็นไรครับ”
โม่มู่ไม่กินหัวหอม จึงใช้มือหยิบออกมาด้วยความรังเกียจ
โม่ถิงเซียวก็นำกลับมาให้เธออีก:“ห้ามเลือกทานอาหาร”
ซือเย่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม:“คุณชาย โม่มู่ก็เหมือนคุณ คุณก็ไม่ชอบกินหัวหอมไม่ใช่หรอ?”
โม่ถิงเซียวอึ้งเล็กน้อย
โม่มู่ใช้โอกาสนี้หยิบหัวหอมใส่ในชามของโม่ถิงเซียว เธอกระพริบตาและยิ้มหวาน:“พ่อกินเลย”
โม่ถิงเซียว:“……”
สุดท้ายโม่ถิงเซียวก็ไม่ได้กินหัวหอมชิ้นนั้น
ของที่กินไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง
อาจเป็นเพราะซือเย่ทำให้โม่มู่รอดพ้นจากการกินหัวหอม เมื่อออกมาจากร้านอาหาร โม่มู่อะไรก็ “อาซือเย่” เธอเรียกอย่างสนิทสนม
ซือเย่ขับรถไปส่งพวกเขาที่คอนโดที่มู่นวลนวลพักอยู่ เมื่อเดินไปถึงประตูห้อง ประตูห้องของฝั่งตรงข้ามก็เปิดออกในเดียวกัน
มู่นวลนวลเห็นผู้ใหญ่และเด็กยืนอยู่ที่หน้าห้องตรงข้าม เธออึ้งไปสองสามวินาที ก่อนที่จะได้สติกลับมา:“คุณโม่?พวกคุณ……”
โม่มู่วิ่งเข้าหามู่นวลนวลทันที:“พี่สาวคนสวย!”