เมื่อมู่นวลนวลเห็นท่าทางจริงจังของโม่ถิงเซียว เธอก็เดาอะไรบางอย่างได้อย่างคลุมเครือ
เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองไปที่เซินเหลียง
โม่ถิงเซียวแสดงออกถึงการบังคับ เซินเหลียงจึงทำได้เพียงฝืนใจพูดวว่า:“ทำให้นวลนวลกับมู่มู่รู้จักกัน นวลนวลเป็นแม่แท้ๆของมู่มู่”
เซินเหลียงเพิ่งบอกเรื่องนี้กับมู่นวลนวลเมื่อตะกี้ ดังนั้นมู่นวลนวลจึงไม่ได้ตกใจมากนัก
เธอหันไปมองโม่ถิงเซียว
และโม่ถิงเซียวก็หันมามองเธอพอดี ทั้งสองจ้องตากันอยู่สองวินาที จากนั้นก็ละสายตาออกทันที
โม่ถิงเซียวทพเสียงฮึอย่างเย็นชา เขายิ้มและถามว่า:“แล้วยังไงต่อ?”
เซินเหลียงพูดอย่างที่เธอพูดกับมู่นวลนวลก่อนหน้านี้อีกรอบ:“พวกคุณเป็นสามีภรรยากัน”
หลังจากที่พูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง และดูท่าทีของโม่ถิงเซียว
ใบหน้าของโม่ถิงเซียวเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมามากนัก เขาไม่พูดไม่จาจนทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้
เซินเหลียงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย และค่อยๆยื่นมือออกไปดึงมุมเสื้อผ้าของมู่นวลนวล
โม่ถิงเซียวเซียงฟังที่มู่นวลนวลพูด
แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนสูญเสียความทรงจำ แต่โม่ถิงเซียวให้ซือย่ไปสืบหาข้อมูลของมู่นวลนวลแล้ว ไมาเพียงแค่นั้นเขายังย้ายไปอยู่ห้องตรงข้ามกับมู่นวลนวลด้วย
นี่หมายความว่าไง?
หมายความว่าแม้ว่าทั้งสองจะสูญเสียความทรงจำ มูนวลนวลก็ยังพิเศษสำหรับโม่ถิงเซียว
ความผูกพันระหว่างคนบางคนอาจถูกลิขิตไว้แล้ว ต่อให้เดินออกไปกลางคัน แล้วต่างฝ่ายต่างลืมกันไป แต่พวกเขาก็ยังคงดึงดูดซึ่งกันและกัน
เซินเหลียงรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นเหตุผล
มู่นวลนวลส่งสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเซินเหลียง เธอเม้มริมฝีปากและพูดอย่างใจเย็น:“แม้ว่าเรื่องนี้จะฟังดูไร้สาระแต่ฉันเชื่อว่าเซินเหลียงไม่ได้โกหก……”
ในขณะที่เธอพูด แม้ว่าท่าทีของโม่ถิงเซียวจะยังคงไม่เปลี่ยน แต่เขาก็หันหน้าไปมองเธอ และเห็นได้ชัดว่าเขากำลังฟังที่เธอพูด
เพียงแค่เขาฟังสิ่งที่เธอพูดก็พอแล้ว
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ มู่นวลนวลก็เหลือบมองไปที่โม่มู่
โม่มู่ดูการ์ตูนอย่างตั้งใจโดยไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่เคร่งขรึมระหว่างผู้ใหญ่ เธอดูไปด้วยหัวเราะไปด้วย
สีหน้าของมู่นวลนวลอ่อนโยนมาก เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลต่อว่า:“ให้ฉันกับมู่มู่ตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะ นี่เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด”
หลังจากที่เธอพูดจบ ทุกคนก็หันไปมองโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ตรงนั่นด้วยสีหน้าอึมครึ้ม และดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่นอยู่ใต้โต๊ะ
เรื่องที่เซินเหลียงพูด แม้แต่เธอเองก็ไม่คาดคิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโม่ถิงเซียวเลย
โม่ถิงเซียวเป็นประธานของโม่กรุ๊ป และยังมีคู่หมั้น……เรื่องนี้พูดไปแล้วก็คงยากที่จะเชื่อ
ทันใดนั้นมู่นวลนวลก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และถามโม่ถิงเซียวว่า:“คุณก็สูญเสียความทรงจำหรอ?”
ตั้งแต่เซินเหลียงบอกเรื่องนี้กับเธอ เธอก็มุ่งความสนใจไปที่โม่มู่
เพราะเธอชอบโม่มู่มาก ดังนั้นเธอจึงให้ความสำคัญกับเรื่องที่โม่มู่เป็นลูกสาวของเธอ ส่วนเรื่องที่เธอกับโม่ถิงเซียวเป็นสามีภรรยากัน เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย……
สำหรับเธอแล้วโม่ถิงเซียวเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เธอเพิ่งรู้จัก
เดิมคิดว่าโม่ถิงเซียวจะไม่สนใจเธอ แต่ในตอนนี้เขาก็พูดเตือนขึ้นว่า:“ทุกคนฉลาด ผมเชื่อว่าพวกคุณน่าจะรู้ว่าอะไรที่สามารถพูดอย่างเปิดเผยได้ และอะไรที่ไม่สามารถพูดอย่างเปิดเผยได้”
มู่นวลนวลตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จาอกนั้นก็เข้าใจ:“ฉันรู้”
โม่ถิงเซียวเป็นประธานของโม่กรุ๊ป สถานการณ์ทุกอย่างของเขาล้วนเกี่ยวโยงกับโม่กรุ๊ป
ถ้าคนนอกรู้ว่าโม่ถิงเซียวสูญเสียความทรงจำเมื่อสามปีก่อน อาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นของมู่กรุ๊ป
ใบหน้าของโม่ถิงเซียวดูพึงพอใจ:“เรื่องนี้ผมจะให้ไปจัดการ หลังจากที่ผลออกมาแล้ว ผมจะให้คนติดต่อคุณโม่”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปมองมู่นวลนวล
มู่นวลนวลอึ้ง เธอไม่คิดว่าเขาจะเห็นด้วยเร็วขนาดนี้ เธอจึงรีบพยักหน้า:“โอเคค่ะ”
โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วและจ้องมองไปที่เธอ
มู่นวลนวลงุนงงนิดหน่อย
โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วและพูดอย่างไม่อดทนเล็กน้อย:“คุณโม่ไม่ทิ้งเบอร์โทรไว้ คุณจะให้ผมส่งกระแสจิตหาคุณหรอ?”
“……”
มู่นวลนวลหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจมากนัก และแลกเบอร์โทรกับซือเย่
อันที่จริงก่อนหน้านี้ซือเย่ได้สืบหาข้อมูลของมู่นวลนวลแล้ว แน่นอนว่ามีเบอร์โทรของมู่นวลนวล
ซือเย่คิดว่าที่โม่ถิงเซียวให้มู่นวลนวลทิ้งเบอร์โทรไว้ ดูล้ำลึกนิดหน่อย
ทันใดนั้นโม่ถิงเซียวก็พูดเสริมว่า:“ถ้าคุณโม่ไม่ใช่แม่แท้ๆของมู่มู่ พวกคุณจะทำยังไง?พละกำลังและเวลาของผมมีจำกัด ไม่ใช่ใครจะทำให้ผมเสียเวลาก็ได้”
เมื่อเซินเหลียงได้ยินอย่างนั้นก็ชี้นิ้วไปที่หัวของตัวเอง:“ถ้าที่ฉันพูดเป็นเรื่องโกหก ฉันจะมาพบคุณ!”
เซินเหลียงพูดอย่างหนักแน่น โม่ถิงเซียวก็เหลือบไปมองเธออย่างเมินเฉย
เขาหันไปมองมู่นวลนวลแล้วพูดอย่างสบายๆว่า:“คุณมู่ล่ะ?”
มู่นวลนวลมองตาค้าง เธอก็ต้องรับผิดชอบด้วยหรอ?
เรื่องนี้เดิมทีดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องของเธอกับโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลยิ้ม:“แล้วถ้ามู่มู่เป็นลูกสาวของฉัน คุณโม่จะทำยังไง?”
โม่ถิงเซียวหัวเราะเยาะ:“แม้ว่าจะเป็นลูกสาวของคุณก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
ความหมายที่เขาพูดชัดเจนมาก ถ้ามู่นวลนวลเป็นแม่แท้ๆของโม่มู่ เขาก็ไม่มีทางยกโม่มู่ให้เธอ
มู่นวลนวลรู้สึกปวดใจ แต่เธอก็รู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะสนใจเรื่องนี้
เธอหันไปมองโม่มู่อย่างอ่อนโยน
……
นอกจากโม่มู่กับโม่ถิงเซียวสองคนพ่อลูกที่กินอาหารมื้อนี้อย่างอร่อยแล้ว อีกสามคนที่เหลือก็กินไม่ค่อยอร่อย
ส่วนใหญ่ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง
คนกลุ่มหนึ่งออกมาจากจินติ่ง
เซินเหลียงมองไปที่มู่นวลนวล:“ฉันไปส่งเธอ”
“ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว ฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้” หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็หันไปมองโม่ถิงเซียวโดยไม่รู้ตัว
สายตาของเธอจ้องมองไปที่เขาเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นเธอก็ก้มลงไปที่โม่มู่
โม่มู่ใช้มือเกาะแล้วปีนขึ้นไปบนรถ แต่ก็ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้
โม่ถิงเซียวยืนอยู่ข้างหลังโม่มู่ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยื่นมือออกไปช่วยประคองเธอเลย
โม่มู่ดูหงุดหงิดเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดเสียงดังว่า:“พ่อ!”
“คราวก่อนปีนขึ้นไปได้ยังไง?” โม่ถิงเซียวไม่เพียงแต่ไม่อุ้มเธอ แต่เขายังกอดอกและมองดูด้วยท่าทีหยอกล้อ
โม่มู่ทำจมูกบิดเบี้ยวแล้วปีนขึ้นรถต่อไปอย่างไม่เต็มใจ
ในขณะนี้โม่ถิงเซียวก็พูดอย่างสบายๆ:“ตอนเย็นจะให้ไอศกรีมเป็นรางวัล”
โม่มู่ที่ยังคงจับประตูรถและยังไม่สามารถเข้าไปได้ เธอพลิกตัวและขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วหันไปหาโม่ถิงเซียว:“กินไอศกรีมหรอ?”
เมื่อเซินเหลียงที่อยู่ข้างๆเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองพ่อลูกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทำเสียง “จุ๊จุ๊” และอุทานด้วยความซึ้งใจ:“ร้ายขนาดนี้ เหมือนเธอรึเปล่านะ?”
“ไม่รู้สิ อาจจะเหมือนคุณโม่ก็ได้นะ” มู่นวลนวลละสายตาและมองไปที่เซินเหลียง:“ฉันรู้ว่าคุณโม่ดูฉลาดมากเลย”