ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 387 คนที่ซับซ้อนที่สุด

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

เซินเหลียงลูบแขนของตัวเอง:“ฉันไม่ชินกับสิ่งที่พวกเธอเรียกกันจริงๆ ซ้ายก็คุณมู่ ขวาก็คุณโม่……”

เธอส่ายหัว:“แม้แต่ละครทีวีก็ไม่กล้าแสดงแบบนี้”

มู่นวลนวลหัวเราะแล้วพูดว่า:“ไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้ฉันกับคุณโม่ก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า”

เซินเหลียงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้มู่นวลนวลพูดว่าโม่ถิงเซียวฉลาดมาก

“โม่ถิงเซียวฉลาดที่ไหนกัน ฉลาดแค่ไหนก็เป็นคนไม่ใช่เหรอ……”เซินเหลียงไม่อยากคุยกับเธอเรื่องโม่ถิงเซียวอีก จึงเปลี่ยนเรื่องคุย:“ฉันมีรูปถ่ายก่อนหน้านี้ กลับไปแล้วจะส่งให้เธอดู ลองดูว่าเธอจะจำเรื่องก่อนหน้านี้ได้บ้างไหม”

“โอเค” มู่นวลนวลพยักหน้า:“ขอบคุณนะ”

“ขอบคุณอะไรกัน เรารู้จักกันมาตั้งหลายปีแล้ว!” เซินเหลียงเขย่ากุญแจรถในมือ:“ไม่ให้ฉันไปส่งเธอจริงๆหรอ?”

มู่นวลนวลส่ายหัว:“ไม่เป็นไร รีบไปเถอะ”

มู่นวลนวลไม่ยอมให้เซินเหลียงไปส่งเธอ เซินเหลียงจึงทำได้เพียงออกไปก่อน

หลังจากรถเซินเหลียงขับออกไป มู่นวลนวลก็เรียกแท็กซี่

เดิมทีเธอตั้งใจจะตรงกลับไปเลย แต่ระหว่างทางรถติด คนขับเลี่ยงไปใช้ถนนอีกเส้นหนึ่งและระหว่างทางเธอต้องผ่านคลินิกจิตวิทยาของลี่จิ่วเหิง

มู่นวลนวลลงจากรถ และตรงไปที่คลินิกจิตวิทยา

ทันทีที่เธอเข้าไปหญิงสาวที่แผนกต้อนรับก็ถามด้วยรอยยิ้ม:“สวัสดีค่ะ คุณนัดล่วงหน้าไว้ไหมคะ?”

“เปล่าค่ะ ฉันมาหาคนค่ะ” หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบแล้วก็เหลือบมองเข้าไปข้างใน

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่คลินิกจิตวิทยาของลี่จิ่วเหิง การตกแต่งนั้นอบอุ่นมากและการตกแต่งภายในห็สไตล์เดียวกัน ดูแล้วใหม่มาก

หญิงสาวที่แผนกต้อนรับอึ้งไปชั่วขณะ และรีบถามอย่างสุภาพว่า:“งั้นคุณมาหาใครคะ?”

มู่นวลนวลตอบว่า:“ลี่จิ่วเหิง”

หญิงสาวที่แผนกต้อนรับมีแววตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่มู่นวลนวล:“คุณมาหาหมอลี่?คุณนามสกุลอะไรคะ?”

แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะยังคงสุภาพ แต่น้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยคำถามที่เจาะลึก

ก่อนหน้านี้มู่นวลนวลเคยได้ยินลี่จิ่วเหิงพูดว่าห้องตรวจของเขาเล็กมาก ถ้าเธอไม่เป็นอะไรก็สามารถไปหาเขาได้

ตอนนี้ดูเหมือนว่าลี่จิ่วเหิงคงจะยุ่งมาก ถ้าจะให้เขาตรวจโรคต้องทำการนัดล่วงหน้า

“แต่ถ้าเขายุ่งมากก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนอะไร” เธอผ่านมาก็เลยแวะเข้ามาเยี่ยม ในเมื่อลี่จิ่วเหิงกำลังยุ่ง เธอจึงไม่รั้งอยู่นาน

เมื่อหญิงสาวที่แผนกต้อนรับได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร

ในขณะนี้ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านในและมีเสียงการพูดคุยกัน

มู่นวลนวลหันไปมองและเห็นลี่จิ่วเหิงกำลังกับคนอื่นๆ อีกสองคนที่เดินออกมาจากด้านใน

ข้างๆเขาเป็นผู้หญิงวัยกลางคน และข้างๆผู้หญิงวัยกลางคนก็มีเด็กผู้ชายวัยรุ่น

น่าจะเป็นผู้ปกครองพาลูกไปพบนักจิตวิทยา

ลี่จิ่วเหิงเงยหน้าขึ้นและเห็นมู่นวลนวล เขาตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แล้วหลังจากนั้นเขาก็พูดอะไรบางอย่างกับผู้ปกครอง และสั่งให้ผู้ช่วยไปส่งเธอ จากนั้นเขาก็เดินไปหามู่นวลนวล

ลี่จิ่วเหิงเดินไปหาเธอและถามด้วยความกังวล:“ทำไมจู่ๆถึงมาหาฉันได้?เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”

เมื่อหญิงสาวที่แผนกต้อนรับเห็นท่าทางของลี่จิ่วเหิงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจแล้ว เธอก็รู้สึกงุนงง

หมอลี่ยังหนุ่ม แต่ไม่โสด?

มู่นวลนวลยังไม่ทันได้พูดอะไร ลี่จิ่วเหิงก็ยื่นมือออกไปโอบไหล่เธอ:“เราเข้าไปด้านในกัน”

มู่นวลนวลไม่คุ้นชินกับท่าทางของเขา หลังจากที่เข้าไปในห้องของเขา เธอก็ถอยออกห่างและเอาแขนของเขาออกจากไหล่ของเธอ

ลี่จิ่วเหิงไม่สนใจและรินน้ำอุ่นให้เธอหนึ่งแก้ว

“ขอบคุณค่ะ” มู่นวลนวลรับน้ำ:“อันที่จริงฉัน……แค่ผ่านมาและแวะเยี่ยมคุณก็เท่านั้น”

ลี่จิ่วเหิงถามอย่างไม่ได้ตั้งใจ:“ไปไหนมาหรอ?”

“ออกไปทานข้าวกับเพื่อน” สิ่งที่พูดเป็นความจริงครึ่งเดียว

ตอนนี้มู่นวลนวลไม่มีเพื่อน ลี่จิ่วเหิงจึงสามารถเดาได้ว่า:“กับคุณเซิน?”

มู่นวลนวลพยักหน้า:“อึ้ม”

เธอยื่นมือออกไปจับแก้วน้ำ เธอขยับไปมาแลเห็นได้ชัดเจนว่าเธอมีอะไรอยากจะพูด

ลี่จิ่วเหิงมองไปที่เธอด้วยความสงบนิ่ง เมื่อมู่นวลนวลอยู่ต่อหน้าคนที่เธอไว้ใจ เธอจะไม่โกหกและจะไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเอง

ลี่จิ่วเหิงนั่งลงตรงข้ามเธอและถามด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย:“แค่ไปทานข้าวกัน?ไม่ได้ไปช้อปปิ้งหรอ?คราวนี้ฉันไม่ได้เจอปาปารัสซี่อีกใช่ไหม?”

มู่นวลนวลครุ่นคิดและพูดว่า:“จิ่วเหิง คุณ……กับคุณโม่รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม?”

ลี่จิ่วเหิตกตะลึงและถามว่า:“ใครพูดอะไรกับคุณหรอ?”

เขาถามห้วนๆ และมู่นวลนวลก็ไม่รู้จะพูดยังไง

เขาดูใจกว้างมาก

มู่นวลนวลรู้สึกว่าตัวเองกำลังสงสัยเขา และดูใจแคบไปหน่อย

เมื่อลี่จิ่วเหิงเห็นว่าเธอเงียบ จึงถามอย่างเคร่งขรึมว่า:“คุณเซินบอกอะไรกับคุณ ใช่ไหม?”

มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก:“เธอบอกเรื่องบางอย่างกับฉัน”

ดูเหมือนลี่จิ่วเหิงคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาไม่ถามว่าเรื่องอะไร เพียงแค่ถามว่า:“คุณเชื่อเธอไหม?”

“ฉันคิดว่าเธอไม่ได้โกหกฉัน” มู่นวลนวลเชื่อใจเซินเหลียง

“ก็แค่นั้น” ลี่จิ่วเหิงยิ้ม:“ในเมื่อคุณคิดว่าสามารถเชื่อได้ งั้นคุณเซินก็คงเชื่อได้”

คำพูดของลี่จิ่วเหิงทำให้มู่นวลนวลสับสนมากยิ่งขึ้น

เธอรู้สึกว่าระหว่างเธอกับลี่จิ่วเหิงไม่เหมือนคู่หมั้นกัน แต่เป็นเหมือนเพื่อนสนิท

การอยู่ร่วมกันไม่แตกต่างจากการเป็นเพื่อนร่วมห้อง และการใช้ชีวิตประจำวันก็ไม่ได้คลุมเครือ

มู่นวลนวลลังเลและถามคำถามที่อยู่ในใจ:“เราเป็นคู่หมั้นกันจริงๆหรอ?”

เมื่อลี่จิ่วเหิงได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของเขาก็จางลง และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูขี้เล่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน:“คุณคิดว่าเราเหมือนคู่หมั้นกันไหม?”

มู่นวลนวลส่ายหัว:“ไม่เหมือน”

เมื่อลี่จิ่วเหิงได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะ

หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและถามมู่นวลนวลว่า:“อีกเดี๋ยวกลับบ้านด้วยกันนะ หรือว่าคุณจะกลับตอนนี้เลย?ถ้าคุณจะกลับตอนนี้ ผมจะช่วยเรียกรถให้คุณ”

มู่นวลนวลเห็นได้ชัดว่าเขาจงใจที่จะเปลี่ยนเรื่องอย่างเรียบง่าย

เธอรู้สึกว่าคำถามของเขาเมื่อตะกี้ มีอะไรบางอย่างในคำพูดของเขา

ลี่จิ่วเหิงเป็นคนแรกที่เธอเจอ หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา

สำหรับตอนนี้ลี่จิวเหิงน่าจะเป็นคนที่เธอคุ้นเคยมากที่สุด

แต่ตอนนี้เธอรู้สึกคลุมเครือ และลี่จิ่วเหิงเป็นคนที่ซับซ้อนที่สุด

ลี่จิ่วเหิงตบไหล่เธอและพูดปลอบโยนว่า:“ไม่ต้องคิดมาก ปล่อยไปตามธรรมชาติ”

มู่นวลนวลก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอพยักหน้าและพูดว่า:“ฉันจะรอกลับพร้อมคุณตอนเย็น”

ถึงเธอจะกลับไปก่อนตอนนี้ก็ไม่มีอะไร

ลี่จิ่วเหิงโทรมาสั่งน้ำชายามบ่ายให้เธอ และให้พักที่ห้องรับรองข้างๆ

ในช่วงบ่ายลี่จิ่วเหิงมีคนไข้

มู่นวลนวลได้ยินเพียงเสียงสนทนาที่แผ่วเบา แต่ไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน

แต่เธอก็ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นมากเกินไป เพราะนี่คือเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท