จนกระทั่งหกโมงเย็น ลี่จิ่วเหิงก็ทำงานเสร็จ
ในขณะที่เขาเก็บข้าวของ เขาถามมู่นวลนวลว่า:“วันนี้ไม่กลับไปทำอาหารที่บ้านแล้ว คุณอยากกินอะไร?”
“อะไรก็ได้” มู่นวลนวลไม่ได้สนใจ ในใจเธอคิดแต่เรื่องการตรวจดีเอ็นเอ
ลี่จิ่วเหิงพยักหน้า:“โอเค”
ก่อนออกเดินทางผู้ช่วยของลี่จิ่วเหิงได้ตรวจสอบตารางงานต่อไปของเขา
มู่นวลนวลเพิ่งจะรู้ว่าลี่จิ่วเหิงยุ่งมาก ไม่แปลกที่เขามักจะทำงานล่วงเวลาดึกๆดื่นๆ
เมื่อทั้งสองคนเข้าไปในรถ มู่นวลนวลก็ถามเขาว่า:“คุณยุ่งแบบนี้ทุกวันเลยหรอ?”
“วันนี้เลิกงานตรงเวลา ไม่ค่อยยุ่ง” ในขณะที่ลี่จิ่วเหิงสตาร์ทรถ เขาก็หันไปพูดกับเธอ
มู่นวลนวลหันหน้าไปมองคลินิกของลี่จิ่วเหิงผ่านหน้าต่างรถ
บ้านเดี่ยวสามชั้นขนาดเล็ก แต่มีคนมาพบหมอจำนวนมาก
แต่บ้านนี้น่าจะมีราคาที่ค่อนข้างแพง
ลี่จิ่วเหิงร่ำรวยมากจริงๆ
เธอนึกถึงที่จินติ่งเมื่อตอนบ่ายที่เธอเจอกับผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อมู่หวันฉี
ต่อมาเธอก็เจอกับโม่ถิงเซียว เธอจึงไม่มีโอกาสได้ถามเซินเหลียงถึงเรื่องของมู่หวันฉี
มู่หวันฉีกับเซินเหลียงเป็นนักแสดงเหมือนกัน แน่นอนว่าสามารถหาบางอย่างได้จากโซเชียล
มู่นวลนวลหยิบโทรศัพท์ออกมาและพิมพ์คำว่า “มู่หวันฉี”
ข่าวและข้อมูลจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมาด้านล่าง
“มู่หวันฉีแสดงได้สมบทบาท……”
“……ภาพถ่ายภาพยนตร์เรื่องใหม่ของม่หวันฉี”
“ทำไมมู่หวันฉียังไม่ออกจากวงการบันเทิงอีก”
“มู่หวันฉีมีหวังที่จะได้เป็นสี่นักแสดงหญิงแห่งยุค……”
“……”
มีสื่อบางแห่งยกย่องมู่หวันฉี แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นการตลาดแบบทีม เพราะต้นฉบับส่วนใหญ่มีเนื้อหาที่คล้ายกัน
แต่ความคิดเห็นของชาวเน็ตเกือบทั้งหมดเหยียบย่ำและด่าว่าเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นมู่หวันฉีก็ยังคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิง
มู่นวลนวลเจอเวยป๋อของมู่หวันฉี และเห็นจำนานแฟนคลับของเธอมีมากกว่าสิบล้าน แต่ละโพสต์ในเวยป๋อมีความคิดเห็นมากกว่าหมื่นความคิดเห็นและการกดไลค์หลายหมื่นครั้ง
นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่ามู่หวันฉีจะเป็นคนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่กระแสของเธอก็ยังคงสูงมาก
เธอดูข้อมูลส่วนตัวของมู่หวนฉี และประวัติครอบครัวระบุเพียงว่าครอบครัวของเธอเปิดบริษัท
ครอบครัวเปิดบริษัทงั้นหรอ?
มู่นวลนวลไม่รู้สึกว่าตัวเองเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น
แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ของเธอ เธอก็สามารถจินตนาการถึงสถานการณ์ที่บ้านของเธอได้เช่นกัน
เธอนอนเป็นผักมาสามปี และหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาข้างกายก็ไม่มีญาติ มีเพียงลี่จิ่วเหิงคนเดียว
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า สำหรับตระกูลมู่แล้วมีหรือไม่มีเธอก็ได้
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ และหันไปมองลี่จิ่วเหิงที่อยู่ข้างๆ และอดไม่ได้ที่จะป้อนชื่อของเขาในเบราว์เซอร์
ทันทีที่ผลการค้นหาออกมา มู่นวลนวลก็ถูกดึงดูดโดยโพสต์ที่ชื่อว่า “จิตแพทย์ที่หล่อที่สุดที่คุณเคยเจอหล่อขนาดไหน?”
“ไม่ต้องพูดอะไรมาก มาดูรูปข้างบนกันดีกว่า เดิมไม่ได้ป่วยอะไรแต่พอเห็นจิตแพทย์ที่หล่อขนาดนี้ก็อยากป่วยขึ้นมาทันทีเลย!”
ด้านล่างนี้เป็นภาพบางส่วนที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่คิ้วของชายคนนั้นสามารถดูออกได้ว่าเป็นลี่จิ่วเหิง
มู่นวลนวลยังอ่านโพสต์ไม่ทันจบ เธอก็เลื่อนลงไปด้านล่างเพื่ออ่านคอมเมนต์
คอมเมนต์ด้านล่างพูดเยินยอลี่จิ่วเหิง
“รีบส่งที่อยู่มา ฉันจะไปหาหมอ”
“ปีหน้าสอบเข้ามหาลัย รู้สึกกดดันมากเลย ขอที่อยู่คลินิกหน่อย”
“ฉันก็อยากได้……”
“จิตแพทย์คนนี้ ไม่ใช่แค่หน้าตาดีเท่านั้น แต่เขายังจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยา!ได้ยินว่ายังโสดด้วยนะ!”
เมื่อมู่นวลนวลเห็นคอมเมนต์นี้ก็กลับไปดูที่โพสต์หลัก และแน่นอนว่าเธอเห็นข้อมูลเพิ่มเติม
“สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงมากในด้านจิตวิทยาทั้งในและต่างประเทศ……หน้าตาดีและโดดเด่นมาก……”
มู่นวลนวลหันไปมองลี่จิ่วเหิงด้วยความประหลาดใจ
และในตอนนี้ลี่จิ่วเหิงก็จอดรถพอดี
“ถึงแล้ว”
เขาหันไปเห็นมู่นวลนวลที่กำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าที่ดูประหลาดใจ
ลี่จิ่วเหิงจ้องมองเธอ:“เป็นอะไร?”
หลังจากพูดจบเขาก็จ้องมองโทรศัพท์ของมู่นวลนวล แล้วยิ้มด้วยสีหน้าที่ดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย:“ก่อนหน้านี้ผมบอกกับผู้ช่วยว่าช่วงนี้ที่คลินิกมีเด็กเยอะ และเดิมทีก็เป็นอย่างนี้”
มู่นวลนวลยกโทรศัพท์ให้เขาอย่างเปิดเผย:“พวกเขาเยินยอคุณ”
ลี่จิ่วเหิงหัวเราะเบาๆ และไม่พูดอะไร
ทั้งสองคนลงจากรถ และทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปในร้านอาหาร มีรถสีดำคันหนึ่งค่อยๆขับแซงไป
รถสีคันนั้นดำจอดข้างๆกับรถของลี่จิ่วเหิง
หน้าต่างของรถค่อยๆลดลง และเผยให้เห็นใบหน้าที่แต่งหน้าจัดของมู่หวันฉี
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา หลังจากการตายของซือเฉิงยวี่ และในช่วงครึ่งปีแรกเธอใช้ชีวิตอย่างสำมะเลเทเมา และนับครั้งไม่ถ้วนที่เธออยากจะไปอยู่เป็นเพื่อนซือเฉิงยวี่
สิ่งที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็คือความตั้งใจที่จะแก้แค้นให้ซือเฉิงยวี่
เธอคิดว่ามู่นวลนวลตายไปแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่ามู่นวลนวลจะดวงดี และยังไม่ตาย
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอพยายามทุกวิถีทางที่จะแก้แค้นโม่ถิงเซียว แต่เธอไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้โม่ถิงเซียวเลย
ในเมื่อมู่นวลนวลยังมีชีวิตอยู่ เธอจึงเลือกที่จะลงมือกับมู่นวลนวลก่อน
เมื่อมู่หวันฉีคิดอย่างนี้แล้วก็แบะปากยิ้มอย่างชั่วร้าย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอถ่ายหนังอย่างหนัก และสภาพร่างกายของเธอก็แย่ลงไปเรื่อยๆ และแน่นอนว่าสีผิวของเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก
ทุกวันเธอต้องมาแป้งหนามาก เพื่อปกปิดใบหน้าที่แห้งและไม่มีเลือดฝาด
เธอแต่งหน้าจัดเกินไป เวลายิ้มทำให้ดูน่ากลัว
มู่หวันฉีเงยหน้าขึ้นมองกล้องที่อยู่ไม่ไกล และพบว่าที่ตรงนี้เป็นจุดบอดที่กล้องไม่สามารถจับภาพได้
แต่เธอก็ยังคงระมัดระวังตัวมาก เธอปลอมตัวด้วยหมวกและเสื้อคลุม เมื่อลงจากรถเธอก็เอาคีมและกรรไกรเดินไปที่รถของลี่จิ่วเหิง
……
ในร้านอาหาร
ทันทีที่มู่นวลนวลสั่งอาหารเสร็จ เธอก็ได้รับรูปถ่ายจากเซินเหลียง
เซินเหลียงส่งรูปถ่ายเมื่อก่อนของทั้งสองคนมาให้เธอ
ในรูปเธอดูอายุน้อยและมีราศีมากกว่าตอนนี้
“กำลังดูอะไรอยู่?” ลี่จิ่วเหิงเงยหน้าขึ้นมามอง
มู่นวลนวลยื่นโทรศัพท์ให้เขา:“เสี่ยวเหลียงส่งรูปมาให้ฉัน”
ลี่จิ่วเหิงหยิบโทรศัพท์มาดู จากนั้นก็เลื่อนดูไปมาและเห็นรูปเมื่อก่อนที่มู่นวลนวลขี้เหร่ แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและพูดว่า:“ดูเหมือนชีวิตเมื่อก่อนของคุณจะมีสีสันมาก”
“ หมายความว่าไง?” มู่นวลนวลรับโทรศัพท์และเอามาดู และเมื่อเห็นรูปด้านบนเธอก็แปลกใจ
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เธอคือมู่นวลนวล ต่อให้เธอเป็นคนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็อยากรู้เกี่ยวกับชีวิตเมื่อก่อนของตัวเอง
เธอมีพี่สาวพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่ที่เกลียดเธอเข้ากระดูก คนในครอบครัวไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอ และเมื่อก่อนเธอก็ขี้เหร่ พ่อของลูกสาวเธอเป็นประธานของโม่กรุ๊ป……
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับเธอจริงๆหรอ?
มู่นวลนวลจ้องมองรูปนั้น เธอพยักหน้าเห็นด้วยและพูดพึมพำ:“จริงๆ……มันดูมีสีสันมากมายหลากหลายไปหน่อย”