ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 391 คืนความบริสุทธิ์ให้เธอ

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

เธอหันไปมองและพบว่าโม่ถิงเซียวลดกระจกรถลงทั้งหมด

ลมพัดเย็นๆเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดไว้ และกลิ่นควันในรถก็หายไปอย่างรวดเร็ว

มู่นวลนวลใจสั่นเล็กน้อยและหันไปมองที่โม่ถิงเซียว

โม่ถิงเซียวขับรถโดยไม่เหล่ตามองและไม่แสดงออกใดๆ ท่าทีของเขาก็ดูเย็นชา

บางทีเขาอาจจะรู้สึกร้อนนิดหน่อย

ไม่นานโม่ถิงเซียวก็จอดรถ

ทันทีที่จอดรถก็มีคนมาเปิดประตูรถให้โม่ถิงเซียว ในขณะที่มู่นวลนวลดึงประตูแล้วลงจากรถด้วยตัวเอง

ซือเย่กล่าวทักทาย:“คุณชาย”

เห็นได้ชัดว่าเขารออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นมู่นวลนวล เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยและส่งเสียงเรียก:“คุณมู่”

หลังจากนั้นเขาก็เดินไปอยู่ด้านหลังของโม่ถิงเซียว และในขณะที่เดินเข้าไปข้างในเขากระซิบบางอย่างกับโม่ถิงเซียว

มู่นวลนวลที่อยู่ข้างๆก็กำมือแน่นด้วยความประหม่า

เธอเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้องทำงาน หมอพูดกับโม่ถิงเซียวสองสามคำ จากนั้นก็นำรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอออกมา

หมอพูดคำศัพท์วิชาชีพยาวๆ มู่นวลนวลฟังไม่เข้าใจเลย

โม่ถิงเซียวเหลือบมองไปที่มู่นวลนวล และเคาะนิ้วยาวๆของเขาบนที่เท้าแขนของเก้าอี้สองครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงสงบ:“พูดมาตรงๆเลย”

หมอจึงรีบพูดว่า:“คุณมู่กับลูกไม่มีความความสัมพันธ์กันทางสายเลือด”

“ไม่มีความความสัมพันธ์กันทางสายเลือด?” มู่นวลนวลสีหน้าเปลี่ยน หรือว่าเซินเหลียงจะโกหกเธอ?

เธอหันไปมองโม่ถิงเซียวโดยไม่รู้ตัว

โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ตรงนั่นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง และหยุดการการเคลื่อนไหว เขาไม่สบายอกสบายใจเหมือนก่อนหน้านี้

ต่อมาเขาก็หันหน้าไปมองซือเย่:“พาคุณมู่ไปส่ง”

น้ำเสียงของเขาเย็นชากว่าปกติด้วยความเร่งรีบ

ซือเย่รู้สึกสับสนเล็กน้อยกับผลการตรวจดีเอ็นเอ ตามหลักแล้วผลการตรวจดีเอ็นเอนั้นจะไม่มีความผิดพลาด เป็นไปได้ยังไงที่จะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด?

แม้ว่าในใจเขาจะรู้สึกงงงวย แต่ท่าทางเคร่งขรึมของโม่ถิงเซียว ทำให้เขาต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วและเตรียมที่จะพามู่นวลนวลออกไป

“คุณมู่ เชิญครับ” ซือเย่หันไปมองมู่นวลนวล และทำท่าทางเชิญให้ออกไป

มู่นวลนวลตกตะลึง

เซินเหลียงไม่มีทางโกหกเธอ

มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?

เช่นเดียวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเธอกับลี่จิ่วเหิง มีใครบางคนจงใจทำให้เกิดเรื่องขึ้น?

แต่ใครจะกล้าลงมือภายใต้เปลือกตาของโม่ถิงเซียว?

มู่นวลไม่ได้ออกไปในทันที แต่พูดด้วยสีหน้าที่ยุ่งเหยิง:“คุณโม่!”

ท่าทางของโม่ถิงเซียวกลับสู่ความสบายอกสบายใจอย่างเดิม เขาไม่สนใจเธอ และพูดเขากับซือเย่ว่า:“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอ?”

มู่นวลนวลไม่เชื่อว่าเซินเหลียงจะโกหกเธอ และพยายามที่จะอธิบาย:“ฉันคิดว่าเรื่องนี้อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน คุณ……”

โม่ถิงเซียวไม่ได้สนใจจะฟังที่เธอพูด แต่ก้มลงไปอ่านรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอ

เมื่อมู่นวลนวลเห็นอย่างนั้นก็โกรธมาก จึงตะโกนใส่เขา:“โม่ถิงเซียว!”

ผู้ชายคนนั้นหยุดชะงัก แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น

มู่นวลนวลอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ได้ยินซือเย่พูดว่า:“คุณมู่ เชิญออกไปข้างนอกกับผม”

มู่นวลนวลจึงทำได้เพียงเดินตามซือเย่ออกไป

ซือเย่เดินไปอย่างรวดเร็ว มู่นวลนวลเดินไปพลางพูดไปพลาง:“ผู้ช่วยซือ ผลการตรวจดีเอ็นเอมีปัญหารึเปล่า?คุณกับเซินเหลียงเป็นเพื่อนกัน คุณก็น่าจะรู้”

“ผลการตรวจดีเอ็นเอนี้มีปัญหาหรือไม่ ในใจคุณชายรู้ดี”

ซือเย่พามู่นวลนวลเดินออกไปทางประตูหลัง แล้วออกจากโรงพยาบาล

เมื่อซือเย่ออกมาก็เรียกให้รถมาที่ประตูหลัง และสักพักรถก็มา

เขาทำตามคำสั่งของโม่ถิงเซียวและส่งมู่นวลนวลขึ้นรถ จากนั้นก็กลับไปที่ห้องทำงานของหมอ

เมื่อเขาเข้าไปก็เห็นว่าในห้องทำงานมีคนอยู่หลายคน

โม่ถิงเซียวยังคงอยู่ในท่าทางสบายๆ และนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย

โม่จิ่นหยุนก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้ารายงานผลการตรวจดีเอ็นเอในมือของโม่ถิงเซียว:“นายหมายความว่าไง?นายคิดว่าฉันโกหกนายหรอ?นายเชื่อคนอื่น แต่ไม่เชื่อฉัน?”

สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ และหลังจากที่พูดจบเธอก็โยนรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอลงบนโต๊ะทำงานของหมอ

หมอออกไปสักพักแล้ว ในห้องมีเพียงโม่ถิงเซียวกับโม่จิ่นหยุนสองคนพี่น้อง และบอดี้การ์ดที่โม่จิ่นหยุนพามาสองสามคน

ซือเย่หยุดชะงักแล้วเดินเข้าไป:“คุณชาย”

โม่ถิงเซียวลุกขึ้นยืนและจัดเสื้อผ้าองตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็พูดกับซือเย่ว่า:“ไปเถอะ”

แน่นอนว่าโม่จิ่นหยุนจะไม่ปล่อยให้พวกเขาไปง่ายๆ

สายตาของเธอจ้องมองไปที่ซือเย่ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี:“ที่แท้ก็เป็นแก!”

คราวก่อนที่เจอกันที่โม่กรุ๊ป ในตอนนั้นเธอนึกไม่ออกว่าเป็นใคร

แต่หลังจากไปคิดดูแล้วก็จำได้ว่านี่คือซือเย่ที่เป็นผู้ช่วยของโม่ถิงเซียวเมื่อก่อน

ในความคิดของเธอลูกน้องเหล่านี้ล้วนทำสิ่งต่างๆด้วยเงิน เธอไม่คิดว่าผ่านไปสามปีแล้ว ซือเย่จะกลับมาทำงานให้โม่ถิงเซียวอีก

เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ

ซือเย่รู้เรื่องในปีนั้นเป็นอย่างดี ถ้าเขาพูดอะไรบางอย่างกับโม่ถิงเซียว แล้วโม่ถิงเซียวเชื่อ วันดีๆของเธอก็คงจะสิ้นสุดลง

แต่โม่ถิงเซียวก็ยังสงบนิ่ง นอกจากสองวันก่อนที่มีลูกน้องมาบอกเธอว่าโม่ถิงเซียวมาทำการตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาล

มู่นวลนวลตายไปแล้ว

ตราบใดที่โม่ถิงเซียวยังจำอดีตไม่ได้ และการตายนั้นก็ไม่หลักฐาน เธอยังจะต้องกลัวอะไรอีก?

ซือเย่หลบตาลงเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“คุณโม่”

“เป็นเพราะนายฟังที่คนพวกนี้พูดก็เลยย้ายออกจากบ้านเก่า?แต่ฉันเป็นพี่สาวแท้ๆของนาย ซูเหมียนก็เป็นแม่แท้ๆของลูกนาย นี่คือสิ่งที่นายทำแบบนี้กับพวกเราหรอ!”

ใบหน้าของโม่จิ่นหยุนเต็มไปด้วยความโกรธ และดูเหมือนว่าเธอจะถูกโม่ถิงเซียวทำร้ายจิตใจ

โม่ถิงเซียวไม่แสดงท่าทีใดๆและพูดอย่างสบายๆว่า:“งั้นเธอบอกฉันว่ามู่นวลนวลเป็นใคร?”

“เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หวังจะได้สูงส่งก็เท่านั้น” โม่จิ่นหยุนพดถึงมู่นวลนวลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

โม่ถิงเซียวยื่นมือออกและดึงเน็คไทของตัวเอง และแววตาของเขาก็อึมครึ้มเล็กน้อย

คนที่คุ้นเคยกับเขาจะรู้ว่าเมื่อโม่ถิงเซียวโกรธจะมีการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆ และไม่ได้สะดุดตามากนัก

โม่ถิงเซียวหัวเราะเยาะ:“แต่มีคนบอกว่าเธอไม่ใช่แม่แท้ๆของมู่มู่”

โม่จิ่นหยุนดูเหมือนจะได้ยินเรื่องตลกแล้วเธอก็หัวเราะ จากนั้นก็ยื่นนิ้วไปชี้ที่ซือเย่:“เขาบอกหรอ?หรือว่ากูจื่อหยานบอก?”

โม่ถิงเซียวเชิดคางขึ้น แล้วพูดอย่างชะล่าใจว่า:“พวกคุณทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง งั้นก็ให้ซูเหมียนกับมู่มู่ทำการตรวจดีเอ็นเอ ให้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์ ฉันจะคืนความบริสุทธิ์ให้เธอ เธอจะได้ไม่ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม”

ในประโยคสุดท้าย เสียงของโม่ถิงเซียวนั้นนุ่มนวลมาก

โม่ติ่นหยุนสีหน้าตกตะลึง และในไม่กี่วินาทีเธอก็มีการตอบสนอง:“ไม่จำเป็นต้องทำการตรวจดีเอ็นเอ มู่มู่ก็เป็นลูกสาวของซูเหมียน”

โม่ถิงเซียวไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไร เขาค่อยๆลุกขึ้น:“ถึงตอนนั้น ฉันจะให้คนมาจัดการเรื่องนี้เอง”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท