มู่นวลนวลพยักหน้าให้ลี่จิ่วเหิง
ก่อนที่ลี่จิ่วเหิงจะออกไป เขาเหลือบมองไปที่โม่ถิงเซียวอีกครั้งอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ออกไป
หลังจากที่ลี่จิ่วเหิงออกไป ซือเย่ก็พาบอดี้การ์ดออกไปเช่ากัน
เมื่อมู่นวลนวลได้สติกลับมา เธอก็พบว่าในห้องโถงมีเพียงเธอกับโม่ถิงเซียวแค่สองคน
โม่ถิงเซียวนั่งอยู่บนโซฟาและจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาได้ แววตาของเขาทำให้คนต้องขบคิด เขาจ้องเธออย่างไม่กระพริบตาจนรู้สึกไม่สบายใจและกดดันมาก
มู่นวลนวลลูบแขนของตัวเองอย่างไม่รู้ตัวและเรียกเขา:“คุณโม่”
โม่ถิงเซียวยื่นมือออกมาและชี้ไปที่รายงานการผลการตรวจดีเอ็นเอที่เขาโยนลงตรงหน้าโม่จิ่นหยุนก่อนหน้านี้ และพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า:“ดูเอาเอง”
โชคดีที่ก่อนหน้านี้โม่จิ่นหยุนนั่งอยู่ตรงข้ามโม่ถิงเซียว
เมื่อกี้มู่นวลนวลได้ยินที่พวกเขาคุยกันและเข้าใจคร่าวๆแล้ว
แต่เมื่อเห็นรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอ เธอก็ยังแปลกใจเล็กน้อย
เธอเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของโม่มู่จริงๆ
มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองโม่ถิงเซียว
เธอเคยตั้งท้องลูกกับผู้ชายคนนี้
จริงๆแล้ว……มันเหลือเชื่อมาก
เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นว่าเธอเงยหน้ามามอง เขาก็พูดว่า:“ดูเข้าใจแล้วหรอ?”
มู่นวลพยักหน้าและถามว่า:“รายงานผลการตรวจดีเอ็นเอครั้งก่อน……ถูกคุณโม่จัดทำขึ้นมาหรอ?”
โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วและไม่ได้ตอบคำถามของเธอเพื่อบอกเป็นนัยๆ
เขามองไปที่มู่นวลนวลและพูดด้วยน้ำเสียงสั่งการ:“ให้เวลาคุณสามวัน……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็หยุดไปชั่วขณะและพูดว่า:“ไม่ ให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมง ในการจัดการกับความสัมพันธ์ของคุณกับผู้ชายแซ่ลี่ที่อยู่ข้างนอกนั่น”
โม่ถิงเซียวไม่รู้ว่ามู่นวลนวลกับลี่จิ่วเหิงเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา และลี่จิ่วเหิงก็เป็นฝ่ายยอมรับว่าเขาไม่ใช่คู่หมั้นของมู่นวลนวล
“หมายความว่าไง?”
เมื่อมองคำพูดของโม่ถิงเซียว ทุกคำเธอล้วนแต่เข้าใจ แต่เธอไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
โม่ถิงเซียวยกกรามขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะผิดหวังเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของมู่นวลนวลและอธิบายอย่างไม่อดทนว่า:“คุณเป็นแม่แท้ๆของมู่มู่ เธอชอบคุณมาก เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับพวกเรา”
สิ่งที่เขาพูดฟังดูแล้วก็มีเหตุผล และมันก็ทำให้รู้สึกว่ามีประโยชน์ แต่มีบางอย่างที่ได้ฟังแล้วมู่นวลนวลไม่พอใจ
“ทำไมถึงให้ฉันกับพวกคุณใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน?ความสัมพันธ์สามีภรรยาของเราถูกคุณโม่ยกเลิกไปแล้ว ตอนนี้เราจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน และแม้ว่าเราจะยังเป็นสามีภรรยากัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของเรา ไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน”
คำตอบของมู่นวลนวลเป็นสิ่งที่โม่ถิงเซียวไใาได้คาดคิดไว้
เห็นได้ชัดว่าแววตาของเขาดูโกรธเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า:“ที่คุณมู่พูดก็มีเหตุผล คำพูดของคุณก็ชัดเจนดี ต่อไปคุณอาจจะไม่ได้เจอมู่มู่ก็ได้”
มู่นวลนวลลุกขึ้นยืนและพูดด้วยความโกรธ:“โม่ถิงเซียว!”
ผู้ชายคนนี้ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
เขาเผด็จการเกินไปและยากที่จะยอมเชื่อฟังคนอื่น
“ถ้าคุณมู่คิดดีแล้ว ตอนนี้คุณก็ไปจัดการกับความสัมพันธ์ของคุณกับคุณลี่ได้เลย ถ้าคุณไม่สามารถจัดการได้ ดูท่าในฐานะที่เคยเป็นสามีภรรยากัน ผมจะไปจัดการแทน”
หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดจบ เขาก็ยกข้อมือขึ้นและดูเวลา:“ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองยี่สิบเก้านาที ดังนั้นเมื่อถึงเวลาบ่ายสองห้าสิบเก้านาที ผมต้องได้รับคำตอบจากคุณ”
มู่นวลนวลอ้าปากค้างและยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินโม่ถิงเซียวพูดอีกว่า:“ถ้าคุณไม่มีอะไรจะเจรจาที่จะให้คุณมาอยู่กับผม และเป็นเพราะมู่มู่ก็ชอบคุณ คุณก็สามารถปฏิเสธได้เลยนะ”
โม่ถิงเซียวพูดอย่างเมินเฉยและไม่มีทางหนีทีไล่เลยสักนิด
เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลยืนนิ่ง โม่ถิงเซียวก็ไม่ลืมที่จะบอกเวลากับเธอ:“บ่ายสองสามสิบเอ็ดนาที คุณยังมีเวลาอีกยี่สิบแปดนาที”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องยากที่ความสมเหตุสมผลจะออกมาจากปากของโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลจึงทำได้เพียงหันหลังและเดินออกไปหาลี่จิ่วเหิง
ลี่จิ่วเหิงยืนพิงทางเดินด้านนอกและสูบบุหรี่ เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลเดินมา เขาก็วางบุหรี่ลงในกระถางดอกไม้ข้างๆ:“เป็นอะไร?”
เมื่อเทียบกับโม่ถิงเซียวแล้วลี่จิ่วเหิงก็ดูใจดีกับมู่นวลนวลกว่าเล็กน้อย
เธอไม่ได้พูดวกไปวนมา:“โม่ถิงเซียวให้ฉันจัดการความสัมพันธ์ของฉันกับคุณ หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่กับเขาและมู่มู่ ฉันไม่มีสิทธิ์เลือก ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้ฉันเจอมู่มู่”
ลี่จิ่วเหิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เขาถามว่า:“คุณคิดยังไง?”
“โม่ถิงเซียวนิสัยแย่มาก ฉันสงสัยจริงๆว่าตอนนั้นตัวเองแต่งงานกับเขาได้ยังไง!” มู่นวลนวลยื่นมือมาลูบผมของตัวเองด้วยความหงุดหงิด
ลี่จิ่วเหิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างชะล่าใจ:“โม่ถิงเซียวพูดคำไหนคำนั้น เขาบอกว่าจะไม่ให้คุณเจอมู่มู่ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ให้โอกาสคุณได้เจอกับมู่มู่ คุณอยากจำเรื่องเมื่อก่อนได้ไม่ใช่หรอ?บางทีการที่คุณใช้ชีวิตอยู่กับเขา คุณอาจจะจำเรื่องเมื่อก่อนได้ก็ได้?”
มู่นวลนวลมองไปที่ลี่จิ่วเหิงด้วยความประหลาดใจ:“คุณพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฉันตอบตกลงกับโม่ถิงเซียว?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ลี่จิ่วเหิงยิ้มมุมปากและส่ายหัวพูดว่า:“อีกอย่าง คุณเองก้ไม่มีทางเลือกโม่ถิงเซียวคนนี้ยากที่จะขบคิด และเธอก็ตัดใจทิ้งมู่มู่ไม่ลง ดังนั้นการที่คุณตอบตกลงกับเขาก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
มู่นวลนวลรู้ว่าที่ลี่จิ่วเหิงพูดนั้นมีเหตุผล แต่เธอก็รู้สึกอึดอัดใจ
“เขากำลังข่มขู่ฉัน” หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็หัวเราะเยาะตัวเอง:“ไม่นับว่าเป็นการข่มขู่ เดิมทีฉันก็ไม่มีทางเลือก”
เธอหลับไปสามปี และโม่ถิงเซียวก็ดูแลมู่มู่มาตลอดสามปี
ตอนนี้โม่ถิงเซียวขอแบบนี้และดูเหมือนจะเป็นการข่มขู่มู่นวลนวล แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ
โม่ถิงเซียวรักโม่มู่ และมู่นวลนวลก็เป็นแม่แท้ๆของโม่มู่ เดิมทีเธอก็มีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบดูแลและอยู่เป็นเพื่อนโม่มู่
เมื่อลี่จิวเหิงได้ยินอย่างนั้นก็มองไปที่เธออย่างนิ่งสงบ จากนั้นก็ยิ้มและละสายตา:“คิดดีแล้วก็เข้าไปเถอะ”
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันกลับเข้าไป
ลี่จิ่วเหิงมองไปที่ด้านหลังของเธอ ใบหน้าของเธอจางหายไปอย่างสมบูรณ์และไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
……
เมื่อมู่นวลนวลกลับที่ห้องโถง เธอก็ต้องประหลาดใจกับท่าทางที่ไม่เปลี่ยนไปเลยของโม่ถิงเซียว
เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นเธอเดินเข้ามาก็ก้มลงดูเวลา:“ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาที ดูเหมือนว่าคุณมู่จะมีความสามารถมาก”
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ และไม่แสดสีหน้าใดๆ:“จะให้ฉันย้ายไปบ้านคุณเมื่อไหร่?”
น้ำเสียงนี้ดูไม่คุ้น
โม่ถิงเซียวหรี่ตาลง:“ตอนนี้เลย”
มู่นวลนวลกัดฟัน:“โอเค แต่ฉันต้องการเวลากลับไปเก็บข้าวของสักหน่อย”
“ไม่ต้องเก็บแล้ว” โม่ถิงเซียวลุกขึ้นยืน และจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง:“ของที่คุณต้องการ จะมีคนจัดเตรียมให้คุณ”