ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 394 เธอก็ยังคงเป็นแม่ของลูกผม

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ไม่เพียงแค่พวกเขาประหลาดใจที่เธอยังมีชีวิตอยู่เหมือนกัน แต่น้ำเสียงของเซินเหลียงกับกูจื่อหยานตอนที่พวกเขาเจอเธอครั้งแรกนั้น เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยเจตนาดี

แต่น้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้ากับน้ำเสียงของมู่หวันฉีนั้นเหมือนกัน

ไม่ว่าจะเป็นมู่หวันฉีหรือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า มู่นวลนวลก็สามารถฟังนัยยะที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้นออก:“เธอควรจะตายไปตั้งนานแล้ว”

ผู้หญิงตรงหน้าก็ดูเหมือนจะเกลียดเธอเช่นกัน

มู่นวลนวลจำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร แต่เมื่อเห็นว่าเธอกับโม่ถิงเซียวนั้นคล้ายคลึงกันมาก และยังมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น จนเดาได้ว่าเธอเป็นคนในตระกูลโม่เช่นกัน

มู่นวลนวลพยักหน้าเล็กน้อย และพูดอย่างวางตัว:“คุณโม่

เมื่อโม่จิ่นหยุนได้ยินเธอเรียกว่า “คุณโม่”

ในใจเธอมู่นวลนวลเป็นคนที่ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับยังมีชีวิตอยู่และยังถูกโม่ถิงเซียวพากลับมา

เธอประหลาดใจ โกรธและหวาดกลัวมาก

“ถิงเซียว ฉันเป็นพี่สาวของนาย เรามีสายเลือดเดียวกัน ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ทั้งหมดก็เพื่อนาย เพื่อตระกูลโม่”

จนถึงตอนนี้โม่จิ่นหยุนก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว

เธอคิดในแง่ดีว่าในใจของโม่ถิงเซียวจะมีที่ให้เธอบ้าง

โม่ถิงเซียวไม่ยิ้มและดูไม่โกรธมากนัก เขายกมือขึ้นเพื่อบอกใบ้ให้คนรับใช้พาโม่มู่ออกไป

ก่อนหน้านี้โม่มู่จดจ่ออยู่กับการเล่นของเล่น แต่เมื่อคนใช้อู้มเธอขึ้นมา เธอก็เห็นว่ามู่นวลนวลมา

เมื่อเธอเห็นมู่นวลนวล ดวงตาสีดำเหมือนองุ่นของโม่มู่ก็เป็นประกาย เธอดิ้นพล่านและอยากจะลงไปหามู่นวลนวล

“น้ามู่!”

คนรับใช้มองไปที่โม่ถิงเซียวด้วยสีหน้าลำบากใจ

มู่นวลนวลพูดโน้มน้าวเธออย่างอบอุ่น:“ตอนนี้ฉันยุ่งนิดหน่อย เธฮไปเล่นกับน้าคนอื่นๆสักครู่นะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปหาเธอ ดีไหม?”

สีหน้าของโม่มู่ดูผิดหวัง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจ แต่เธอก็คงพูดว่า:“ก็ได้ค่ะ”

เป็นเด็กดีและเข้าใจอะไรได้ง่าย จึงได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ

โม่มู่ถูกอุ้มออกไป และบรรยากาศในห้องโถงก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้น

ซือเย่ส่งรายงานผลตรวจดีเอ็นเอให้โม่ถิงเซียว และโม่ถิงเซียวก็โยนลงตรงหน้าโม่จิ่นหยุน:“พี่สาวแท้ๆ อธิบายสิว่าทำไมเธอถึงบอกฉันว่าซูเหมียนเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดมู่มู่”

แม้ว่าโม่จิ่นหยุนจะสังเกตเห็นนานแล้วว่าครั้งนี้โม่ถิงเซียวเอาจริง แต่ไม่คิดว่าเขาจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ และยังยังอยู่ต่อหน้ามู่นวลนวล

โม่จิ่นหยุนกำมือแน่น สีหน้าของเธอดูแย่มากยิ่งขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก:“ตอนนั้นฉัน……คิดว่ามู่นวลนวล……เธอตายไปแล้ว เด็กจะขาดแม่ไม่ได้ และนายก็จำเป็นต้องมีภรรยาสักคน ทุกสิ่งที่ฉันทำก็เพื่อนนาย นายเชื่อฉันนะ”

ในช่วงแรกเธอพูดลำบากนิดหน่อย แต่ยิ่งเธอพูดถึงช่วงหลังก็ยิ่งยิ่งราบรื่นขึ้น

โม่จิ่นหยุนยิ่งพูดก็ยิ่งประหม่า ยิ่งพูดก็ยิ่งแน่วแน่

แต่เมื่อเทียบกับความประหม่าของโม่จิ่นหยุนแล้ว โม่ถิงเซียวเย็นชากว่ามาก

เขามองโม่จิ่นหยุนอย่างเย็นชาและไม่แสดงท่าทีใดๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยเหมือนเยาะเย้ย:“ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยถามว่าเธอโกหกฉันรึเปล่า แล้วในตอนนั้นเธอบอกว่ายังไง?”

โม่จิ่นหยุนสีหน้าแข็งทื่อ

เธอเงยหน้าขึ้นมองโม่ถิงเซียวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ:“นายสงสัยฉันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว?นายหามู่นวลนวลเจอตั้งนานแล้วใช่ไหม?ที่ผ่านมานายไม่เคยเชื่อฉันเลยใช่ไหม?”

“ถ้าฉันไม่เคยเชื่อเธอ ฉันจะถูกเธอหลอกมาตั้งสามปีหรอ?”

ในที่สุดสีหน้าของโม่ถิงเซียวก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แววตาของเขาดูผิดหวังและพูดตัดพ้อว่า:“ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของฉันกับเธอเป็นยังไง แต่ฉันเคยให้โอกาสเธอแล้วนะ โม่จิ่นหยุน”

เขาเกิดช้ากว่าโม่จิ่นหยุนเพียงแค่สองนาที ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เขาก็ไม่เคยเรียกโม่จิ่นหยุนว่าพี่สาว

โม่จิ่นหยุนดูเหมือนจะหมดเรี่ยวแรง เธอนั่งเป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้นและไม่พูดอะไร

เธอรู้สึกว่าตัวเองยังรู้จักโม่ถิงเซียวไม่มากพอ

แต่เธอก็เข้าใจคำพูดตัดพ้อของโม่ถิงเซียว

เธอรู้ว่าเรื่องในตอนนี้ อาจเป็นต้นตอของความสัมพันธ์ที่เปราะบางของเธอกับโม่ถิงเซียว

อย่างไรก็ตามเธอแค่พยายามจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโม่ถิงเซียว

เธอคิดว่าโม่ถิงเซียวควรจะหาภรรยาที่เหมาะสมกับเขามากกว่านี้ เธอผิดหรอ?

ไม่ เธอไม่ได้ผิด

เป็นโม่ถิงเซียวที่หลงผิดอย่างกู่ไม่กลับ!

โม่จิ่นหยุนส่ายหัวและพูดอย่างไม่เต็มใจ:“ถิงเซียว นายถูกผีเข้าจนสติเลอะเลือนไปแล้ว!”

เธอรีบลุกขึ้นยืนชี้แล้วไปที่มู่นวลนวลอย่างลุกลี้ลุกลนแล้วพูดว่า:“ผู้หญิงนนี้มีดีตรงไหน?เดิมทีเธอก็ไม่คู่ควรกับนายเลย!สามปีก่อนนายก็เป็นอย่างนี้ และสามปีที่นายสูญเสียความทรงจำ ทำไมนายก็ยังเป็นอย่างนี้ นาย……”

มีความอดทนในสายตาของโม่ถิงเซียวและเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะมองเธอ

ซือเย่ขยิบตาให้บอดี้การ์ด จากนั้นก็มีคนมาพาโม่จิ่นหยุนออกไป

โม่กรุ๊ปเป็นตระกูลนักธุรกิจ ผู้ที่มีอำนาจบริหารถึงจะเป็นผู้ที่มีอำนาจสั่งการได้มากที่สุด

ตอนนี้ประธานบริหารสูงสุดของโม่กรุ๊ปก็คือโม่ถิงเซียว และแน่นอนว่าเขามีตำแหน่งสูงที่สุดในตระกูลโม่ แม้ว่าตำแหน่งของโม่จิ่นหยุนจะต่ำกว่าเขาเพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ใช่ทายาท

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ โม่จิ่นหยุนก็ต้องฟังโม่ถิงเซียว แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโม่ถิงเซียวก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก

หลังจากที่โม่จิ่นหยุนออกไป ในห้องโถงก็มีเพียงโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลและลี่จิ่วเหิง

โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองลี่จิ่วเหิงด้วยสายตาที่เคร่งขรึม:“คุณลี่ เรื่องที่ภรรยาของผมกลายเป็นคู่หมั้นของคุณ คุณมีอะไรอยากจะอธิบายไหม?”

ลี่จิ่วเหิงเบ้ปากและยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์:“ภรรยาของคุณ?พี่สาวที่แสนดีคนนั้นของคุณมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย เธอไม่ได้ดำเนินการหย่าร้างแทนคุณหรอ?”

ทันทีที่สิ้นเสียง มู่นวลนวลก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิในห้องดูเหมือนจะลดลงหลายองศา

เธอยื่นมือไปลูบแขนของตัวเองและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่อึมครึมของโม่ถิงเซียว แต่เธอก็ทำได้เพียงก้มหน้าลง

เธอรู้สึกได้ว่าลี่จิ่วเหิงจงใจยั่วโมโหโม่ถิงเซียว และดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวจะถูกเขายั่วโมโหจริงๆ

“หย่าแล้วยังไง?เธอก็ยังคงเป็นแม่ของลูกผม” โม่ถิงเซียวหรี่ตาเล็กน้อย:“คุณลี่ฉวยโอกาสตอนที่เธอตกอยู่ในความยากลำบาก และยังพูดได้เต็มปาก ช่างหาได้ยากจริงๆ”

“คุณโม่ตลกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนถูกพี่สาวแท้ๆของตัวเองหลอกได้น่าสงสารขนาดนี้ ช่างหาได้ยากจริงๆ” มีรอยยิ้มในน้ำเสียงของลี่จิ่วเหิง ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อน

ทั้งสองเผชิญหน้ากันและบรรยากาศในห้องโถงก็เริ่มตึงเครียด

โม่ถิงเซียวยิ้มเยาะ:“แล้วยังไง เหมือนคุณลี่ที่ไร้ญาติขาดมิตร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกหลอกเลย”

“เหอะ”

ลี่จิ่วเหิงหัวเราะและบีบเสียงออกมาจากลำคออย่างแรง ฟังดูก็รู้ว่าเขาโกรธ

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยืนขึ้นและหันหน้าไปมองมู่นวลนวล:“คุณคุยกับเขาเถอะ ผมจะออกไปสูดอากาศข้างนอก”

แม้ว่าเขาพยายามที่จะระงับความโกรธ แต่ใบหน้าที่ตึงเครียดของเขาก็ทรยศต่อเขา

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท