มู่นวลนวลยิ้มทื่อๆ:“ฉันรู้ว่าคุณโม่ร่ำรวยมาก แต่ฉันไม่ต้องให้คุณสิ้นเปลือง”
ตอนที่เธอพักอยู่กับลี่จิ่วเหิง เธอก็มีข้าวของในชีวิตประจำวันมากนัก แต่ก็ต้องเสียเงินไปไม่น้อย
ของเหล่านั้นยังใช้งานได้ ทำไมต้องทิ้ง
โม่ถิงเซียวมองไปที่เธอแล้วยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียงที่อธิบายไม่ถูก:“ไม่ใช้เงินของผม?แล้วคุณจะใช้เงินของลี่จิ่วเหิง สุภาพบุรุษจอมปลอมคนนั้น คณรจะได้สบายใจงั้นหรอ ?”
“คุณโม่ คุณกรุณาอย่าพูดเรื่องที่ไม่รู้แน่ชัด คุณกำลังมีเจตนาที่จะใส่ร้ายคนอื่น!”
มู่นวลนวลรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวคิดว่าตัวเองถูกมากเกินไป
เดิมทีลี่จิ่วเหิงก็ไม่ได้ทำผิดต่อเขา ส่วนเขาก็มุ่งเป้าไปที่ลี่จิ่วเหิงอย่างนี้หรอ?
พูดได้ว่าผู้ชายคนนี้บ้าระห่ำ และทำทุกอย่างตามใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร?
หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบก็ไม่ให้โอกาสโม่ถิงเซียวได้พูด เธอพูดเสริมว่า:“อีกอย่าง ฉันจะใช้เงินของใครก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
เธอใช้เงินของลี่จิ่วเหิง แต่เธอก็จดบันทึกค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงสามปีก่อนหน้านี้ เธอทำบัญชีไว้อย่างละเอียด
เธอรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินที่เธอพูด สีหน้าของเขาก็จมลง
ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด!
เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟังของโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลจึงไม่ให้โอกาสเขาได้พูดอีก และทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
โม่ถิงเซียวหันไปพูดด้วยความโกรธ:“มู่นวลนวล!”
มู่นวลนวลกำหมัดแน่น และค่อยๆสงบสติอารมณ์
หลังจากออกมาข้างนอก มู่นวลนวลกับลี่จิ่วเหิงก็พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์โดยทั่วไป
ลี่จิ่วเหิงยิ้มและบอกเธอว่า:“ไม่เป็นไร ของของคุณ ผมจะเก็บไว้ให้”
คำพูดนี้บังเอิญไปรึเปล่า โม่ถิงเซียวเดินออกมาจากข้างในและได้ยินพอดี
เขาเดินตรงเข้ามาและมองไปที่มู่นวลนวลด้วยสีหน้าเมอนเฉย:“ไม่อยากกลับไปเอาของหรอ?”
“หื้ม?” เมื่อกี้บอกว่าไม่ต้องกลับไปเอาไม่ใช่หรอ?
โม่ถิงเซียวเร่งรัดเธออย่างไม่สบอารมณ์:“ยังไม่รีบไปอีก?”
มู่นวลนวลเดินตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว
เธอเดินไปข้างหน้าได้สองก้าว แล้วหันไปมองลี่จิ่วเหิง
ลี่จิ่วเหิงยิ้มให้เธอและเดินตามไป
……
มู่นวลนวลยืนอยู่ในห้องโถงของบ้านลี่จิ่วเหิง เธอมองไปที่โม่ถิงเซียวสั่งให้ลูกน้องมาช่วยเธอขนของด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
ธุรกิจข้ามชาติของโม่กรุ๊ปมีขนาดใหญ่ ประธานอย่างโม่ถิงเซียวว่างมากหรอ?
หรือว่าโม่กรุ๊ปจะก้าวกระโดด
เธอบอกว่าไม่มีข้าวของอะไร แต่โม่ถิงเซียวก็ยังพาคนมาช่วยเธอขนของ
เมื่อเห็นลูกน้องของเขายืนอยู่ในห้องอย่างทำอะไรไม่ถูก มู่นวลนวลก็ทนดูไม่ได้ จึงพูดว่า:“ฉันทำเองดีกว่า มีแต่ของส่วนตัวทั้งนั้น……”
และไม่โทษพวกเขาที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะเธอไม่ได้มีข้าวของอะไรมากมาย
โม่ถิงเซียวยืนกวาดสายตามองอยู่ที่ประตู และเห็นว่ามีเพียงร่องรอยของมู่นวลนวลคนเดียวที่พักอยู่ในห้อง
เขาถามอย่างไม่สนใจว่า:“ลี่จิ่วเหิงพักอยู่ที่ไหน?”
มู่นวลนวลกำลังเห็บข้าวของของตัวเองและพูดอย่างไม่ใส่ใจ:“เขาพักอยู่ที่ห้องของตัวเอง”
โม่ถิงเซียวไต่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและไม่พูดอะไรอีก
หลังจากมู่นวลนวลจัดเก็บข้าวของเรียบร้อยและออกมา ก็ถูกลูกน้องของโม่ถิงเซียวลากกระเป๋าและเดินตรงเข้าไปในลิฟต์
มู่นวลนวลถามโม่ถิงเซียว:“ไม่ใช่พักอยู่ตรงข้ามหรอ?”
โม่ถิงเซียวเหลือบมองเธอและพูดอย่างใจเย็น:“เล็กเกินไป อยู่ไม่ได้”
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากและไม่มีอะไรจะพูด
คอนโดระดับไฮเอนด์แห่งนี้ เต็มไปด้วยอาคารดูเพล็กซ์ซึ่งไม่เล็กเลย
โม่ถิงเซียวก็เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นาน และต้องย้ายอีกแล้ว……
บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะรวยมาก
ในที่สุดรถก็มาหยุดที่หน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
มู่นวลนวลยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ และเข้าใจว่าทำไมโม่ถิงเซียวถึงบอกว่าคอนโดนั้นเล็กเกินกว่าที่จะอยู่ได้
คฤหาสน์ในสวนนี้มีสี่ชั้น มีลานบ้านที่กว้างขวาง และมีคนรับใช้กับบอดี้การ์ด
เมื่อเดินเข้าไปคนรับใช้และบอดี้การ์ดก็ยืนเรียงแถวทั้งสองข้างแล้วโค้งตัวลง:“คุณชาย!”
มู่นวลนวลเดินตามหลังโม่ถิงเซียวเข้าไป
ก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้าไปในห้องโถง เจ้าก้อนกลมก็รีบเดินออกมาจากด้านใน
โม่ถิงเซียวเดินอยู่ข้างหน้ามู่นวลนวล และเมื่อเห็นเจ้าก้อนกลมเดินเข้ามา เขาก็หยุดเดินและยื่นมือออกไปเตรียมจะรับเธอ……
แต่เจ้าก้อนกลมนั่นวิ่งผ่านด้านข้างเขาไป และพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของมู่นวลนวล
“น้ามู่!”
เด็กหญิงตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ และส่งเสียงเรียกเธอ
ทุกครั้งที่โม่มู่เห็นเธอก็จะกระตือรือร้น และทุกครั้งมู่นวลนวลก็จะรู้สึกมีความสุขและดีใจ
แต่ครั้งนี้เธอเสียใจมากจนอยากจะร้องไห้
“มู่มู่……”
มู่นวลนวลกอดเธอไว้แน่นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เธอควรจะบอกโม่มู่ยังไงดีว่าเธอไม่ใช่ “น้ามู่” แต่เธอคือ “แม่”
โม่ถิงเซียวหดมือของตัวเองกลับไป และหันหน้าไปมองมู่นวลนวลที่กำลังโม่มู่ด้วยดวงตาที่แดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ออกมา
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย คนรับใช้กำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ถูกเขาหยุดไว้ด้วยสายตา
หลังจากนั้นไม่นานโม่มู่ก็พูดก่อนว่า:“มันแน่นเกินไป”
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้นก็รีบปล่อยโม่มู่
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็อุ้มโม่มู่ขึ้นมา
เธอหันไปโดยไม่ตั้งใจและเห็นโมถิงเซียวกำลังจ้องมองพวกเขาทั้งสองคนด้วยสีหน้านิ่ง
“โม่ชิงเจียว” ทันทีที่โม่มู่เห็นโม่ถิงเซียว เธอก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาเพื่อขอให้เขาอุ้ม
โม่ถิงเซียวนึกถึงเมื่อตะกี้ที่โม่มู่วิ่งตรงเข้าไปในอ้อมแขนของมู่นวลนวล สีหน้าของเขามืดดำและหันเดินเข้าไปข้างใน
โม่มู่กระพริบตาและขมวดคิ้ว เธอหันไปถามมู่นวลนวลด้วยความงงงวย:“เขาโกรธ?”
มู่นวลนวลรู้สึกขบขันกับการขมวดคิ้วของคุณยายตัวน้อย:“เขาไม่โกรธหรอก เขาหึง”
เมื่อกี่มู่นวลนวลเดินตามหลังโม่ถิงเซียวมา และแน่นอนว่าสังเกตเห็นการกระทำของโม่ถิงเซียว เพียงแค่ตอนนี้เป็นการมองย้อนกลับไปเท่านั้น
โม่มู่ย่นจมูกด้วยสีหน้ารังเกียจ:“ทำไมถึงกินน้ำส้มสายชู เปรี้ยวๆ ”
มู่นวลนวลพูดอย่างเห็นด้วย:“ใช่ น้ำส้มสายชูเปรี้ยวๆ”
โม่มู่เป็นเด็กช่างพูดและพูดไม่รู้จบ
มู่นวลนวลฟังอย่างอดทนและพบว่าทักษะทางภาษาของโม่มู่นั่นแข็งแรงมาก และคำศัพท์ก็มีจำนวนมากเช่นกัน
ในตอนนี้สาวใช้คนหนึ่งก็เดินมาหามู่นวลนวล แล้วพูดด้วยความเคารพ:“คุณมู่ คุณชายให้ฉันพาคุณไปที่ห้องค่ะ”
มู่นวลนวลพยักหน้าเล็กน้อย:“ขอบคุณค่ะ”
สาวใช้พามู่นวลนวลขึ้นไปชั้นสอง และเปิดประตูห้อง จากนั้นก็ทำท่าทางเชิญให้เข้าไป:“ที่นี่ เชิญค่ะ”
มู่นวลนวลยืนอยู่ที่หน้าประตูและเหลือบไปมองด้วยใบหน้าที่แปลกใจเล็กน้อย:“นี่เป็นห้องของฉันหรอ?”
สาวใช้ยิ้มและพูดว่า:“ค่ะ คุณลองดูว่าต้องการอะไรอีกไหม และสามารถบอกฉันได้ตลอดเวลาเลยค่ะ”
หลังจากที่สาวใช้พูดจบก็จากไป
มู่นวลนวลพาโม่มู่เดินเข้าไป
ห้องนอนมีขนาดใหญ่ มีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มีระเบียงและมีห้องเก็บสัมภาระเล็กๆ