โม่ถิงเซียวไม่ได้ตอบกลับมู่นวลนวล สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดอย่างผิดปกติและจับมือของมู่นวลนวลไว้แน่น
ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเขาได้
เมื่อมู่นวลนวลเห็นอย่างนั้นก็ส่งเสียงเรียกอีกครั้ง:“โม่ถิงเซียว?”
เมื่อกี้ตอนที่เธอออกไปโม่ถิงเซียวก็ยังดีๆอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ?
โม่ถิงเซียวยังคงไม่พูดอะไร เขาหายใจหนักราวกับว่าพยายามระงับความเจ็บปวดไว้
“คุณปล่อยฉันก่อน ฉันจะไปเรียกคนให้มาช่วยพาคุณไปโรงพยาบาล!” มู่นวลนวลไม่สามรถสลัดมือของโม่ถิงเซียวออกได้ แต่กลับทำให้ตัวเองเหงื่อท่วมตัว
ใบหน้าของโม่ถิงเซียวซีดขาว เขาดูอ่อนแรง แต่ไม่รู้ว่าเขาเอาแรงที่ไหนมาดึงเธอไว้แน่น
มู่นวลนวลยืนมืออีกข้างไปตบเขาอย่างไม่เต็มใจ:“เฮ้?โม่ถิงเซียว?”
ไม่คิดว่าเขาจะยื่นมืออีกข้างออกมาคว้ามือของเธอไว้
เขาลืมตาขึ้นและพูดออกมาสามคำ:“เสียงดังจัง……”
มู่นวลนวลมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
ทั้งสองมือของเธอถูกโม่ถิงเซียวดึงไว้ ครึ่งตัวของเขานอนอยู่บนตักของเธอและเธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
โทรศัพท์ไม่ได้อยู่ข้างๆ และไม่มีคนรับใช้เดินผ่านมาหน้าประตูเลย
วันนี้ตั้งแต่เข้าประตูมา เธอไม่เคยเห็นคนรับใช้ขึ้นมาที่ชั้นสองเลย ถ้าเธอเดาไม่ผิดโม่ถิงเซียวน่าจะมีโลกส่วนตัวสูง ในสถานการณ์ปกติเขาจะไม่อนุญาตให้คนรับใช้ขึ้นมาชั้นบน
ไม่อย่างนั้นเมื่อตะกี้เธอคงไม่กลับมาช่วยเก็บชามให้เขา
มู่นวลนวลตะโกนไปทางประตู:“มีใครอยู่ไหม?โม่ถิงเซียวเป็นลม!คุณชายของพวกคุณเป็นลม!”
ตอนที่เธอเข้ามาและเห็นโม่ถิงเซียวเป็นอย่างนี้ เธอก็ไม่ทันได้ปิดประตู
คนรับใช้ที่อยู่ชั้นล่างคงจะได้ยินเธอ?
มู่นวลนวลไม่ทันได้รอให้คนรับใช้ขึ้นมา โม่ถิงเซียวที่อ่อนแรงก็พูดอย่างชัดเจน:“ถ้าคุณยังแอะอะอีก ผมจะโยนคุณออกไป”
มู่นวลนวลก้มหน้าและยกแขนทั้งสองข้างที่ถูกเขาจับไว้และพูดอย่างไม่สบอารมณ์:“ก่อนอื่นคุณต้องปล่อยฉันก่อน”
วินาทีต่อมาโม่ถิงเซียวก็ปล่อยมือของเธอ
ทันทีที่มือของเธอถูกปล่อย เธอก็ยันตัวเองลุกขึ้นยืน
แต่เป็นเพราะเมื่อกี้เธอคุกเข่าอยู่ที่พื้น และยังถูกโม่ถิงเซียวหนุนตักจนทำให้ขาของเธอชา
เธอลองดูและพบว่าเธอไม่สามารถยืนขึ้นได้ จึงทำได้เพียงเหยียดขาช้าๆ และนั่งลงบนพื้น
โม่ถิงเซียวดูผ่อนคลายกว่าเธอมาก
หลังจากที่เขาปล่อยเธอ เขาก็ดันพื้นแล้วลุกขึ้นยืน หน้าตาของเขาเปลี่ยนเป็นดุดันอีกครั้ง
และเหงื่อที่เปียกบนหน้าผากก็ทำให้เขาดูเย็นชามากขึ้น
โม่ถิงเซียวมองลงมาที่มู่นวลนวล:“คุณไปได้แล้ว”
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากและเลิกคิ้วมองเขา:“คุณชายโม่ ถ้าเป็นคนธรรมดาต้องพูดขอบคุณฉันนะ”
โม่ถิงเซียวยิ้มอย่างไม่แยแส และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“บังเอิญผมไม่ใช่คนธรรมดา”
มู่นวลนวลไม่มีอะไรจะพูด
เขาหยาบคายและเป็นคนที่เย่อหยิ่งอวดดี!
มู่นวลนวลไม่อยากจะเปลืองน้ำลายพูดกับเขาอีก จึงลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก ขาของเธอยังชาเล็กน้อย เธอพยุงเข่าและค่อยๆ ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย
ในวินาทีต่อมาตัวของเธอก็ลอยขึ้น มีคนอุ้มเธอขึ้นมา
มู่นวลนวลถูกเขาอุ้มขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เธอส่งเสียงอุทานสั้นๆ และยื่นมือไปโอบคอของโม่ถิงเซียวโดยไม่รู้ตัว
เธอจ้องมองไปที่โม่ถิงเซียว และโม่ถิงเซียวก็ชำเลืองมองเธอ จากนั้นก็ทำเสียงฮึออกมาจากจมูกเบาๆ แววตาแห่งความสำเร็จเปล่งประกายในดวงตาของเขาเหมือนเด็กที่ประสบความสำเร็จจากการเล่นตลก
ไร้เดียงสา!
มู่นวลนวลตัวแข็งทื่อและพูดว่า:“ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน คุณปล่อยฉันลงนะ”
“ที่ผ่านมามีลูกด้วยกันแล้ว ยังจะบอกผมว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน?” โม่ถิงเซียวอุ้มเธอออกไปและพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
มู่นวลนวลให้อภัย แต่ไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะหน้าไม่อายอย่างนี้
ในตอนนี้โม่ถิงเซียวอุ้มเธอไปที่ห้องข้างๆ
เขาไม่ได้ยกขาขึ้นปิดประตูที่เปิดอยู่ และเห็นโม่มู่อุ้มตุ๊กตาเสือน้อยปีนขึ้นมาจากชั้นล่าง
โม่มู่ยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของบันได เธอหายใจหอบ “ฮืดฮาด” ดวงตากลมโตของเธอหันไปมองโม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวล
หลังจากนั้นเธอก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ:“อุ้มหนูด้วยสิ”
มู่นวลนวลหน้าแดงและพูดข้างหูโม่ถิงเซียวแบาๆว่า:“รีบปล่อยฉันลง”
กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงกระจายไปที่ใบหูราวกับแมลงตัวเล็กๆ ที่คลานอยู่ที่ปลายหัวใจของเขา ทำให้เขารู้สึกเสียวซ่า
สิ่งที่ตามมาคือทันทีที่มือข้างหนึ่งที่อุ้มมู่นวลนวลไว้ผ่อนคลายลง มู่นวลนวลก็เลื่อนตัวลง
โชคดีที่มู่นวลนวลตอบสนองอย่างรวดเร็วและกอดคอของเขาไว้ และเมื่อโม่ถิงเซียวเห็นเธอไถลลงมาก็โอบเอวเธอไว้ และไม่ให้เธอล้มลงไปที่พื้น
มู่นวลนวลไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะชมเชยความแข็งแรงของโม่ถิงเซียว หรือว่าควรทุบตีผู้ชายที่ไร้เดียงสาและน่าเบื่อคนนี้
เธอไม่สามารถพูดชมเชยได้ จึงทำได้เพียงคิดที่จะทุบตีเท่านั้น
แต่สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับโม่ถิงเซียว
“คนที่บอกว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันก็คือคุณมู่ แล้วตอนนี้คนที่รั้งผมไว้และไม่ยอมลงมาก็คือคุณมู่”
ในขณะที่โม่ถิงเซียวพูด เขาก็ลดสายตาลงไปมองที่มู่นวลนวล:“คุณมู่ เป็นผู้หญิงที่เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ”
มู่นวลนวลกัดฟันแล้วปล่อยคอของโม่ถิงเซียวและผลักเขาออก จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นเตะที่น่องของเขาอย่างแรงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“แล้วคุณก็จำไว้ให้ดีว่าอย่ามาว่าฉันเป็นผู้หญิงที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อีก”
เธอจงใจกัดฟันและเน้นคำว่า “เอาแน่เอานอนไม่ได้”
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่สิบวินาที มู่นวลนวลหันกลับมา โม่มู่ก็วิ่งมาหาพวกเขาจากบันไดด้านบน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น
ถึงโม่มู่จะสังเกตเห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เธอก็อาจไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
โม่มู่พูดเสียงหวาน:“น้ามู่”
เห็นได้ชัดว่าเป็นแม่พิมพ์เดียวกันกับโม่ถิงเซียว โม่มู่ดูเหมือนฑูตแห่งสวรรค์
มู่นวลนวลนั่งยองๆ แล้วหอมแก้มโม่มู่:“มู่มู่เด็กดี”
จากนั้นก็รีบออกจาก “ สถานที่เกิดเหตุ”
เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวจะลกำลังจากไป โม่มู่ก็เดินไปข้างๆเธอ จากนั้นก็นึกถึงจุดประสงค์ของตัวเองอีกครั้ง
เธอยืนเขย่งเท้าและยื่นมือไปให้โม่ถิงเซียวอุ้ม:“พ่ออุ้มหน่อย อุ้มเหมือนที่อุ้มน้ามู่……”
โม่ถิงเซียวกอดอกและถามเธอ:“น้ามู่หรือแม่?”
โม่มู่พูดอย่างนุ่มนิ่ม:“น้ามู่”
โม่มู่พูดอย่างเย็นชา:“โม่อุ้ม”
โม่มู่ย่นจมูกและเปลี่ยนคำพูด:“แม่”