ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 403 เลี้ยงดูโม่มู่

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ในขณะที่มู่นวลนวลมองดูโม่มู่ เธอก็ก็บีบยาสีฟันและแปรงฟัน

โม่มู่แปรงฟันสักพัก อมเล็กน้อยแล้วแปรงต่อ จากนั้นก็บ้วนออกมา

เด็กตัวเล็กๆ ยืนแปรงฟันอยู่บนเก้าอี้ เห็นอย่างนี้แล้วหัวใจของมู่นวลนวลก็อ่อนลงจนเป็นแอ่งน้ำ

มันดีมากเลย

เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่งพฤติกรรมที่ดีของโม่มู่นั้นก็เป็นผลมาจากโม่ถิงเซียวด้วย

มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่าน

โม่ถืงเซียวทุ่มเทกับมู่นวลนวลมากกว่าเธอ

ถ้าโม่ถิงเซียวบ้าอำนาจและหยิ่งผยองสักนิด เขาคงจะไม่ยอมให้เธออยู่ด้วยเพราะแค่โม่มู่ชอบเธอ

เขาอาจจะไม่สนใจเธอ และไม่ให้โอกาสนี้กับเธอ

“แม่ แม่ต้องบ้วนแบบนี้……”

เสียงของโม่มู่ดึงสติของเธอกลับมา

เธอก้มหน้าลงและเห็นว่าโม่มู่เอาน้ำใส่ปาก แล้วกลั้วปาก จากนั้นก็บ้วนออกมา

หลังจากนั้นโม่มู่ก็เบิกตากว้างและถามเธออย่างจริงจัง:“บ้วนแบบนี้ แม่ทำเป็นไหม?”

มู่นวลนวลพยักหน้าให้ความร่วมมือ:“เป็นสิ”

“งั้นแม่บ้วนเลย” ดูเหมือนโม่มู่จะยังไม่เชื่อเธอและยังคงจ้องมองเธอต่อ

หลังจากนั้นโม่มู่ก็ตบแขนเธอ:“เก่งมาก”

“……” มู่นวลนวลตกตะลึงไปชั่วขณะ แล้วแสดงท่าทางดีใจ:“จริงหรอ?มู่มู่เก่งกว่าแม่อีกนะ!”

โม่มู่รู้สึกเขินอายกับคำชมของมู่นวลนล เธอหัวเราะแล้วกระโดดลงจากเก้าอี้และออกไปติดกิ๊บตัวน้อยของเธอ

มู่นวลนวนรีบล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปมัดผมให้โม่มู่

โม่มู่ต้องการที่จะมัดผมอย่างมาก

มู่นวลนวลถามเธอว่า:“หนูอยากมัดผมแบบไหน?”

“ผมเปีย……เหมือนเจ้าหญิง……แบบยาวๆ เอาแบบในนี้……”

ในขณะที่พูด โม่มู่ก็ยื่นมือออกไปม้วนผมของตัวเองไปมา

สุดท้ายมู่นวลนวลก็คิดไม่ออกว่าจะทำผมทรงไหนดี

ในตอนท้ายโม่มู่ถามเธอด้วยน้ำเสียงสุขุม:“แม่รู้ว่าหนูอยากได้ทรงผมแบบไหนแล้วใช่ไหม?”

มู่นวลนวลกล่าวอย่างจริงจัง:“แม่รู้แล้ว”

ผมของโม่มู่ทั้งดำทั้งสลวย ด้านหน้ามีผมหน้าม้าและผมด้านหลังยาวประบ่า

มู่นวลนวลถักผมเปียเล็กๆ ไว้สองข้างไว้บนหัว แล้วปล่อยผมครึ่งหนึ่งพาดไว้ที่ด้านหลัง

หลังจากมัดผมแล้ว เธอก็ให้โม่มู่เลือกกิ๊บติดผมขนาดเล็กสองอัน แล้วติดไว้ที่หางเปีย

มู่นวลนวลทำผมให้เธอเรียบร้อยแล้วพูดว่า:“เสร็จแล้ว!”

โม่มู่เชื่อฟังและไม่ขยับ เมื่อเธอได้ยินอย่างนี้ก็อดไม่ได้ที่จะลูบผมของตัวเอง:“สวยแล้วหรอ?”

โม่มู่เอียงหน้ามองเธออย่างเขินอายและพูดว่า:“แม่ก็สวย”

แม้ว่าก่อนหน้านี้โม่มู่จะเรียกเธอว่า “พี่สาวคนสวย” แต่ครั้งนี้มู่นวลนวลดีใจและมีความสุขที่สุด

จากนั้นก็เสียใจเล็กน้อย

เธอคงไม่สามารถอยู่ที่นี่กับโม่ถิงเซียวไปได้ตลอด ถ้าถึงเวลาที่เธอต้องสู้เพื่อที่จะได้ดูแลโม่มู่ เธอก็คงจะสู้โม่ถิงเซียวไม่ได้

และเป็นไปไม่ได้ที่โม่ถิงเซียวจะยอมยกโม่มู่ให้เธอ

มู่นวลนวลสงบสติอารมณ์และพาโม่มู่เดินออกไป:“เราลงไปทานอาหารเช้ากัน”

……

ในห้องอาหาร โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว

คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างก็เงียบและบรรยากาศในห้องอาหารก็หนาวมาก

โม่มู่ความรู้สึกไวมาก ท่าทางของเธอดูหวาดกลัว แล้วเอนไปพิงมู่นวลนวล

โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารตรงหน้า ราวกับว่ามีคนติดหนี้เขา

มู่นวลนวลกระซิบกับโม่มู่ว่า:“เข้าไปหาแล้วเรียกพ่อ หลังจากนั้นก็ปีนขึ้นไปหอมแก้มเขา แล้วบอกว่าหนูรักเขา ”

เมื่อโม่มู่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่ายหัว

มู่นวลนวลนึกถึงเมื่อคืนตอนที่คุยโทรศัพท์แล้วเซินเหลียงบอกว่าโม่ถิงเซียวน่ากลัว

ดูเหมือนว่าโม่มู่ก็กลัวเขามาก

มู่นวลนวลให้กำลังใจเธอว่า:“ไม่ต้องกลัว ถ้าเขากล้าดุหนู แม่จะช่วยหนูสั่งสอนเขาเอง”

โม่มู่เข้าใจความหมายของคำว่า “สั่งสอน” และเดินเข้าไปหาโม่ถิงเซียวสองก้าว ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อและหันกลับมามองมู่นวลนวล

มู่นวลนวลยิ้มเป็นกำลังใจให้เธอ

โม่มู่ก็ยิ้มกว้างขึ้น เธอค่อยๆเดินไปหาโม่ถิงเซียว แล้วเอียงหน้ามองโม่ถิงเซียว และเรียกอย่างไม่มั่นใจ:“พ่อ”

โม่ถิงเซียวมองไปที่เธอ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นเปียบนหัวของเธอและตอบกลับว่า “อืม”

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทานอาหารเช้า

มู่นวลนวลเพิ่งสังเกตเห็นว่าโม่ถิงเซียวยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลย

หรือว่าโม่ถิงเซียวกำลังรอเธอกับโม่มู่ลงมา?

มู่นวลนวลรู้สึกสงสัยในใจแล้วนั่งลงที่โต๊อาหาร

โม่มู่เป็นเชื่อฟัง เธอจำที่มู่นวลนวลบอกได้

เมื่อเธอเห็นว่าโม่ถิงเซียวไม่สนใจเธอ เธอจึงปีนขึ้นไปหาโม่ถิงเซียว

เธอปีนขึ้นไปนั่งบนตักของโม่ถิงเซียวแล้วจับเสื้อผ้าของเขา จากนั้นก็หอมแก้วเขาหนึ่งที:“พ่อ หนูรักพ่อนะ”

หลังจากพูดจบเธอก็จ้องมองไปที่โม่ถิงเซียวอย่างอยากรู้อยากเห็น ราวกับรอการตอบสนองของโม่ถิงเซียว

มู่นวลนวลเฝ้ามองอยู่ข้างๆอย่างชื่นชม

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอเข้ากับโม่ถิงเซียวได้ยังไง แต่ในตอนนี้ด้วยความรู้ที่จำกัด ของเธอ มีเพียงโม่มู่เท่านั้นที่กล้าที่จะไม่เกรงใจต่อหน้าโม่ถิงเซียว

เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นว่าโม่มู่ปีนขึ้นมาบนเขา เขาก็กลัวว่าเธอจะตก จึงวางมีดและส้อมลงแล้วยื่นแขนไปโอบโม่มู่

เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยิน “พ่อ หนูรักพ่อนะ” เขาก็เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดเป็นพิเศษ

เขายื่นมือออกไปและวางโม่มู่ลงบนเก้าอี้ข้างๆ เขาชี้ไปที่จานเล็กๆสีชมพูฟ้าของเธอและพูดอย่างใจเย็นว่า:“กินให้หมด”

โม่มู่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเพิ่งทำไปนั้น มีผลกับพ่อของเธอหรือไม่ แต่พ่อของเขาก็ดูเหมือนไม่ได้โกรธแล้ว

เธอพยักหน้าอย่างดีใจ:“อึ้ม!”

มู่นวลนวลเฝ้ามองอยู่ข้างๆ อันที่จริงเห็นได้ชัดว่าโม่ถิงเซียวไม่ได้ตอบสนองกับ “การสารภาพรัก” ของโม่มู่

แต่ก็ไม่ยากที่จะเห็นว่าโม่ถิงเซียวรักโม่มู่มาก

ทันใดนั้นโม่ถิงเซียวก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่นวลนวล สายตาของเขามองไปที่จานอาหารตรงหน้าและมองหน้าเธอ น้ำเสียงของไม่แสดงอารมณ์ใดๆ:“คุณก็อยากจะกินให้หมดนะ”

“ฉัน?” มู่นวลนวลชี้นิ้วไปที่ตัวเองด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดกับเธอจบก็หันหน้าไปพูดกับเธอ?

โม่มู่เป็นเด็กอายุสามขวบและเธออายุยี่สิบหก……

โม่ถิงเซียวพูดเบาๆ “อึ้ม” จากนั้นก็หันหัวไปพับแขนเสื้อให้โม่มู่และพูดว่า:“ไม่ต้องใช้ส้อมก็ได้ ใช้มือหยิบเลย”

เมือโม่มู่ได้ยินก็รีบใช้มือหยิบผลไม้ใส่ปาก หลังจากนั้นก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอพยักหน้าแล้วพูดกับมู่นวลนวลว่า:“แม่ก็ต้องกินให้หมด แล้วมู่มู่ก็กินให้หมด”

มู่นวลนวล:“……”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท