มู่นวลนวลกินอาหารเช้ามื้อนี้จนอิ่มมาก
เธอไม่สนใจคำพูดของโม่ถิงเซียวมากนัก แต่หลังจากที่โม่มู่กินหมดแล้วก็ผลักจานมาให้เธอดู……
มู่นวลนวลจึงทำได้เพียงกินให้หมด
เธอคำนวณความอยากอาหารของเธอไว้แล้ว แต่เธอก็ยังกินน้อยกว่าผู้หญิงทั่วไป
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว โมถิงเซียวก็ไปที่บริษัท
มู่นวลนวลเล่นเป็นเพื่อนโม่มู่
ก่อนหน้านี้ตอนที่โม่มู่อยู่ที่บ้านเก่าก็มีคนรับใช้เล่นเป็นเพื่อน แต่คนรับใช้จะมีท่าทีกังวลและไม่กล้าเล่นกับโม่มู่อย่างเปิดเผยเหมือนมู่นวลนวล
สิ่งที่เด็กต้องการมากที่สุดก็คืออยู่เป็นเพื่อน การเล่นเป็นเพื่อนกับลูกนั้นง่ายมากสำหรับเธอ
ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีโม่มู่ก็ชอบมู่นวลนวลอยู่แล้ว
โม่ถิงเซียวไม่กลับมาทานอาหารกลางวัน ช่วงบ่ายเป็นเวลานอนกลางวันของโม่มู่ แต่เธอก่อกวนให้มู่นวลนวลเล่นกับเธอ
มู่นวลนวลจึงนอนเป็นเพื่อนโม่มู่
โม่มู่มีคนนอนเป็นเพื่อน จึงนอนหลับได้นาน
โม่มู่หลับสนิทและทำให้มู่นวลนวลหลับได้นานไปกับเธอด้วย
เธอสะลึมสะลือและได้ยินเสียงเปิดประตู ทันใดนั้นเธอก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
เธอเหลือบไปมองโม่มู่ที่นอนอยู่ข้างๆ
โม่มู่หลับสนิทและกอดแขนของเธอไว้ มู่นวลนวลจึงเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู
ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว และแสงสว่างในห้องก็ลดลง
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและหลังจากปรับเข้ากับแสงในห้องได้แล้ว เธอก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องคือโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวสวมชุดสูทตอนที่ออกจากบ้านไปเมื่อเช้า ชุดสูทมีความแข็งแต่เรียบและสง่างาม ซึ่งทำให้เขาสูงโปร่งเป็นพิเศษ
มู่นวลนวลจ้องมองอย่างเซ่อๆ จากนั้นค่อยๆพลิกตัวและลุกจากเตียง เธอหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียง
และดูให้แน่ใจว่าโม่มู่ยังไม่ตื่น เมื่อเธอวางใจแล้วก็เดินไปที่ประตู
เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นว่าเธอเดินออกมา เขาก็เดินไปข้างนอก
เมื่อปิดประตูมู่นวลนวลก็เดินตามโม่ถิงเซียว เธอดูเวลาและเห็นว่าห้าโมงกว่าแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่โม่ถิงเซียวกลับมาแล้ว
ตอนที่เธอนอนหลับโทรศัพท์ก็เงียบ แต่เธอพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับและข้อความ
สายที่ไม่ได้รับและข้อความเป็นของเซินเหลียง
บางทีเซินเหลียงอาจจะโทรหาเธอแล้วไม่มีคนรับก็เลยส่งข้อความหาเธอ
เนื้อหาในข้อความนั้นเรียบง่าย:“พรุ่งนี้บ่ายว่างไหม?นัดเจอกันหน่อย”
มู่นวลนวลรีบตอบกลับข้อความ:“โอเค”
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองโม่ถิงเซียวอีกครั้ง เธอก็พบว่าเขายืนอยู่ไม่ไกลและจ้องมองมาที่เธอ
มู่นวลนวลถูกเขามองจนรู้สึกอึดอัด:“ตอนเย็นอยากกินอะไร?”
โม่ถิงเซียวพูดว่า:“คุณเดาสิ”
คำสองคำนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลก แต่เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องครัวชั้นล่าง
โชคดีที่เมื่อตอนกลางวัน เธอไปถามรสชาติอาหารของโม่ถิงเซียวกับคนรับใช้
ผู้ชายคนนี้จริงๆเลย ขุดหลุมรอเธอได้ตลอดเวลา
……
อาหารเย็นเต็มโต๊ะไปหมด
มู่นวลนวลทำอาหารเจ็ดแปดอย่าง ส่วนใหญ่ล้วนทำตามรสนิยมอาหารของโม่ถิงเซียว
และทำอาหารจืดๆอีกสองสามอย่าง และยังตุ๋นซุปสองอย่าง และอาหารสำหรับเด็กของโม่มู่หนึ่งชุด เป็นเนื้อกับผักที่เข้ากันกับจานน่ารักๆ
โม่มู่ถือช้อนและแทบจะรอไม่ไหว:“น่ารักจัง!อร่อยมาก”
มู่นวลนวลหัวเราะ:“หนูยังไม่ได้กินเลยนะ”
เธอเติมซุปในถ้วยแล้วคนให้เข้ากันสักพัก จนรู้สึกว่ามันเริ่มอุ่นๆ จากนั้นก็เอาไปวางข้างหน้ามู่นวลนวล:“ดื่มซุปหน่อย”
โม่มู่หยิบช้อนตักซุปหนึ่งช้อนแล้วถือชามขึ้นมาดื่มทันที
มู่นวลนวลยิ้มแล้วตักซุปให้เธอครึ่งถ้วย
ซุปที่อยู่ในมือของเธอยังไม่ทันอุ่น เธอก็รู้สึกว่าโม่ถิงเซียวที่อยู่ตรงข้ามกำลังมองเธออยู่
เธอเงยหน้าขึ้นมองตามการจ้องมองของโม่ถิงเซียว และพบว่าโม่ถิงเซียวกำลังมองไปที่ซุปที่เธอเตรียมไว้ให้โม่มู่
มู่นวลนวลตกตะลึงและถามว่า:“คุณ……อยากดื่มซุปไหม?”
เธอคิดว่าด้วยนิสัยของโม่ถิงเซียวแล้ว อาจให้มุมมองกับเธอและทำให้เธอเองได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะส่งเสียง “อึ้ม” เขาวางตะเกียบลงและนั่งรอให้เธอตักซุปให้เขา
มู่นวลนวลอ้าปากค้างประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอตักซุปแล้วส่งให้เขา จากนั้นก็หันไม่ดูว่าซุปของโม่มู่อุ่นรึยัง
มู่นวลนวลชิมและรู้สึกสึกว่ายังร้อนนิดหน่อย เธอจึงเป่า
ไม่รู้ว่าเธอเข้าใจผิดหรือไม่ เธอมักจะรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวกำลังจ้องมองเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าโม่ถิงเซียวยังคงจ้องมองเธออยู่
เธอตักซุปให้เขาแล้ว เขาต้องการอะไรอีก?
หรือว่าต้องการให้เธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนโม่มู่ และให้เธอช่วยเป่าซุปที่ร้อนให้เขา?
มู่นวลนวลตกใจกับความคิดนี้ของตัวเอง
แม้ว่าพฤติกรรมบางอย่างของโม่ถิงเซียวจะดูไร้เดียงสา แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กทารก
อาจจะ……เป็นเธอที่คิดมากเกินไป
ในช่วงท้ายของอาหารเย็น มู่นวลนวลได้รับข้อความจากเซินเหลียง
เซินเหลียงส่งเวลาและสถานที่นัดเจอกันให้มู่นวลนวล และถามเธอว่าสามารถพาโม่มู่ไปด้วยได้ไหม
มู่นวลนวลรู้สึกว่าในเมื่ออยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับโม่ถิงเซียว เรื่องแบบนี้ก็จำเป็นที่จะต้องพูดกับเขา
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นพูดกับโม่ถิงเซียว:“พรุ่งนี้ตอนบ่าบฉันจะออกไปข้างนอกนะ”
โม่ถิงเซียวหยิบผ้าที่คนรับใช้ส่งมาเช็ดมือ และถามเธอว่า:“ไปไหน?”
“เรื่องแบบนี้ต้องรายงานด้วยหรอ?” มู่นวลนวลรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องเล่ารายละเอียดให้เขาฟัง
ท
โม่ถิงเซียววางผ้าเช็ดมือ เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วค่อยๆพูดว่า:“ผมอยู่ที่บริษัท คุณต้องพามู่มู่ไปด้วย แน่นอนว่าผมอยากรู้ว่าคุณจะไปไหน”
“ฉันสามารถพาโม่มู่ไปด้วยได้หรอ?” มู่นวลนวลไม่คาดคิดว่าโม่ถิงเซียวจะยอมให้เธอพาโม่มู่ออกไปด้วย
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วและพูดตำหนิ:“คุณไม่ได้วางแผนที่จะพาเธอไปด้วย คุณจะให้เธออยู่บ้านคนเดียวหรอ?”
“ไม่ใช่นะ……” มู่นวลนวลรีบส่ายหัว:“คุณก็น่าจะรู้ว่าฉันออกไปเจอเซินเหลียง”
“พรุ่งนี้ตอนที่จะไป จะมีคนไปส่งพวกคุณ” โม่ถิงเซียวทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ แล้วลุกขึ้นออกไปจากห้องอาหาร
โม่มู่กินอิ่มแล้ว และนั่งทรุดตัวลงบนเก้าอี้ราวกับว่าเธอกำลังถอดจิต
มู่นวลนวลเรียกเธอ:“มู่มู่?”
โมมู่ไม่ขยับ:“หึ้ม”
มู่นวลนวลเดินมานั่งตรงข้ามเธอ และค่อยๆพูดทีละคำว่า:“พ่อหนูบอกว่า พรุ่งนี้ให้หนูออกไปเที่ยวกับแม่ได้!”
“ออกไปเที่ยว?” โม่มู่ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาทันที ดวงตาของเธอเป็นประกาย:“หนูอยากอกไปเที่ยว!”
ตอนที่โม่มู่อยู่ที่บ้านหลังเก่า ปกติเวลาโม่ถิงเซียวไปทำงาน โม่มู่ก็เล่นอยู่แต่ในบ้านเก่า เธอจึงอยากออกไปเล่นข้างนอกบ้าง
ดังนั้นครั้งก่อนที่ซูเหมียนจึงหลอกพาเธอออกไปได้อย่างง่ายดาย
มู่นวลนวลลูบหัวเธอ:“พรุ่งนี้จะพาเธอออกไปเที่ยวนะ!”
……
ช่วงบ่ายวันต่อมา เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง ทันทีที่มู่นวลนวลออกจากบ้าน เธอก็เห็นซือเย่ยืนรออยู่ที่หน้ารถแล้ว