ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 407 คิดถึงเส้นทางชีวิตหลังจากนี้

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

เมื่อมู่นวลนวลได้ฟังสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที

เซินเหลียงเห็นการเปลี่ยนแปลงของมู่นวลนวล จึงเดาได้ว่าเธออาจจะไม่เชื่อ จึงถาม “ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงกับบอสใหญ่”

“ไม่รู้สึกอะไร”นอกจากน่าเบื่อและนิ่งเฉย เธอก็ไม่รู้สึกว่าโม่ถิงเซียวมีความพิเศษอะไร

เซินเหลียงพูดต่อว่า “งั้นตอนนี้เธอตั้งใจจะทำยังไง เธออยู่กับพวกเขาตลอดไปไม่ได้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้เซินเหลียงก็หยุดไป และพูดวิเคราะห์ให้ฟัง “ที่ฉันยืนยันกับเธอได้ก็คือ ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของเธอกับบอสใหญ่ดีมาก ฉันว่าตอนนี้เธอสามารถเลือกได้สองทาง อย่างแรกคือพวกเธอฟื้นฟูความทรงจำ และกลับมารักกันอีก อย่างที่สองก็คือ พวกเธอสองคนฟื้นฟูความทรงจำไม่ได้ ไม่สามารถรักกันต่อไปได้ เธอก็รีบคิดถึงอนาคตของตัวเองตั้งแต่ตอนนี้….”

เรื่องพวกนี้ถ้ามู่นวลนวลรู้อยู่ในใจแล้วก็ดี เซินเหลียงก็จะได้ไม่ต้องพูดมากไปกว่านี้

“เรื่องนี้ฉันก็เคยคิดมาก่อน”

มู่นวลนวลหันไปมองโม่มู่ที่ตอนนี้หลับไปแล้ว จึงอุ้มลูกขึ้นมา

เธออุ้มโม่มู่ไว้ในอ้อมกอด และโม่มู่ก็เพียงแค่เปิดเปลือกตามามองเธอเล็กน้อย และหลับไปด้วยความไว้วางใจ

เซินเหลียงโน้มตัวมาพูดเสียงเบา “หลับแล้วหรอ”

“อืม”มู่นวลนวลตอบ “เธอกินง่ายนอนง่ายมาก ไม่ทำให้คนอื่นรำคาญเลย”

เซินเหลียงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบแก้มของโม่มู่ “เป็นเด็กดีมาก”

มู่นวลนวลเปลี่ยนแขนเพื่อให้โม่มู่นอนสบายมากขึ้น จากนั้นก็พูดกับเซินเหลียง “ชอบก็มีเองสักคนสิ”

“ก่อนอายุสามสิบฉันไม่คิดจะแต่งงาน”เซินเหลียงยิ้มออกมาบางๆ “ไม่พูดเรื่องฉันแล้ว พูดเรื่องเธอดีกว่า”

“เรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้ฉันก็เคยคิดมาก่อน แต่ฉันยังคิดปัญหาเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงโม่มู่ไม่ออก”มู่นวลนวลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าตอนนี้ฉันกับโม่ถิงเซียวสู้กันเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดู มันเป็นไปไม่ได้เลย ยังไงตอนนี้ฉันก็ต้องหางานก่อน”

ถ้าอยากสู้เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูโม่มู่ เรื่องแรกที่ต้องทำก็คือ เธอต้องมีอิสระทางการเงิน

และที่เลวร้ายในตอนนี้ก็คือ ชีวิตเธอตอนนี้ยังยุ่งเหยิงอยู่

เมื่อได้ยินมู่นวลนวลพูดอย่างนี้ เซินเหลียงก็นึกถึงฉินซุ่ยซานที่มู่นวลนวลขายบทละครให้ขึ้นมา

“ก่อนหน้านี้เธอเขียนบทละครเรื่องเมืองที่สาบสูญไม่ใช่หรอ เรื่องนี้ออกอากาศเมื่อสองปีที่แล้ว และเป็นเรื่องที่ขายดีมาก ทุกคนต่างเรียกร้องให้มีภาคสอง”

เซินเหลียงพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าเวยป๋อของมู่นวลนวล เพื่อโชว์ความคิดเห็นที่เหล่าแฟนๆขอมาให้มู่นวลนวลดู

มู่นวลนวลพูดเมื่อเห็นไอดีด้านบน “มู่มู่”

ถึงจะจำไม่ได้ว่าทำไมตอนนั้นถึงตั้งชื่อนี้ แต่เธอก็รู้ว่าชื่อนี้ต้องเกี่ยวข้องกับโม่มู่

เซินเหลียงเปิดข้อความที่แฟนๆขอให้มู่นวลนวลดู

“สองปีแล้วนะ คุณนักเขียนไม่คิดจะแต่งภาคต่อหรอ”

“เรื่องเมืองที่สาบสูญยังมีข้อสงสัยมากมายยังไม่ได้คลายปม คุณนักเขียนไม่คิดจะออกมาพูดกับพวกเราหน่อยหรอ”

“ขอร้องคุณนักเขียนช่วยแต่งภาคต่อเถอะค่ะ”

“โพสต์เวยป๋อล่าสุดก็เมื่อสามปีมาแล้ว ฉันว่าไม่น่าจะเขียนภาคต่อแล้วแหละ….”

ข้อความล่าสุดของแฟนคลับคือเมื่อหนึ่งวันก่อน

มู่นวลนวลเปิดมาหน้าแรกก็เห็นว่าข้อความสุดท้ายที่เธอโพสต์คือเมื่อสามปีก่อนจริง

“เห็นแล้วใช่ไหม นี่เป็นแฟนขับของบทละครเธอทั้งหมด ถ้าเธอตั้งใจเขียนภาคต่อ รับรองว่าปังแน่นอน ต้องมีผู้ผลิตและผู้กำกับมาหาเธอมากมาย แม้จะเป็นแค่บทออนไลน์ แต่ก็ได้รับรางวัลมากมายในอุตสาหกรรม แล้วยังได้กำไรจากการลงทุน….”

เซินเหลียงพูดไปแล้วก็รู้สึกเสียใจ “ไม่รู้ว่าตอนนั้นเธอขายไปเท่าไหร่ ฉันรู้สึกว่าเธอขาดทุนแล้ว”

ตอนนั้นอยู่ดีๆมู่นวลนวลก็หนีออกไปจากบ้าน และขายบทละครไป เซินเหลียงไม่รู้เลยว่าเธอขายไปเท่าไหร่

แต่มู่นวลนวลไม่ได้คิดซับซ้อนเท่าเซินเหลียง

เธอหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาหาเกี่ยวกับเมืองที่สาบสูญ

เมื่อเห็นเนื้อหาของละครเรื่องเมืองที่สาบสูญ เธอก็รู้สึกคุ้นเคยไม่น้อย เมื่อเห็นตัวละครหลักในเรื่อง เธอก็มีพล็อตขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ

สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกตกใจไม่น้อย

คิดๆดูแล้ว เธออาจจะเขียนภาคสองก็ได้

มู่นวลนวลคิดและถาม “เธอรู้มั้ยว่าภาคแรกฉันขายให้ใคร”

เซินเหลียงพูด “ฉินซุ่ยซาน ผู้อำนวยการสร้างหน้าใหม่ในวงการ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ค่าตัวของเธอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่เธอตั้งใจจะเขียนภาคสองใช่ไหม เธอบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าทำไมเว่ยจิ้นเฉิงถึงถูกจับตอนจบ”

มู่นวลนวลมองไปที่เซินเหลียงด้วยความลำบากใจ “ฉันก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ฉันจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แล้ว”

เซินเหลียง “…..”

…….

ตอนที่มู่นวลนวลออกจากจินติ่ง โม่มู่ก็ตื่นแล้ว

มู่นวลนวลถามเธอ “ให้แม่อุ้มหรือเดินเอง”

“เดินเอง”โม่มู่ขยี้ตา และยืนบนพื้นจับมือมู่นวลนวลอย่างเชื่อฟัง

มู่นวลนวลเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับเซินเหลียง

เมื่อออกมาจากห้องอาหาร ก็เห็นกูจื่อหยานเดินมาทางนี้ และยังมีลูกน้องเดินถือของมาตามหลังด้วย

เมื่อกูจื่อหยานเดินมาใกล้ มู่นวลนวลถึงเพิ่งเห็นว่าของที่ลูกน้องเขาถือมาก็คือตู้เซฟ

ยังไม่ทันที่กูจื่อหยานจะได้พูด เซินเหลียงก็ขมวดคิ้วยืนขวางเขาไว้ “คุณทำอะไรอีก”

“อันนี้เป็นของขวัญที่ผมให้มู่มู่”กูจื่อหยานพูดและหันหลังไปรับตู้เซฟส่งให้มู่นวลนวล “เวลากระชั้นชิดเกินไป ก็เลยเตรียมได้ไม่ดีเท่าไหร่”

เมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาของคนหลายคน มู่นวลนวลจึงได้แต่รับเอาไว้ “ขอบคุณ”

แต่ทันทีที่มู่นวลนวลยื่นมือออกไปรับ เธอก็รู้สึกว่ามันหนักจนถือแทบไม่อยู่

เธออยากถามกูจื่อหยานมากว่าในนี้มีอะไร

ถึงกับต้องใส่ไว้ในตู้เซฟ ต้องเป็นของที่สำคัญมากใช่ไหม

คงไม่ใช่ทองคำแท่งหรือเงินสดหรอกใช่ไหม

ถึงเธอจะไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่มู่นวลนวลก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้มาก

ไม่ใช่ว่าเธอมีความเข้าใจผิดต่อผู้ชายที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยเงิน แต่กูจื่อหยานทำให้เธอรู้สึกอย่างนี้….

กูจื่อหยานพูด “หนักนิดหน่อย ฉันช่วยเธอถือไปดีกว่า”

มู่นวลนวลกำลังจะพูด แต่เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างหลังของกูจื่อหยาน เธอก็เปลี่ยนคำพูดทันที “คนที่ช่วยถือของมาแล้ว”

กูจื่อหยานมองไปตามสายตาของเธอ ก็เห็นโม่ถิงเซียวกำลังก้าวเดินมาทางนี้

ข้างหลังของโม่ถิงเซียวยังมีซือเย่ตามมาด้วย

กูจื่อหยานส่งยิ้มออกมา “ถิงเซียว”

โม่ถิงเซียวหันมามองเขาแค่แปบเดียว โดยไม่หยุดสายตามองหน้าเขาด้วยซ้ำ จากนั้นก็มองตรงไปที่มู่นวลนวล

เมื่อโม่มู่เห็นว่าโม่ถิงเซียวมาแล้ว ก็พูดอย่างดีใจ “คุณพ่อ”

“อืม”โม่ถิงเซียวตอบโม่มู่ และหันไปมองมู่นวลนวลอีกครั้ง

เมื่อเห็นตู้เซฟในมือของเธอ เขาก็ขมวดคิ้วถาม “อะไร”

เขาพูดพลางเอาตู้เซฟมาจากมือของมู่นวลนวล

เป็นการกระทำที่เป็นธรรมชาติมาก

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท