มู่นวลนวลเดินไปที่ด้านหลังโซฟาแล้วหอมแก้มโม่มู่
“แม่” โม่มู่หันกลับมามองและส่งเสียงเรียกเธอ จากนั้นก็หันกลับไปดูทีวี
การ์ตูนนี่มีอิทธิพลทำให้คนลุ่มหลงจริงๆ
มู่นวลนวลนั่งลงข้างๆโม่มู่และดูด้วยกันกับเธอ
เธอดูสักพักและพบว่าตอนนี้การ์ตูนสำหรับเด็กนั้นน่าดูมาก
โม่ถิงเซียวรู้นิสัยของโม่มู่ เธอติดการ์ตูนงามแงมจนไม่ได้สนใจมู่นวลนวล
จนกระทั่งเขากลับไปอาบน้ำที่ห้องแล้วลงมา เขาเห็นมู่นวลนวลนั่งดูการ์ตูนอยู่ข้างๆ โม่มู่อย่างจริงจังและสีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยนิ่ง
โม่ถิงเซียวดูเวลาและเดินเข้าไปหาสองแม่ลูก เขายื่นมือไปหยิบรีโมทคอนโทรลแล้วปิดทีวี
ทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า:“ไปอาบน้ำนอน”
โม่มู่แบะปาก แม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่คนที่ปิดทีวีคือโม่ถิงเซียว ในใจเธอโกรธแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ “อ้อ” เธอตอบรับและไถลลงจากโซฟา
แต่มู่นวลนวลไม่เป็นอย่างนั้น
เธอยืนขึ้นและพูดอย่างโมโหว่า:“ทำไมจู่ๆ คุณถึงมาปิดทีวี!”
เมื่อกี้เธอกำลังดูสถานที่ที่สวยงาม จู่ๆ คนๆนี้ก็เดินมาปิดทีวี!
ดูเหมือนว่าจู่ๆ เธอก็เข้าใจความรู้สึกของเด็กๆ ที่ถูกผู้ใหญ่ปิดปิดทีวีกะทันหัน
เมื่อเทียบกับอารมณ์ของมู่นวลนวลแล้ว โม่ถิงเซียวสงบลงมาก
เขาถามมู่นวลนวลว่า:“กี่โมงแล้ว?”
มู่นวลนวลดูเวลา:“สามทุ่มครึ่ง”
โม่ถิงเซียวหันหลังเดินกลับไปที่ชั้นบน
มู่นวลนวลเข้าใจความหมายที่เขาพูด
ความหมายของเขาคือสามทุ่มครึ่งแล้ว ควรขึ้นไปชั้นบนและอาบน้ำนอนได้แล้ว
เธอเข้าใจเหตุผลทั้งหมด เพียงแต่ว่าเขาควรใช้วิธีอื่นดีกว่าไหม หรือว่าพูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย
เขาดีกับโม่มู่มาก แต่วิธีการจัดการบางอย่างของเขายังหยาบเกินไป
เมื่อรู้สึกว่ามีคนมาดึงมุมเสื้อผ้าของตัวเอง มู่นวลนวลก็หันหน้าไปมอง และเห็นโม่มู่ยิ้มอย่างประจบประแจง:“แม่ หนูยังอยากดูการ์ตูน”
“……” ควรจะบอกโม่มู่ยังไงดี อันที่จริงแล้วเธอก็อยากดูการ์ตูนอีกสักพัก แต่ตอนนี้ควรจะไปนอนได้แล้ว
มู่นวลนวลครุ่นคิดอยู่สักครู่ และนั่งยองๆ พูดกับเธอว่า:“พรุ่งนี้เราค่อยดูอีกดีไหม วันนี้ดึกมากแล้ว แม่ง่วงมากเลย คืนนี้หนูไปนอนเป็นเพื่อนแม่ก่อนนะ พรุ่งนี้แม่จะดูการ์ตูนเป็นเพื่อนหนู ดีไหม?”
โม่มู่พยักหน้าราวกับว่าเข้าใจ:“ก็ได้ค่ะ”
“ลูกของแม่เก่งที่สุดเลย!”
แม้ว่าเธอกับโม่มู่จะอยู่ใกล้ชิดกันแค่ไม่กี่วัน แต่บอารมณ์ขันของโม่มู่ก็เกินความคาดหมายของเธอ
……
มู่นวลพาโม่มู่ขึ้นไปชั้นบนและอาบน้ำกับเธอ จากนั้นโม่มู่ก็อยู่ในห้องของเธอ
แน่นอนว่ามู่นวลนวลใจอ่อนและให้โม่มู่นอนกับเธอ
ไม่นานหลังจากที่โม่มู่ขึ้นไปบนเตียงก็หลับ
จากนั้นมู่นวลนวลก็ลุกขึ้นและกำลังจะไปดื่มน้ำที่ชั้นล่าง
เมื่อเดินผ่านห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว เธอก็พบว่ามีแสงสว่างออกาตามรอยแยกของประตู
โม่ถิงเซียวยังทำงานอยู่?
มู่นวลนวลหยุดอยู่ตรงนั้นสักพักและกำลังจะเดินไป
ในตอนนี้ห้องหนังสือก็ถูกเปิดออกจากด้านใน
และร่างสูงโปร่งของโม่ถิงเซียวก็ปรากฏขึ้นที่ประตู
เขามองไปที่มู่นวลนวลอย่างไม่แสดงท่าทีใดๆ:“คุณมาทำอะไรตรงนี้?”
เขาสวมชุดอยู่บ้าน สีหน้าของเขาดูไม่แข็งแรงและซีดเล็กน้อย
ทำให้มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันนั้นที่โม่ถิงเซียวทุกข์ทรมานอยู่ในห้องหนังสือ
“ฉัน……ฉันจะลงไปดื่มน้ำ” มู่นวลนวลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และกลืนคำพูด “คุณโอเคไหม” กลับไปและพูดเพียงว่า:“คุณอยากจะดื่มไหม?”
เดิมทีเป็นการถามตามมารยาท โม่ถิงเซียวก็ไม่เกรงใจและพูดว่า:“ผมอยากได้กาแฟ”
มู่นวลนวลพยักหน้า เธอเดินลงไปชั้นล่างแล้วรินน้ำใส่แก้วให้ตัวเอง จากนั้นก็ถือโอกาสชงกาแฟให้โม่ถิงเซียวด้วย
เธอเอากาแฟขึ้นมาชั้นบนและเห็นว่าประตูห้องหนังสือเปิดอยู่ครึ่่งหนึ่ง
คงจะเป็นโม่ถิงเซียวที่จงใจเปิดประตูไว้ให้เธอ
เธอถือถาดเดินเข้าไปและเห็นโม่ถิงเซียวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาคิ้วขมวดและพลิกดูเอกสารในมืออย่างตั้งใจ
มู่นวลนวลเอากาแฟไปวางลงข้างๆเขา และสังเกตว่าสีหน้าของเขายังแย่อยู่มาก เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“คุณก็รีบพักผ่อนนะ”
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองเธอ สีหน้าของเขาดูสงบนิ่งมาก
ในสายตาของเขา มู่นวลนวลรู้สึกว่าตัวเองยุ่งวุ่นวาย
เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดง่ายๆแบบนี้ มันฟังดูเหมือนว่าเธอเป็นห่วงเขามาก
มู่นวลนวลอึดอัดวางตัวไม่ถูก:“ฉันออกไปก่อนนะ”
เธอหันกลับไปและกำลังจะเดินออกไป แต่ก็ถูกโม่ถิงเซียวจับมือไว้
มู่นวลนวลรู้สึกโกรธเล็กน้อย และน้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“โม่……อู้……”
เธอยังไม่ทันได้พูดชื่อของโม่ถิงเซียวก็ถูกปิดปากไว้
ริมฝีปากของโม่ถิงเซียวอุ่นกว่าของเธอ และการสัมผัสนั้นทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้านอย่างชัดเจน
ทั้งสองคนยังคงลืมตาและริมฝีปากก็สัมผัสกัน เธอมองฉันฉันมองเธอ
มู่นวลนวลตัวแข็งทื่ จากนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการผลักโม่ถิงเซียวออกไป
แต่เมื่อมือของเธอสัมผัสเขา เธอก็รู้สึกว่าเอวของตัวเองถูกโอบไว้แน่น
แขนที่มีพละกำลังของผู้ชายโอบเอวเธอไว้แน่น แล้วดันตัวเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างแรง จากนั้นมืออีกข้างของเขาก็จับข้อมืออีกข้างของเธอไว้แน่น
ร่างกายของทั้งสองประกบกันแน่นและแทบจะในเวลาเดียวกัน การหายใจของพวกเขาก็เร็วขึ้น
เสียงหายใจที่ชัดเจนและใบหน้าที่แดงกล้ำของมู่นวลนวล เธอหันหน้าหลบหลีกริมฝีปากของโม่ถิงเซียว และพูดด้วยความโกรธ:“คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ แล้วฉันจะถือว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแดงและดูน่าสงสารเล็กน้อย
โม่ถิงเซียวไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยเธอ แต่ยังจงใจที่จะก้มลงไปจูบริมฝีปากเธอ:“ถ้าผมอยากให้มันมีอะไรเกิดขึ้นละ?”
น้ำเสียงของเขาดูไม่เกรงใจ และดูมีความมุ่งมั่นมากขึ้นเล็กน้อย
มู่นวลนวลไม่สามารถขยับได้ ตัวของเธอแข็งทื่อราวกับหิน:“โม่ถิงเซียว ได้รังแกผู้หญิงคนหนึ่ง คุณรู้สึกดีมากนักหรอ ?”
“ผู้หญิงคนอื่นผมไม่รู้ แต่ถ้าเป็นคุณ ผมไม่เพียงแต่รู้สึก แต่ยัง ……” เขาจงใจที่จะหยุดพูดชั่วขณะ และพอใจที่ได้เห็นความโกรธปรากฏขึ้นในแววตาของมู่นวลนวล และพูดเสริมอีกสองคำ:“ตื่นเต้น”
ในตอนแรกมู่นวลไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “ตื่นเต้น”
จนเธอรู้สึกว่า……
มู่นวลนวลตกตะลึง แม้แต่การหายใจเธอก็ต้องระมัดระวัง
นิสัยของโม่ถิงเซียวคนนี้แปลกๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ มู่นวลนวลเดาไม่ออกว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อไป และเดาไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เธอกลืนน้ำลายและพูดอย่างยอมรับชะตาชีวิต:“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ในน้ำเสียงมีนัยแฝงถึงการยอมแพ้
โม่ถิงเซียวกักตัวเธอไว้และพูดว่า:“จะบอกคุณเรื่องหนึ่ง ก่อนที่ความทรงจำของผมจะกลับมา ไม่อนุญาตให้คุณออกไปข้างนอก”
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว:“หมายความว่ายังไง?”