ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 419 ใครให้ความกล้านี้มา

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

บอดี้การ์ดตกใจกับท่าทางของเขา “ผมกำลังจะช่วยพยุงคุณลงรถ พาไปโรงพยาบาลครับ”

เขาพูดพลางถอยหลังเล็กน้อย ให้โม่ถิงเซียวเห็นประตูโรงพยาบาล

“มาโรงพยาบาลทำไม ใครให้นายมาส่งฉันที่โรงพยาบาล หืม”คำสุดท้ายดูดุดันราวกับเป็นคำเตือน

บอดี้การ์ดตื่นกลัว ไม่กล้าพูด และไม่กล้าถอยหลังกลับ ได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากมู่นวลนวล

เมื่อเห็นสายตาของบอดี้การ์ด โม่ถิงเซียวจึงเพิ่งรู้ว่ามู่นวลนวลก็อยู่ในรถ

“คุณจะพาผลมาโรงพยาบาลหรอ”โม่ถิงเซียวหรี่ตามองเธอ และยื่นมือมาบีบค้างเธอพร้อมพูดเสียงเย็นชา “คุณจะมาส่งผมที่โรงพยาบาลทำไม ใครให้ความกล้านี้มา”

น้ำเสียงที่ดุดันของเขาทำให้มู่นวลนวลอึ้งไปเหมือนกัน

โม่ถิงเซียวคนนี้แปลกหน้ามา

“เมื่อกี้คุณดูไม่สบาย ดูทรมานมาก ฉันเลยให้พวกเขามาส่งคุณที่โรงพยาบาล”มู่นวลนวลพูดพลางสังเกตเขาไปด้วย

สายตาของเขาล้ำลึกมาก ล้ำลึกจนน่ากลัว ปกติเขาไม่ยิ้มก็น่ากลัวอยู่แล้ว แล้วยิ่งเขาโกรธจึงยิ่งน่ากลัว

แถมมู่นวลนวลก็ไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร

เธออยู่อาศัยกับเขามาหลายวัน แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้

เมื่อเขาได้ฟังคำพูดของเธอก็ขมวดคิ้ว บีบคางของเธอแรงขึ้น

มู่นวลนวลเจ็บมากจึงพูดออกมา “โม่ถิงเซียวคุณปล่อยมือก่อน”

“เธอรู้จักฉันหรอ”นอกจากโม่ถิงเซียวจะไม่ปล่อยมือแล้ว สายตาของเขายังแหลมคม “เธอคือใคร”

“ฉัน….”มู่นวลนวลกำลังจะพูดชื่อของตัวเอง ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวผิดปกติไป

เธอถามเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณไม่รู้จักฉันแล้วหรอ”

แม้ว่าทั้งคู่จะสูญเสียความทรงจำไปเมื่อสามปีก่อน แต่ช่วงนี้ทั้งสองคนก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน จะเกิดไม่รู้จักกันขึ้นมาได้ยังไง

มู่นวลนวลใช้แรงดึงมือเขาที่จับคางเธอออก จากนั้นก็โน้มตัวไปตรงหน้าเขาและชี้ที่ตัวเอง พูดกับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณมองฉันดีๆสิ ไม่รู้จักฉันจริงหรอ”

โม่ถิงเซียวแสยะยิ้มออกมา “คุณคิดว่าคุณหน้าตาดีกว่าคนปกตินิดหน่อยแล้วผมต้องรู้จักคุณหรอ”

มู่นวลนวล “….”

ใครบอกเธอได้บ้างว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น

สมองของโม่ถิงเซียวไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม

สีหน้าของมู่นวลนวลเปลี่ยนไป ตอนเช้าเขาออกไปยังปกติอยู่เลย….

ถึงแม้ว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์เสียไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากคนทั่วไป

เธอคิดและพูดกับโม่ถิงเซียว “ตอนนี้ฉันไม่สามารถอธิบายอะไรให้คุณได้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้คุณเป็นอะไร เอาอย่างนี้ดีมั๊ย ตอนนี้เราไปตรวจในโรงพยาบาลก่อน”

โม่ถิงเซียวพูดอย่างเย็นชา “คนที่ควรจะตรวจคือคุณมากกว่า”

“ฉัน…”

โม่ถิงเซียวหันไปมองบอดี้การ์ดที่เป็นคนขับรถแล้วพูด “กลับ”

“ครับ”บอดี้การ์ดตอบรับ จากนั้นก็สตาร์ทรถเพื่อจะกลับ

ทันใดนั้นโม่ถิงเซียวก็พูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน”

บอดี้การ์ดรีบจอดรถ

โม่ถิงเซียวหันมามองมู่นวลนวลที่แอบมองเขาเป็นครั้งคราว และพูดสองคำออกมา “ลงไป”

“คุณให้ฉันลงไปหรอ”มู่นวลนวลคิดว่าตัวเองฟังผิดไป

โม่ถิงเซียวมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ยังมีคนอื่นอีกรึไง”

มู่นวลนวลอึ้ง ดังนั้นปฏิกิริยาของเธอจึงช้าลง

เธออึ้งไปหลายวินาที กว่าจะรู้ตัวโม่ถิงเซียวก็เปิดประตูรถผลักเธอลงไปแล้ว

ท่าทางของโม่ถิงเซียวหยาบคายมาก สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ มองเธอราวกับขยะชิ้นหนึ่ง

มู่นวลนวลถูกเขาผลักออกจากรถ จึงล้มลงบนพื้น

เธอนั่งอึ้งอยู่บนพื้น จนได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้น เธอถึงเพิ่งได้สติกลับมา รีบลุกขึ้นมานั่งข้างถนน

แม้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอายที่ถูกไล่ลงจากรถกลางถนน แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเศร้า

อาจเป็นเพราะความทรงจำยังไม่กลับมา เธอจึงไม่รู้สึกผูกพัน

มู่นวลนวลแตะกระเป๋าเสื้อของตัวเอง โชคดีที่ยังพกโทรศัพท์ออกมาด้วย

และวันนี้ซือเย่ก็ยังโทรมาหาเธอ เธอจึงโทรกลับไปเบอร์เขา

“คุณโม่”น้ำเสียงของซือเย่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ฉันต้องการความช่วยเหลือ เกิดเรื่องกับโม่ถิงเซียวแล้ว”

เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ซือเย่ฟัง

ซือเย่ฟังจบก็พูดว่า “คุณโม่ตอนนี้คุณอยู่ไหน ผมจะไปรับคุณ”

ตอนนี้มู่นวลนวลไม่ได้พกเงิน ในเมื่อซือเย่บอกว่าจะมารับเธอ เธอก็ไม่เกรงใจ รีบบอกที่อยู่ของตัวเองกับซือเย่ทันที

ซือเย่มาเร็วมาก ราวกับเหาะมา

เขาจอดรถลงตรงหน้ามู่นวลนวล “คุณโม่ขึ้นรถครับ”

หลังจากมู่นวลนวลขึ้นรถแล้วจึงถาม “ก่อนหน้านี้โม่ถิงเซียวมีโรคอะไรหรือเปล่า ก่อนหน้านี้มีอาการแบบนี้ไหม”

“ไม่มีครับ”สีหน้าของซือเย่จริงจัง “วันนี้พวกเราเพิ่งรู้ว่าที่นายน้อยเสียความทรงจำเพราะถูกพี่สาวพาไปสะกดจิต ผมคิดว่าอาการแบบนี้ของนายน้อยน่าจะเกี่ยวข้องกับการโดนสะกดจิต”

“สะกดจิตหรอ”คำนี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยได้ยิน แต่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้ว่ามีการสะกดจิตเพื่อล็อคความทรงจำด้วย

ซือเย่ขมวดคิ้วพูด “ถ้าอาการตอนนี้ของนายน้อยเกี่ยวข้องกับการสะกดจิตจริง งั้นเราต้องรีบหาผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตคนนั้นให้เจอ”

มู่นวลนวลคิดถึงโม่มู่ขึ้นมา สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนไปทันที “เมื่อกี้เขาจำฉันไม่ได้ เขาจะจำโม่มู่ไม่ได้ด้วยหรือเปล่า”

ซือเย่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร แต่รีบเพิ่มความเร็วรถทันที

เมื่อมู่นวลนวลกับซือเย่มาถึงบ้าน บ้านก็วุ่นวายไปจนหมด

คนรับใช้และซือเย่ต่างยืนอยู่ในสวน

มู่นวลนวลเดินไปถามคนรับใช้คนหนึ่ง “โม่ถิงเซียวล่ะ”

คนรับใช้พูดด้วยความกลัว “นายน้อยอยู่ข้างใน เขาไล่พวกเราออกมาค่ะ”

มู่นวลนวลหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นโม่มู่จึงถามว่า “มู่มู่ล่ะ”

คนรับใช้มองไปที่ข้างตัวเอง แล้วก็แสดงท่าทีตกใจออกมา “เมื่อกี้คุณหนูยังอยู่นี่อยู่เลย”

มู่นวลนวลรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที

เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องโถง ก็เห็นพื้นกระจัดกระจายไปหมด

และโม่ถิงเซียวก็นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวในห้อง

มู่นวลนวลไม่ได้สนใจเขา เธอมองหาโม่มู่ไปทั่ว

“แม่…”

เสียงเล็กๆดังขึ้นมา มู่นวลนวลซึ่งก้มหน้าไปมอง ก่อนจะเห็นเธออยู่ตรงกระถางต้นไม้ใบใหญ่

โม่มู่เพิ่งสูงเท่ากระถางต้นไม้ เธอโผล่หัวออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา

มู่นวลนวลรู้สึกปวดใจมาก เธอรีบเดินไปกอดโม่มู่

ตอนแรกโม่มู่มีแค่น้ำตาไหลออกมา แต่ไม่ได้ร้องไห้ออกเสียง แต่เมื่อได้รับอ้อมกอดของมู่นวลนวล เธอก็ร้องไห้ทันที “คุณแม่”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท