ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 420 ความทรงจำสับสน

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

มู่นวลนวลตบหลังปลอบโม่มู่ “ไม่เป็นไรนะ”

เสียงของพวกเขาดึงดูดความสนใจของโม่ถิงเซียว

เมื่อโม่ถิงเซียวมองมาทางนี้ ซือเย่ก็เดินเข้ามาพอดี

ซือเย่ถามด้วยความกังวล “นายน้อยคุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”

โม่ถิงเซียวยิ้มมองซือเย่ “ฉันดูโอเคหรอ”

เมื่อโดนเขาพูดอย่างนั้นใส่ ซือเย่ก็พูดไม่ออกทันที

แต่เขาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว โม่ถิงเซียวไม่รู้จักมู่นวลนวล ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้จักเขา

“นายน้อย คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นใคร”ซือเย่ต้องการยืนยันสักหน่อย

โม่ถิงเซียวมองซือเย่อย่างเบื่อหน่าย “ซือเย่ นายแต่งงานสมองนายก็เลยโง่รึไง ฉันไม่ได้ความจำเสื่อม ทำไมจะไม่รู้จักไหม”

นี่ยังไม่เรียกว่าความจำเสื่อมอีกรึไง

สถานการณ์ในตอนนี้แย่ยิ่งกว่าความจำเสื่อมอีก

เดี๋ยวก่อนนะ ก่อนหน้านี้คุณชายบอกว่าเขาแต่งงานหรอ

เขาแต่งงานตั้งหลายปีแล้ว

ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนจบ พอมีเงินดาวน์บ้าน จึงขอภรรยาแต่งงาน

เรื่องมันผ่านมานานหลายปีแล้ว ทำไมเขาถึงพูดขึ้นมา

ซือเย่เตะเศษแก้วตรงหน้าออกไปและพูด “นายน้อย เรื่องแต่งงานของผมมันผ่านมาแปดเก้าปีแล้ว”

โม่ถิงเซียวไม่ได้พูด แต่มองเขาด้วยสีหน้าไม่ดี

ซือเย่เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา เขาดูจะสับสนในความทรงจำ

เขาแต่งงานมาแปดเก้าปีแล้ว แต่โม่ถิงเซียวก็เกิดพูดถึงเรื่องแต่งงานของเขาขึ้นมา

หรือว่าความทรงจำของโม่ถิงเซียวจะหยุดอยู่แค่การแต่งงานของเขา

ซือเย่แปลกใจกับการคาดเดาของตัวเอง

ซือเย่ลองถามดูอีกครั้ง “คุณรู้จักมู่มู่ไหม”

“มู่มู่อะไร”โม่ถิงเซียวเงยหน้ามองเขา โดยไร้ซึ่งอารมณ์ในสายตา

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณตรงหน้าคือโม่ถิงเซียว ซือเย่คงคิดว่าเขาอาจจะแกล้งโง่อยู่

ตอนแรกมู่นวลนวลตั้งใจจะอุ้มโม่มู่ออกไป แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ เธอจึงหยุดฝีเท้าลง

บทสนทนาระหว่างโม่ถิงเซียวกับซือเย่ ยิ่งฟังยิ่งไม่อยากเชื่อ

โม่มู่ก็ได้ยินเสียงของโม่ถิงเซียวเช่นกัน เธอจึงพูดกับมู่นวลนวลเสียงเบา “คุณพ่อเรียกหนู”

ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และไร้เดียงสา เธอต้องการการยืนยันจากมู่นวลนวล

มู่นวลนวลถอนหายใจ และอุ้มโม่มู่ไปตรงหน้าโม่ถิงเซียว

เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นมู่นวลนวล สีหน้าของเขาก็ไม่ดีทันที “คุณกลับมาอีกแล้วหรอ”

มู่นวลนวล “….”

ซือเย่รีบพูด “นายน้อย คนนี้คือมู่มู่ ลูกของคุณ”

สายตาของโม่ถิงเซียวหยุดลงที่โม่มู่ จากนั้นก็หันไปมองซือเย่อีกครั้ง “นายจะบอกว่านี่เป็นลูกกับเมียของฉันหรอ”

ซือเย่พยักหน้า

โม่ถิงเซียวยิ้มด้วยความโกรธ “ออกไปให้หมด ออกไปเดี๋ยวนี้!”

เพราะเขาโกรธเสียงจึงดังมาก โม่มู่ที่ยังเด็กอยู่จึงสั่นกลัวด้วยความตกใจ

เธอจ้องไปที่โม่ถิงเซียวด้วยดวงตาแดงก่ำ และพูดออกมาด้วยความเสียใจ “คุณพ่อ….”

โม่ถิงเซียวพูดโดยไม่มองเธอ “บอกให้ออกไปไม่ได้ยินหรือไง”

โม่มู่ร้องไห้ออกมา น้ำตาร่วงไม่หยุด “มู่ฉิงเชียว ไม่ดี”

เธอพูดจบก็ซบไหล่ของมู่นวลนวลร้องไห้

เธอร้องไห้และพูดไปด้วยว่า “หนูไม่ต้องการเขา ใจร้าย…ฮือๆๆๆ…”

มู่นวลนวลรู้สึกปวดใจมากจากเสียงร้องไห้ของเธอ

ตอนนี้โม่ถิงเซียวเป็นอย่างนี้ ไม่ฟังคำพูดของใครทั้งนั้น เธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่

เธออุ้มโม่มู่ออกไปปลอบ

“ไม่ต้องร้อง หนูลืมไปแล้วหรอว่าพ่อไม่สบาย เขาไม่ได้ตั้งใจ”

โม่มู่สูดหายใจเข้าและพูดว่า “ปวดท้อง”

ตอนที่เธอพูดคำนี้เธอก็เอามือมาแตะที่ท้องด้วยท่าทางน่ารัก

“ใช่ คุณพ่อปวดท้องมาก เมื่อกี้ก็เลยโกรธ หนูอย่าโกรธเขานะ”มู่นวลนวลลูบหัวของเธอ และอธิบายอย่างใจเย็น

“ชิ”

โม่มู่กอดอกและพูดว่า “โกรธค่ะ”

มู่นวลนวลรู้ว่าโม่มู่พูดไปอย่างนั้น ลูกของเธอก็เป็นเด็กขี้น้อยใจ

ตอนที่โม่มู่กลับมาเป็นปกติ ซือเย่ก็ออกมาจากข้างในพอดี

มู่นวลนวลส่งโม่มู่ให้คนรับใช้และถาม “เป็นยังไงบ้าง”

ซือเย่มองไปรอบๆ และเดินไปทางที่ไม่มีคน

มู่นวลนวลจึงเดินตามเข้าไป

“ผมรู้สึกว่านายน้อยมีความสับสนในความทรงจำ ความทรงจำของเขาหยุดอยู่ที่เจ็ดแปดปีก่อน ตอนที่ผมแต่งงานเขายังไม่รู้จักคุณ ถึงผมจะบอกเขาว่าเรื่องมันผ่านมาเจ็ดแปดปีแล้ว เขาก็อาจจะรับไม่ได้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดไปเพื่อมองปฏิกิริยาของมู่นวลนวล

มู่นวลนวลรู้สึกแปลกๆ

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ล้วนเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

สิ่งนี้เธอพอจะเข้าใจได้

เธอพยักหน้า “ช่วงนี้ฉันจะพามู่มู่ไปอยู่ที่อื่นก่อน”

ซือเย่พยักหน้า “โอเคเดี๋ยวผมช่วยหาที่อยู่”

ซือเย่รู้ในทุกเรื่อง ในเมื่อโม่ถิงเซียวเป็นอย่างนี้ เขาก็ต้องช่วยจัดการเรื่องมู่นวลนวลกับโม่มู่

“เรื่องนี้ไม่ต้อง”มู่นวลนวลปฏิเสธเขาอย่างนุ่มนวล “แค่รบกวนนายทำเอกสารให้ก็โอเคแล้ว ช่วงนี้ฉันจะไปอยู่กับเซินเหลียง”

เธอไม่อยากพึ่งโม่ถิงเซียวในทุกเรื่อง

ถึงแม้ครั้งนี้ซือเย่จะเป็นคนออกหน้า แต่ก็ต้องใช้เงินของเขา ยังไงความดีความชอบก็เป็นของโม่ถิงเซียว

เซินเหลียงบอกเธอว่า บทละครก่อนหน้านี้ของเธอน่าจะมีเงินออมอยู่บ้าง แต่เธอไม่มีเอกสารประจำตัวเอง

ซือเย่ไม่ได้บังคับเธอ ได้แต่พยักหน้าตกลง

หลังจากที่มู่นวลนวลติดต่อเซินเหลียงแล้ว ซือเย่ก็ให้คนไปส่งเธอที่บ้านของเซินเหลียง

ตอนที่พวกเธอไป คนที่รอระหว่างทางไม่ใช่เซินเหลียง แต่เป็นกูจื่อหยาน

มู่นวลนวลอึ้งไปชั่วขณะ และพูดออกมาว่า “กูจื่อหยาน”

พูดจบก็พูดกับโม่มู่ว่า “มู่มู่ทักทายสิลูก”

ความทรงจำของโม่มู่ดี ผ่านไปไม่นานเธอก็จำกูจื่อหยานได้

เธอพูดทักทายอย่างเชื่อฟัง “อากู”

กูจื่อหยานเล่นมายากล เสกอมยิ้มออกมาให้โม่มู่

“ชอบมั้ยคะ”

“ชอบค่ะ”โม่มู่ชอบลูกอมมาก จึงรับมาด้วยความดีใจ พร้อมพูดเสียงหวาน “ขอบคุณค่ะอากู”

ถ้าเทียบกับโม่ถิงเซียว คนที่ยังไม่ได้แต่งงานยังกูจื่อหยาน ยังสามารถเป็นพ่อคนได้ดีกว่า

มู่นวลนวลถามอย่างสงสัย “คุณรู้จักกับโม่ถิงเซียวได้ยังไง”

กูจื่อหยานตอบสั้นๆ “ตีกัน”

“คุณกับโม่ถิงเซียวน่ะหรอ”

“ไม่ใช่ เขาดูผมถูกคนอื่นตี”

มู่นวลนวล “…”เรื่องนี้ดูเหมือนโม่ถิงเซียวจะทำได้จริง

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท