มู่นวลนวลกลับไปที่ห้องครัว เธอวางมือบนเคาน์เตอร์แล้วหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เปิดไฟเพื่อต้มน้ำ
ก่อนหน้านี้เธอเคยทำอาหารให้โม่ถิงเซียวทาน และทำไมเขาถึงเอาไปให้คนอื่น?
มู่นวลนวลสงบสติอารมณ์แล้าต้มบะหมี่ต่อ
แต่คราวนี้มู่นวลนวลทำบะหมี่แห้ง
ตอนที่เธอเอาไปเสิร์ฟ โม่ถิงเซียวก็ไม่ได้อยู่ในห้องโถงแล้ว
เธอถามซือเย่:“โม่ถิงเซียวล่ะ?”
“คุณชายไปที่ห้องหนังสือแล้ว” ซือเย่ชี้ขึ้นไปชั้นบน
มู่นวลนวลเหลือบมองขึ้นไปชั้นบนแล้วพูดว่า:“งั้นฉันจะเอาไปให้เขาข้างบน”
สีหน้าของซือเย่ดูประหลาดใจ:“คุณมู่ คุณ……”
เขาไม่คิดว่ามู่นวลนวลจะอดทนขนาดนี้
“เมื่อก่อนผู้ช่วยซือไม่ได้เรียกฉันว่าคุณมู่” มู่นวลนวลหันมามองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
ซือเย่เรียกอย่างไม่แน่ใจ:“คุณหญิง?”
“ฉันขึ้นไปก่อนนะ” มู่นวลนวลพยักหน้าเป็นการยอมรับว่าความจำของตัวเองกลับมาแล้ว
สีหน้าของซือเย่ดูดีอกดีใจ แต่พอคืดถึงถานการณ์ของโม่ถิงเซียวอีกทีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าอาการของโม่ถิงเซียวจะทุเลาลงนิดหน่อย แต่ตอนนี้กลานเป็นแบบนี้อีกแล้ว แต่จู่ๆ ความทรงจำของมู่นวลนวลก็กลับมา
แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี
……
มู่นวลนวลยื่นมือไปเคาะประตูห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว
คนข้างในไม่ได้ส่งเสียงใดๆ
มู่นวลนวลจึงผลักประตูเข้าไป
แต่เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปก็มีของบางอย่างพุ่งเข้ามา มู่นวลนวลหันไปด้านข้าง เพื่อหลบของที่โม่ถิงเซียวโยนออกมา
หลังจากที่ของหล่อนลงบนพื้น มู่นวลนวลก็มองดูและเห็นว่าของนั้นคือแก้วกาแฟ มันหล่นลงบนพื้นแต่ว่าไม่แตก
วินาทีต่อมา โม่ถิงเซียวก็ตะโกนขึ้นมาทันที:“ออกไป!”
เมื่อถูกเขาตะโกนใส่มู่นวลนวลก็ตกตะลึง จากนั้นก็ปิดประตูและเดินเข้าไปหาเขา
ปัง!
เธอวางถาดลงอยู่บนโต๊ะ และทำให้เกิดเสียงเล็กน้อย
เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นว่ามู่นวลนวลกำลังเดินเข้ามา สายตาของเขาก็มองไปที่มู่นวลนวลอย่างไม่ได้ตั้งใจ
มู่นวลนวลนำบะหมี่แห้งออกจากถาดและวางลงข้างหน้าโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวโค้งริมฝีปาก แต่ไม่เห็นรอยยิ้ม:“ทำเป็นแค่ต้มบะหมี่?”
มู่นวลนวลตอบอย่างจริงจังว่า:“ไม่ใช่นะ ฉันยังทำอาหารเป็นอีกมากมายหลายอย่าง คุณลองชิมดูก่อนสิ”
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมา เพียงแค่รอยยิ้มนั้นยังไม่ถึงขอบตา:“เอาความมั่นใจมาจากไหน ฉันต้องกินของที่เธอทำใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น” มู่นวลนวลลดตาลงเล็กน้อยดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดี
โม่ถิงเซียวยื่นมือไปหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นก็โยนตะเกียบ:“บะหมี่อืดหมดแล้ว ไปทำมาใหม่”
มู่นวลนวลรู้สึกว่าเขาจงใจทำให้เรื่องยากของเขาเป็นเรื่องไร้เดียงสา
โม่ถิงเซียวเคยดีกับเธอมาก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามมู่นวลนวลรู้ดีอยู่ในใจว่าตอนนี้โม่ถิงเซียวรู้สึกไม่ปลอดภัย
ความจริงในสายตาของเขา ล้วนไม่สอดคล้องกับความทรงจำแต่ก่อนของเขาเลย
เขารู้สึกไม่สบายใจ ฉุนเฉียวง่าย หงุดหงิดง่าย
ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีอารมณ์ของโม่ถิงเซียวก็ไม่มั่นคงอยู่แล้ว
เพราะเอาใจเขามาใส่ใจเรา ดังนั้นมู่นวลนวลจึงไม่โกรธ
เธอลดสายตาลงแล้วก้มลงไปหยิบตะเกียบที่โม่ถิงเซียวทำหล่นไว้บนโต๊ะขึ้นมา และวางชามบะหมี่ลงบนถาด
เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นอย่างนั้นก็หรี่ตามองไปที่มู่นวลนวล
มู่นวลนวลยิ้มให้เขาและมองไปข้างหน้าอย่างสดใส
โม่ถิงเซียวส่ายหัวและขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นมู่นวลนวลก็ยื่นมือไปบีบคางของโม่ถิงเซียวและเอาบะหมี่ในมือยัดใส่ปากของเขา
โม่ถิงเซียวตกตะลึงกับการกระทำของมู่นวลนวล เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เมื่อมู่นวลนวลเอาตะเกียบออกเขาก็เริ่มเคี้ยวโดยไม่รู้ตัว
มู่นวลนวลกลั้นหัวเราะ เพียงแค่กินอย่างเชื่อฟัง?
โม่ถิงเซียวตอบสนองกับการกระทำของมู่นวลนวลเมื่อตะกี้ด้วยสีหน้าที่มืดมน
โม่ถิงเซียวลุกขึ้นยืนแล้วกัดฟันพูดว่า:“คุณออกไป!ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ผู้หญิงคนนี้กำเริบเสิบสาน
แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับเขาอย่างนี้
“ทำไมฉันต้องออกไปด้วย” มู่นวลนวลไม่โกรธและจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง และกำลังจะเดินออกไป
แต่เธอเดินไปได้แค่สองก้าวก็หันไปเห็นโม่ถิงเซียวยืนอยู่ตรงหน้า
ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นชั่วพริบตาเดียว เธอยื่นมือไปจับไหล่ของโม่ถิงเซียว เขย่งปลายเท้าแล้วยกตัวขึ้นจูบปากของเขาเบาๆ
เพียงแค่สัมผัส
การเคลื่อนไหวของมู่นวลนวลเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติ
หลังจากจูบเสร็จ เธอก็ถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็วพร้อมกับยิ้มอย่างประสบความสำเร็จและชี้ไปที่บะหมี่ที่อยู่บนโต๊ะทำงาน:“อย่าลืมกินบะหมี่ให้หมดนะ”
หลังจากที่พูดจบเธอก็เดินออกไปด้วยท่าทางอ่อนช้อย
ใบหน้าของโม่ถิงเซียวมืดมนและมองดูเธอหายไปนอกประตู เขายกเท้าขึ้นเตะเก้าอี้และตะโกนเสียงดัง
ด้านนอกมู่นวลนวลกำลังจะปิดประตู เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวภายในห้อง เธอก็ผลักประตูให้เปิดออกเล็กน้อยเพื่อเให้มีรอยแยกที่ประตู
ผ่านรอยแยกที่ประตู เธอเห็นโม่ถิงเซียวอยู่ในห้องด้วยสายตาที่คับแคบ และเก้าอี้ที่เขาเตะออกไปไกลมาก
มู่นวลนวลปิดประตูหนังสือด้วยสีหน้าซีด
ถ้าเธอออกมาช้ากว่านี้อีกนิด โม่ถิงเซียวอาจจะไม่ได้เตะเก้าอี้ แต่อาจจะเตะเธอแทนก็ได้นะ?
โม่ถิงเซียวอารมณ์ฉุนเฉียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ตอนที่เธอรู้จักโม่ถิงเซียว โม่ถิงเซียวก็เก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเองแล้ว ส่วนใหญ่จะโกรธแต่ไม่แสดงออก
แต่โม่ถิงเซียวในตอนนี้โกรธง่ายมากและอารมณ์เสียง่ายด้วย
ในทางตรงกันข้ามโม่ถิงเซียวในวัยยี่สิบปีดูเหมือนจะไม่สุขุมมากนัก
มู่นวลนวลเจอกับซือเย่ที่บันได
เขาหายใจหอบและถามมู่นวลนวลว่า:“คุณหญิง เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
เมื่อกี้โม่ถิงเซียวเสียงดังมาก ซือเย่กังวลว่าโม่ถิงเซียวจะทำร้ายมู่นวลนวล
ในวัยยี่สิบของเขายังหนุ่มและแข็งแรง และโม่ถิงเซียวในตอนนี้อาจจะไม่สงสารมู่นวลนวล
“ไม่มีอะไร เขาแค่โมโหตัวเอง” ในขณะที่พูดมู่นวลนวลก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ซือเย่ยกมุมปากขึ้น ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับโม่ถิงเซียว เขาต้องรับมืออย่างระมัดระวัง แต่มู่นวลนวลยังคงหัวเราะได้
ในทางกลับกันสิ่งนี้ยืนยันความคิดของเขาได้ ไม่ว่าโม่ถิงเซียวจะเปลี่ยนไปยังไง มู่นวลนวลก็พิเศษสำหรับเขาเสมอ
ซือเย่เห็นว่ามู่นวลนวลเดินลงมาชั้นล่าง จึงถามเธอว่า:“คุณหญิงจะไปไหนครับ?”
“อืม มู่มู่ยังอยู่ที่เซินเหลียง ฉันต้องกลับไป โม่ถิงเซียวอยู่ที่นี่ต้องลำบากคุณแล้ว มีอะไรก็โทรหาฉันนะ” เธอต้องดูแลทั้งมู่มู่และโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวเป็นเหมือนระเบิดที่เดินได้ ไม่รู้ว่าจะระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ ดังนั้นโม่มู่จึงไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้
ซือเย่เดินตามเธอไป:“งั้นผมจะให้คนไปส่งคุณ”
มู่นวลนวลปฏิเสธ:“ไม่เป็นไร ฉันขับรถมา”