หลังจากมู่นวลนวลจากไปแล้ว ซือเย่ก็ไปที่ห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว
ซือเย่มองดูสถานการณ์รอบๆ แล้วยกเก้าอี้ขึ้นจากพื้นอย่างเงียบๆ และผลักไปด้านหลังโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวนั่งลงด้วยสีหน้าที่โกรธจนเขียว
น้ำเสียงของเขาเย็นชาเล็กน้อย:“มู่นวลนวลผู้หญิงคนนั้น นายเรียกมาหรอ?”
ใจของซือเย่ตกลงที่พื้น และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยน:“ครับ”
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาอันเฉียบคม:“ฉันไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันกับเธอ ต่อไปไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน นายห้ามเรียกผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้านของฉันอีก”
ซือเย่อ้าปากค้าง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างและพูดอย่างคล้อยตาม:“เข้าใจแล้วครับ”
แม้จะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี่มู่นวลนวลทำอะไรกับโม่ถิงเซียว แต่เมื่อเห็นท่าทางโกรธของโม่ถิงเซียว ซือเย่ก็รู้ว่าเขาต้องทำตามที่โม่ถิงเซียวพูด
เขาไม่เข้าใจอารมณ์ของโม่ถิงเซียวเลย
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นก็พูดอย่างไม่แสดงท่าทีใดๆ:“ออกไปเถอะ”
ซือเย่หันหลังเดินออกไป ตอนที่เขาจะปิดประตูก็เห็นโม่ถิงเซียวหยิบตะเกียบขึ้นมาและกินบะหมี่
ซือเย่ค่อยๆ ปิดประตู
เมื่อกี้ยังพูดว่าถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ต่อไปห้ามให้มู่นวลนวลมาที่บ้านอีก?
พูดอย่างหนักแน่นขนาดนั้น แต่ตอนนี้กำลังกินบะหมี่ที่มู่นวลนวลต้ม?
ถ้าอย่างนั้นเขาควรเรียกให้มู่นวลนวลมาที่บ้านโม่ถิงเซียวอีกไหม?
……
เมื่อมู่นวลนวลขับรถกลับไปที่บ้านของเซินเหลียง เซินเหลียงกับโม่มู่ยังคงดูการ์ตูนอย่างสนอกสนใจ
ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว ทั้งสองคนยังหัวเราะและดูมีพลังมาก
เมื่อเซินเหลียงได้ยินเสียงเปิดประตูก็หันไปมองทางมู่นวลนวล:“นวลนวล เธอกลับมาแล้ว”
“ยังดูทีวีกันอยู่” มู่นวลนวลเดินไปนั่งข้างๆ โม่มู่
โม่มู่หันไปมองมู่นวลนวลและส่งเสียงเรียกอย่างขอผ่านไปที:“แม่”
จากนั้นก็หันไปดูการ์ตูนต่อ
มู่นวลนวลไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอไม่น่าดึงดูดเท่าการ์ตูน
เซินเหลียงเดินไปด้านหลังโม่มู่แล้วนั่งลงข้างๆ มู่นวลนวลแล้วกระซิบว่า:“มู่มู่เก่งมาก”
“ลำบากแล้ว” มู่นวลนวลพูดเบาๆ
เซินเหลียงถามว่า:“บอสใหญ่เป็นยังไงบ้าง?”
“แม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำก็ยังเป็นคุณชายโม่ที่อารมณ์ร้าย” มู่นวลนวลนึกถึงสิ่งที่โม่ถิงเซียวเคยทำก่อนหน้านี้ แต่ก็จนปัญญา
มู่นวลนวลกับเซินเหลียงพูดคุยกันง่ายๆเพียงสองประโยค จากนั้นก็พาโม่มู่เข้านอน
ดึกมากแล้ว อันที่จริงโม่มู่เพียงแค่ดูเหมือนมีกำลังวังชาเท่านั้น เธอง่วงตั้งนานแล้ว แต่ยังยืนกรานที่จะดูการ์ตูน
โม่มู่หลับเร็วมาก
หลังจากที่กล่อมโม่มู่หลับแล้ว มู่นวลนวลก็ไปอาบน้ำ
เมื่อออกมาเธอก็พิงหัวเตียงและจ้องมองไปที่โม่มู่สักพัก
โม่มู่กับโม่ถิงเซียวหน้าตาคล้ายกันมาก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น
เมื่อนึกถึงโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ
วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายและไม่มีเวลาให้มู่นวลนวลได้ตอบโต้ก็ถูกบังคับให้ยอมรับสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเอง รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบันของโม่ถิงเซียวด้วย
เมื่อเห็นท่าทางของโม่ถิงเซียว เธอก็รู้สึกเสียใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเสียใจ
โม่มู่ต้องการเธอ โม่ถิงเซียวก็ต้องการเธอ
ก่อนหน้านี้เป็นโม่ถิงเซียวที่จัดการทุกอย่างอย่างดี คราวนี้เธอต้องช่วยเขา
มู่นวลนวลลดสายตาลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาเบอร์ติดต่อของโม่ถิงเซียว และส่งข้อความหาเขา:“ราตรีสวัสดิ์”
หลังจากส่งข้อความไปแล้ว เธอก็จ้องมองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง
จากนั้นไม่กี่นาทีโทรศัพท์ของเธอก็สั่นอย่างกะทันหัน
มู่นวลนวลใจเต้นแรงและดูโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น และพบว่ามันเป็นเพียงข้อความที่ผู้ให้บริการส่งมา
ยังคงต้องใช้เวลา
……
วันต่อมา
มู่นวลนวลติดต่อกับซือเย่และพูดบางอย่างเกี่ยวกับการสะกดจิตที่เธอสอบถามมาจากหลี่จิ่วเหิง
ซือเย่บอกเรื่องที่โม่จิ่นหยุนพาโม่ถิงเซียวไปสะกดจิตกับมู่นวลนวล
หลังจากที่มู่นวลนวลได้ฟังก็เงียบไปสองสามวินาทีและพูดว่า:“เธอทำทุกวอ”
โม่จิ่นหยุนเกลียดเธอมากขนาดนี้เลยหรอ?
ก่อนอื่นต้องการให้เธอตาย จากนั้นเขาก็พาโม่ถิงเซียวไปทำการสะกดจิตและปิดกั้นความทรงจำ
แม้ว่าโม่จิ่นหยุนจะไม่ได้ลงมือกับมู่นวลนวลโดยตรง แต่ทุกสิ่งที่โม่จิ่นหยุนทำล้วนเป็นอุบายที่จะฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือด
ในด้านสว่างมู่หวันฉีต้องการฆ่ามู่นวลนวลโดยตรง แต่วิธีการของโม่จิ่นหยุนนั้นฉลาดกว่าเล็กน้อย เธอโจมตีจุดอ่อนของมู่นวลนวล
แต่โม่จิ้นหยุนก็ยังคาดการณ์ผิดพลาด
มู่นวลนวลจะไม่ยอมให้โม่จิ่นหยุนทำสำเร็จ เธอจะต้องทำให้โม่ถิงเซียวดีขึ้นอย่างแน่นอน
“แน่ใจนะว่าโม่จิ่นหยุนไม่ได้โกหก?เธอเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าหมดหลี่คนนั้นเลย หรือว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างของเธอ?”
โม่จิ่นหยุนเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและเธอทำอะไรก็จะระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ในตอนแรกที่เธอไปหานักสะกดจิตคนนั้น เพื่อปิดกั้นความทรงจำของโม่ถิงเซียว เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับอย่างแน่นอน
ในเมื่อไม่อยากให้ใครรู้ เธอจะตกลงให้นักสะกดจิตคนนั้นสะกดจิตโม่ถิงเซียว โดยที่ไม่เคยเห็นหน้าเขาได้ยังไง?
เนื่องจากโม่จิ่นหยุนกลัวว่าเรื่องจะถูกเปิดเผย เธอจึงคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบและเธอจะต้องบีบนักสะกดจิตคนนั้นให้อยู่ในกำมือของเธอก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้นักสะกดจิตคนนั้นทรยศ
ซือเย่นิ่งไปชั่วขณะและพูดเพียงประโยคเดียว:“……น่าจะไม่ได้โกหกนะ”
ในตอนนั้นแม้แต่ชีวิตของโม่จิ่นหยุนก็ถูกข่มขู่ ยังจะโกหกอีกได้ยังไง
และตอนนั้นโม่ถิงเซียวก็ต้องการจะบีบคอโม่จิ่นหยุนให้ตาย เรื่องนี้ซือเย่รู้ดี เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา
“อึ้ม” แม้ว่ามู่นวลนวลจะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไปหาโม่จิ่นหยุน
หลังจากวางสาย มู่นวลนวลก็หันกลับมาและเห็นว่าโม่มู่กับเซินเหลียงลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเธอนั่งอยู่บนโซฟาและจ้องมองเธอ
มู่นวลนวลตกตะลึงไปชั่วขณะครู่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์” โม่มู่เพิ่งตื่นนอน เธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบาและน่ารักมาก
“อาหารเช้าเสร็จแล้ว อาบน้ำเสร็จก็กินได้เลย” ในขณะที่มู่นวลนวลพูดก็เดินเข้าไปอุ้มโม่มู่เข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากที่โม่มู่ล้างหน้าแล้ว เธอก็วิ่งไปที่ห้องอาหาร
มู่นวลนวลล้างมือเสร็จแล้วก็พูดกับเซินเหลียงว่า:“ฉันจะออกไปข้างนอก ไปหาโม่จิ่นหยุน”
“ไปหาเขาทำไม?” เซินเหลียงหัวเราะเยาะ:“คุณหนูโหญ่ตระกูลโม่คนนั้น เป็นพี่สาวที่ปรารถนาจะควบคุมอย่างแรงกล้า เธอไปหาเขา เขายังจะมีหน้ามาเจอเธอหรอ?”
มู่นวลนวลยิ้มด้วยแววตาที่เย็นชา:“ดูเหมือนว่าฉันจะยังมีหน้าไปเจอเธอนะ”
“จุ๊ๆ น้ำเสียงของเธอดูไม่เหมือนมู่นวลนวลที่ฉันรู้จักเลยนะ” เซินเหลียงเอียงหัวมองเธอและพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเล็กน้อย
“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ฉันเป็นแม่ของโม่มู่และเป็นภรรยาของโม่ถิงเซียว……” มู่นวลนวลเลิกคิ้ว:“เกือบลืมไปเลย โม่จิ่นหยุนช่วยทำให้ฉันกับโม่ถิงเซียวหย่ากันแล้ว”
เซินเหลียงทำเสียง “เอ๊ะ” แล้วลูบแขนของตัวเอง:“นวลนวล น้ำเสียงนี้ของเธอยิ่งฟังยิ่งเหมือนกับพ่อของมู่มู่ ฟังดูแปลก ๆ”