ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 441 ให้โม่ถิงเซียวทำตัวเป็นเด็กดี

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ซือเย่ฟังแล้วก็พูดว่า “ทราบแล้วครับ”

และตอนที่เขาวางสายและหันมา ก็เห็นโม่ถิงเซียวกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่าอยู่

สายตาของโม่ถิงเซียวนั้นแหลมคม ทำให้ซือเย่รู้สึกผิด

เขาพูดตะกุกตะกัก “….นายน้อย”

โม่ถิงเซียวถามโดยไม่แม้แต่จะขยับคิ้ว “เธอพูดอะไรกับนาย”

ถึงแม้เขาจะทำงานรับใช้โม่ถิงเซียวมานาน แต่เมื่อเขาถูกโม่ถิงเซียวจ้องจับผิดอย่างนี้ก็ทำตัวไม่ถูก

เขามั่นใจว่าเมื่อกี้โม่ถิงเซียวไม่เห็นว่าคนที่โทรมาคือมู่นวลนวล แต่เขาก็สามารถเดาได้ว่าคนที่โทรมาคือเธอ

“นายหญิงบอกว่า ถ้าวันนี้คุณไม่ไปกินข้าวที่โน่น ก็ให้ผมไปรับมู่มู่มาหาคุณ”ในเมื่อโม่ถิงเซียวเดาได้ว่าคนที่โทรมาคือมู่นวลนวล เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดตามตรง

“หึ”

โม่ถิงเซียวแสยะยิ้ม “ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนใจเร็วเชียว พอหาที่อยู่ให้ตัวเองได้แล้ว ก็จะส่งมู่มู่ให้มาฉัน”

“นายน้อยคุณ…. คิดมากไปหรือเปล่า”ซือเย่คิดไม่ออกจริงๆว่าทำไมโม่ถิงเซียวถึงคิดอย่างนี้

มันเหลือเชื่อมาก

“เมื่อคืนฉันเพิ่งบอกเธอไป ว่าฉันจะไปกินข้าวกับเธอที่นู่น แล้วผลลัพธ์เป็นยังไง เธอกลับพาลูกของฉันไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่น”

เมื่อโม่ถิงเซียวพูดถึงประโยคสุดท้าย เขาก็โยนแฟ้มในมือไป “ทั้งคิดแต่งงานใหม่กับฉัน และก็ยังออกไปเดทกับผู้ชายคนอื่น เธอช่างกล้าจริงๆ”

ซือเย่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดแทนมู่นวลนวล “ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณลี่เป็นผู้มีพระคุณของนายหญิง ในเมื่อเธอฟื้นคืนความทรงจำกลับมาแล้ว เธอไปเลี้ยงข้าวเขาก็เป็นเรื่องปกติ….”

เมื่อก่อนโม่ถิงเซียวก็เป็นคนโกรธอย่างไม่มีที่มาที่ไป แต่เขาก็ยังมีความคิดแยกแยะได้

แต่ตอนนี้โม่ถิงเซียวเป็นคนคิดเองเออเอง

มู่นวลนวลแค่ไปกินข้าวกับลี่จิ่วเหิง แต่เขาก็คิดว่าเธอคิดเปลี่ยนใจแล้ว

จินตนาการของเขา ซือเย่ตามไม่ทันจริงๆ

เมื่อได้ฟังคำพูดของซือเย่เขาก็คิดอยู่พักหนึ่ง

ซือเย่จึงพูดต่อ “แถมคุณลี่ยังแย่กว่านายน้อยมาก”

ซือเย่อยู่ข้างโม่ถิงเซียวมานานหลายปี ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เขาต้องประจบสอพลอเจ้านาย

โชคดีที่คำพูดของซือเย่มีผลต่อโม่ถิงเซียวเล็กน้อย

“หรอ”โม่ถิงเซียวพูดจบก็โบกมือ “ออกไปเถอะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นซือเย่ก็ออกไป

โม่ถิงเซียวพิงตัวไปข้างหลัง ขมวดคิ้วคิดอย่างจริงจัง

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาจะไปกินข้าวกับมู่นวลนวลเย็นนี้ดีไหม แต่เขาก็มีความลังเล

เขาชินปากไปซะแล้ว เมื่อได้กินอาหารที่มู่นวลนวลทำ เขาก็ไม่อยากกินอาหารที่คนรับใช้ที่บ้านทำ

มู่นวลนวลก็พอจะเดาได้ว่าวันนี้เขาไม่น่าจะมา

ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจอารมณ์ของเขาอยู่บ้าง

ยิ่งเธอรู้สึกว่าเขาไม่ไป เขาจะยิ่งไป

….

ตอนเย็นมู่นวลนวลทำอาหารเต็มโต๊ะ ครึ่งหนึ่งเป็นอาหารที่โม่ถิงเซียวชอบกิน

เดี๋ยวถ้าซือเย่มารับโม่มู่ ก็แสดงว่าโม่ถิงเซียวไม่มา เธอจะให้ซือเย่ห่อข้าวไปให้โม่ถิงเซียว

ตอนนี้โม่ถิงเซียวโมโหอย่างไม่มีเหตุผลบ่อยๆ เธอไม่ค่อยเข้าใจ

ยังไงเขาก็เป็นคนป่วย

เธอไม่ค่อยมีความรู้เรื่องคนป่วยมากนัก

เธอทำอาหารเสร็จตอนเวลาเกือบสองทุ่ม และตอนนั้นเสียงกริ่งก็ดังครึ่ง

มู่นวลนวลเดินไปเปิดประตูและเห็นว่าคนที่มาก็คือโม่ถิงเซียว เธอตะลึงไปสามวินาที ก่อนจะถอยหลังให้เขาเดินเข้ามา

เมื่อเขาเดินเข้ามาแล้ว เธอถึงเพิ่งได้สติกลับมา เธอจึงหยิบรองเท้าจากตู้รองเท้ามาวางไว้ตรงหน้าโม่ถิงเซียว

รองเท้าแตะเธอเพิ่งไปซื้อมาเมื่อตอนบ่าย ซื้อตามไซส์เท้าของเขาโดยเฉพาะ

โม่ถิงเซียวเหลือบตาไปมองแล้วก็เห็นว่าเป็นรองเท้าใหม่

จึงก้มลงไปใส่โดยไม่พูดอะไร

พอดีกับเท้ามาก น่าจะซื้อไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยใจเล็กน้อย

หลังจากใส่รองเท้าเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปในห้องอาหารราวกับเป็นบ้านของตัวเอง

มู่นวลนวลที่เดินตามหลังเขาพูดว่า “ฉันคิดว่าวันนี้คุณจะไม่มาสะอีก”

โม่ถิงเซียวหันมามองเธอโดยไม่แสดงอาการอะไรออกมาและพูด “ถ้าผมไม่มาแล้วคุณจะเรียกใครมา”

คำพูดของเขาตอนอารมณ์ไม่ดีสามารถฆ่าคนได้เลย

มู่นวลนวลเคยเห็นมาก่อน

เมื่อเห็นเขาพูดโจมตี เธอจึงตอบโต้กลับอย่างไม่แพ้กัน “ดังนั้นคุณกลัวฉันเรียกคนอื่นมา คุณก็เลยมาเองหรอ”

“มู่นวลนวล คุณ….”โม่ถิงเซียวยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเจ้าก้อนตัวเล็กขัดขวางไว้ก่อน

โม่มู่ได้ยินเสียงของโม่ถิงเซียว จึงรีบวิ่งมาที่ร่างของเขา

และแน่นอนเธอยังเหมือนเมื่อก่อน ความสูงของเธอยังไม่มากนัก จึงกอดได้แค่ขาของโม่ถิงเซียว

โม่ถิงเซียวก้มหน้าลง สบตากับดวงตาสดใสของเด็กน้อย

โม่มู่ส่งยิ้มหวาน พูดอย่างชัดเจน “คุณพ่อ”

สีหน้าของโม่ถิงเซียวลดความเย็นชาลงไปมาก

เขาจ้องโม่มู่อยู่นาน และพูดอย่างจริงจัง “อ้วนอีกแล้วหรอ”

มู่นวลนวล “….”

ช่างเถอะ อย่าคาดหวังว่าจะได้ยินถ้อยคำน่าฟังจากปากของโม่ถิงเซียวเลย

มู่นวลนวลลูบหัวของโม่มู่ และพูดอย่างอ่อนโยน “มู่มู่ คุณพ่อชมว่าหนูน่ารัก”

โม่มู่ปล่อยขาของโม่ถิงเซียวออก คิ้วของเธอขมวดเป็นปม พร้อมพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “พ่อบอกว่าหนูอ้วน”

“….”โม่มู่เข้าใจคำพูดของโม่ถิงเซียว

โม่มู่ยู่ปากลง “อ้วนไม่ดี”

เธอไม่ได้ดูการ์ตูนไปเรื่อยเปื่อย เธอเข้าใจคำศัพท์อยู่หลายตัวมาก

โม่ถิงเซียวขยับริมฝีปากเล็กน้อย และพูดอย่างจริงจัง “อ้วนสิดี แปลว่าน่ารัก”

โม่มู่หันไปสบตาโม่ถิงเซียวอยู่หลายวิ “อ๋อ”

จากนั้นก็กอดขาโม่ถิงเซียวอีกครั้ง “คุณพ่อกอด”

เมื่อถูกโม่มู่อ้อน เขาก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ “ไม่เรียกมู่ฉิงเชียวหรอ”

โม่มู่คิดว่าเขาต้องการให้เธอเรียกว่ามู่ฉิงเชียว ดังนั้นเธอจึงเรียกว่า “มู่ฉิงเชียว”

น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความจริงจัง

โม่ถิงเซียวอุ้มเธอขึ้นมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

มู่นวลนวลกลั้นหัวเราะไว้ เธอรู้สึกดีมากที่ได้เห็นโม่ถิงเซียวตกอยู่ในกำมือของโม่มู่

โม่ถิงเซียวอุ้มโม่มู่ไปนั่งหน้าโต๊ะอาหาร

หลังจากที่โม่มู่มาอยู่กับมู่นวลนวล ทุกครั้งที่กินข้าวเธอจะเป็นคนหยิบจานและตะเกียบเอง

เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลกำลังหยิบอาหารจากในครัวออกมา เธอก็ลงมาจากตักของโม่ถิงเซียว วิ่งเข้าไปเอาชามและตะเกียบของตัวเองในห้องครัว

หลังจากที่เธอหยิบชามและตะเกียบของตัวเองออกมาวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ยังเห็นโม่ถิงเซียวนั่งอยู่ที่เดิม เธอจึงเดินไปดึงเขา “ต้องเอาชามเองถึงจะเป็นเด็กดี”

โม่ถิงเซียว “….”

มู่นวลนวลกำลังจะหยิบชามออกมา แต่เมื่อเห็นการกระทำของโม่มู่ เธอจึงแอบวางจานลงเหมือนเดิม

ให้โม่ถิงเซียวทำตัวเป็นเด็กดีแล้วกัน

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท