ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 443 เธอดังแล้ว

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ถึงโม่มู่จะพูดไม่เป็นถ้อยเป็นคำ แต่โม่ถิงเซียวก็สามารถฟังเธอเข้าใจอย่างไม่น่าเชื่อ

โม่มู่อยากอยู่สามคนพ่อแม่ลูก แต่ความรู้ของเธอไม่พอ ทำให้เลือกคำมาใช้ไม่ค่อยถูก

โม่ถิงเซียวพูด “ทำไมพ่อจะไม่ให้แม่มาล่ะ แม่ไม่มาเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของโม่ถิงเซียว โม่มู่ก็ร้องไห้เบาลง และหันไปมองเขาอย่างจริงจัง

โม่มู่พูดอย่างใสซื่อ “แม่อยากมา”

โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วมองเธอ “หรอ แล้วทำไมไม่มาล่ะ”

เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสนใจมาก เมื่อกี้ยังร้องไห้จะเป็นจะตาย ตอนนี้ไม่ร้องแล้ว ถึงจะไม่เข้าใจคำพูดของเขา ก็ยังจะเถียงเขา

โม่มู่สับสนกับคำพูดของโม่ถิงเซียว แต่ก็ตะโกนออกมาว่า “แม่มา”

“โอเค”โม่ถิงเซียวหายใจเข้าลึกๆ “แม่มา”

และลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นหนึ่ง โม่ถิงเซียวจึงอุ้มเธอออกมาจากลิฟต์

เขาวางเธอลงบนพื้นและจูงมือเดิน

ทันใดนั้นโม่มู่ก็ปล่อยมือเขา และวิ่งเข้าไปในลิฟต์

โม่ถิงเซียวมองมือเขาที่ถูกปล่อย และเดินไปตาม

โม่มู่กำลังเขย่งเท้ากดลิฟต์ แต่เพราะว่าเธอสูงไม่พอ จึงกดไม่ถึง

โม่ถิงเซียวก้มตัวลง อุ้มโม่มู่มาไว้บนไหล่และเดินออกไป

“ปล่อย”โม่มู่ดิ้น “ปล่อยหนูลง”

โม่ถิงเซียวไม่ฟังคำพูดของเธอ เขาอุ้มเธอมาจนถึงลานจอดรถ

เขาปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อกดกุญแจรถ และยัดเธอเข้าไปในรถ

เบาะหลังของรถติดตั้งเบาะสำหรับเด็ก น่าจะเป็นเขาเองที่ทำไว้เมื่อก่อน

โม่ถิงเซียววางเธอไว้ที่ที่นั่งเด็ก รัดเข็มขัดนิรภัย และเมื่อเห็นว่าโม่มู่ยังดูโกรธอยู่ สีหน้าของเขาก็ดุขึ้น “นั่งดีๆ อย่าขยับ อย่าตะโกน!”

โม่มู่หดไหล่ลงด้วยความกลัว และรีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองเขา

กลัวเขา

โม่ถิงเซียวติดประตูอย่างพอใจ จากนั้นก็รีบมาขับรถ

ตอนที่เขาออกตัว เขาก็มองโม่มู่จากกระจกหลัง เมื่อเห็นว่าเธอเล่นกับเข็มขัดนิรภัยอยู่ เขาจึงดึงสายตากลับมา

ปกติเขาขับรถแค่ยี่สิบนาที แต่ครั้งนี้เขาขับนานขึ้นสิบนาที

รถจอดลงที่คฤหาสน์ เมื่อเขาเปิดประตูรถก็เห็นว่าโม่มู่หลับไปแล้ว

โม่ถิงเซียวอุ้มเธอออกมาและพูดเสียงเบา “กินอิ่มแล้วก็นอนหลับ”

ช่วงนี้ซือเย่พักอาศัยกับโม่ถิงเซียว เมื่อเขาเห็นโม่ถิงเซียวอุ้มโม่มู่เข้ามาก็รู้สึกตกใจ

หลังจากตกใจแล้ว เขาก็นึกถึงคำพูดของโม่ถิงเซียวได้ เขาจึงพูดอย่างไม่สบายใจ “นายน้อย ทำไมถึงพามู่มู่กลับมาล่ะครับ”

โม่ถิงเซียวคงไม่ได้แอบพาตัวโม่มู่มาใช่ไหม

โม่ถิงเซียวเดินเข้าไปข้างในโดยไม่มองมา “เธอจะกลับมากับฉันเอง”

ถึงแม้พอออกมาจากลิฟต์แล้ว เธอจะอยากวิ่งกลับไป แต่ตอนที่ออกมาจากบ้าน โม่มู่ยินยอมที่จะมากับเขาเอง

โม่ถิงเซียวอุ้มโม่มู่ไปที่ห้องของเธอ

เขาวางเธอลงบนเตียงและนิ่งไปพักนึง

ไม่เคยมีใครบอกเขาว่าห้องนี้เป็นห้องของโม่มู่ แต่เขาก็พาโม่มู่มาโดยสัญชาตญาณ

เขามองโม่มู่อยู่สักพัก แล้วหันหลังเดินจากไป

ซือเย่ยืนรออยู่ที่ประตู

โม่ถิงเซียวสั่งเขา “ไปเรียกแม่บ้านผู้หญิงมา”

ซือเย่พยักหน้าเล็กน้อย และลงไปเรียกแม่บ้านมาดูแลโม่มู่

โม่ถิงเซียวไปห้องทำงานแล้ว

ซือเย่จึงรีบตามเข้าไป

ทันทีที่โม่ถิงเซียวนั่งลง เขาก็นึกถึงเรื่องที่มู่นวลนวลพูดกับเขา

เขามองไปที่ซือเย่และถาม “เรื่องนักสะกดจิตตรวจสอบแล้วเป็นยังไงบ้าง”

“หมอสะกดจิต คนทำอาชีพนี้ไม่ได้มีมากนัก แถมผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตระดับสูงนั้นมีน้อยมาก…”ซือเย่พูดและหยุดไป

“ยิ่งไปกว่านั้น หมอสะกดจิตระดับสูงพวกนี้ หลังจากที่สะกดจิตคนไข้ให้ลืมทุกอย่างแล้ว ยังสะกดจิตให้ลืมหน้าของพวกเขาด้วย”

เมื่อซือเย่พูดจบ ก็แอบมองท่าทางของโม่ถิงเซียว

โม่ถิงเซียวหรี่ตา พูดเสียงเยือกเย็นไปจนถึงกระดูกดำ “งั้นก็หมายความว่า ผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ไม่เคยมีใครเห็นหน้าที่แท้จริงของพวกเขาเลย”

ซือเย่พยักหน้า และก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก แสดงว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด

“หึ”

นานมาก โม่ถิงเซียวก็พูดด้วยเสียงเย็นชา “น่าสนใจจริงๆ หาต่อไป ฉันไม่เชื่อว่ามันจะซ่อนได้ตลอดชีวิต”

“ครับ”

……

เมื่อโม่มู่ไม่อยู่ ห้องก็เงียบลงไปมาก

หลังจากที่มู่นวลนวลทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว กำลังจะเรียกโม่มู่มากิน ก็เพิ่งนึกได้ว่าโม่ถิงเซียวพาโม่มู่กลับไปด้วยแล้วเมื่อวาน

ยังรู้สึกไม่ค่อยชิน

มู่นวลนวลกินข้าวและดูข่าวบันเทิงไปด้วย

ผ่านมาหลายวันแล้ว ยังมีการพูดถึงเรื่องที่เธอโพสต์ในเวยป๋ออยู่

“นักเขียนมู่มู่ ผู้แต่งเรื่องเมืองที่สาบสูญ หายตัวไปเป็นเวลาสามปี เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดกระแสอย่างรุนแรง นอกจากแฟนคลับที่รอติดตามการเคลื่อนไหวของนักเขียนมู่มู่อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีชาวเน็ตเม้าท์กันว่า มีใครจำได้หรือเปล่าว่านักเขียนคนนี้ เป็นภรรยาคนเก่าของคุณชายมู่ ชื่อมู่นวลนวล….”

“และยังมีประเด็นที่สำคัญอีกว่า หลังจากที่มู่นวลนวลหายตัวไปในอากาศ ข่าวลือเกี่ยวกับเธอก็หายไปจนหมด และก่อนที่เธอจะหายตัวไปยังมีแฟนใหม่ มีชาวเน็ตเดากันว่า การที่เธอหายตัวไปสามปีนี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับแฟนเก่าของเธอเมื่อสามปีก่อน หรือว่า….”

การรายงานข่าวอย่างนี้ ยังสามารถเรียกความสนใจในวงการบันเทิงได้

มู่นวลนวลอ่านข่าวด้วยความสนุกสนาน

เรื่องราวทั้งหมดถูกแต่งขึ้นมา ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด ทั้งหมดปลอมหมดเลย

นักข่าวสมัยนี้นั่งเทียนเขียนเก่งขนาดนี้เลยหรอ

แฟนใหม่

เธอมีแฟนใหม่ตอนไหนกัน

มู่นวลนวลคิดย้อนกลับไปอย่างละเอียด ตอนนั้นลี่จิ่วเหิงมาหาเธอ และถูกปาปารัสซี่หาว่าเป็นแฟนใหม่ของเธอ

หลังจากนั้นเธอก็ถูกซือเฉินยวี่ลักพาตัวไป

หลังจากอ่านข่าวจบ มู่นวลนวลก็ไม่ลืมที่จะอ่านคอมเม้นต์

“จริงหรอ คนแต่งเมืองที่สาบสูญเป็นภรรยาเก่าของโม่ถิงเซียวหรอ ไม่ใช่ว่าหานักเขียนใหม่มาแทนนะ”

“พูดอะไรไม่มีประโยชน์เลย สิ่งที่ฉันอยากรู้ก็คือ เมืองที่สาบสูญภาคสองจะถ่ายตอนไหน ตอนจบภาคหนึ่งมีปมมากมาย ต้องมีภาคสองใช่ไหม”

“จะสนใจทำไมแฟนเก่าแฟนใหม่ สนใจแค่ว่าจะถ่ายเมืองที่สาบสูญภาคสองไหม”

“เมืองที่สาบสูญคืออะไรไม่เคยดู ชื่อนี้มาจากไหน อยากดังใช่ไหมล่ะ ช่วงนี้เห็นข่าวของเธอเยอะมาก ซื้อโฆษณาเท่าไหร่ล่ะ”

ข้างล่างยังมีคอมเม้นต์อีกมากมาย

“เธอไม่เคยดูไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่เคยดู”

“เธออยากดังหรือไม่อยากดัง เธอก็ดังแล้วจบไหม”

“ฉันว่าเธอมากกว่าที่อยากดัง ตั้งใจมาด่าคนอื่นขนาดนี้ ดังสมใจไหมล่ะ….”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท