เธอจำพล็อตเรื่องเมืองที่สาบสูญได้ แต่มีรายละเอียดบางอย่างที่เธอจำไม่ค่อยได้
ตอนนี้เธอต้องเขียนภาคสอง เธอจึงต้องทบทวนเนื้อเรื่องของภาคแรกอีกครั้ง
มู่นวลนวลดูเนื้อหาของเมืองที่สาบสูญในไอแพดทั้งวัน
ตอนที่ทำอาหารก็ยังวางไอแพดไว้บนเคาน์เตอร์ หั่นผักไป และดูหนังไปด้วย
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังที่ประตูข้างนอก
มู่นวลนวลสะดุ้ง กดหยุดหนัง และเดินไปที่ประตู
เธอยังไม่ทันได้เปิดประตู คนข้างนอกก็เปิดเข้ามาก่อน
มีผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
มู่นวลนวลถามด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณคือใคร”
ผู้ชายคนนั้นตกใจกับท่าทางของมู่นวลนวล น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย “ผมเป็นคนปลดล็อคประตู….”
สีหน้าของมู่นวลนวลเย็นชาขึ้น “ฉันไม่ได้เรียกให้มาเปิด”
ท่านใดนั้นน้ำเสียงคุ้นเคยของผู้ชายคนหนึ่งก็ดัง “ผมให้เขามาเอง”
ชายคนปลดล็อคประตูถอยหลังไป ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของโม่ถิงเซียวปรากฏอยู่ตรงหน้าของมู่นวลนวล
“โม่ถิงเซียว”มู่นวลนวลโกรธมากแต่ก็ยิ้มออกมา “คุณว่างมากหรอ ให้คุณมาปลดล็อคประตูบ้านของฉัน คุณเคาะประตูไม่เป็นรึไง หรือไม่ก็โทรหาฉันก็ได้”
มู่นวลนวลยกมือขึ้นมาเกาหัวอย่างหงุดหงิด
โม่ถิงเซียวมองเธอด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงดุดัน “ผมไม่ได้เคาะประตู ผมไม่ได้โทรหาคุณหรอ”
คำพูดของเขาทำให้มู่นวลนวลรีบกลับเข้าไปเอาโทรศัพท์ในห้อง
โทรศัพท์เธอวางอยู่บนโต๊ะกาแฟในห้องกินข้าว มีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย และเป็นสายจากโม่ถิงเซียวทั้งหมด
เขาโทรมาหาเธอแล้ว…..
คงเป็นเพราะเธอเอาแต่ดูหนังเรื่องเมืองที่สาบสูญอยู่ เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์
เธอหันไปมอง ก็เห็นว่าโม่ถิงเซียวเดินตามเธอเข้ามาในห้องแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนโซฟา
เขาปลดเน็คไทด์ออก พิงหลังลงกับโซฟา เขามองหน้ามู่นวลนวลด้วยสีหน้าไม่พอใจ
มู่นวลนวลวางโทรศัพท์ลง หันไปเทน้ำให้เขา
โม่ถิงเซียวรับแก้วน้ำมาและถาม “คุณทำอะไรอยู่”
มู่นวลนวลตอบด้วยความลำบากใจ “ดูหนังอยู่”
โม่ถิงเซียวหัวเราะเย็นชาออกมาโดยไม่พูดอะไร
มู่นวลนวลหันไปมองที่ประตู เมื่อเห็นว่าโม่ถิงเซียวมาคนเดียว เธอจึงถาม “มู่มู่ล่ะ ไม่ได้มากับคุณหรอ”
เมื่อพูดถึงโม่มู่ สีหน้าของโม่ถิงเซียวก็เครียดขึ้น “เป็นไข้หวัด ผมเพิ่งกลับมาจากบริษัท ก็เลยมาแวะรับคุณ”
มู่นวลนวลขยับปาก หยุดคำพูดไว้แค่นั้น และกลืนน้ำลายลงไป
เด็กมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เป็นไข้หวัดเป็นเรื่องปกติมาก
จึงไม่ใช่เป็นเพราะโม่ถิงเซียวซะทีเดียว
“คุณรอแปบนึง ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”มู่นวลนวลพูดจบก็เดินเข้าไปในห้อง
ไม่นานเธอก็เดินออกมา
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิกำลังพอดี ไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป เธอจึงสวมเสื้อคลุมสีขาว กระโปรงเท่าเขา ดูเรียบง่ายและอบอุ่น
มู่นวลนวลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเรียกโม่ถิงเซียว “ไปกันเถอะ”
โม่ถิงเซียวยืนขึ้น สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกไป
ทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์พร้อมกัน
โม่ถิงเซียวหันมามองเธอ และเห็นว่าเธอกำลังเม้มริมฝีปาก ท่าทางกังวล
“ผมตามหมอแล้ว เด็กก็เป็นไข้หวัดแบบนี้ ไม่มีปัญหาอะไร”คำพูดของโม่ถิงเซียวดูจะปลอบใจมู่นวลนวล
คำพูดของเขาไม่ได้มีผลต่อมู่นวลนวลเลย เธอเพียงแค่พยักหน้าลงเล็กน้อย
โม่ถิงเซียวหน้าเข้มขึ้น ไม่พูดอะไรอีก
…..
หลังจากนั้นยี่สิบนาที ทั้งสองคนก็มาถึงคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว
เมื่อลงรถมู่นวลนวลก็รีบเข้าไปข้างในทันที
เธอเคยอยู่คฤหาสน์ของโม่ถิงเซียวมาก่อน ดังนั้นเธอจึงคุ้นชินกับที่นี่มาก เมื่อเข้าห้องโถงมา ก็รีบขึ้นข้างบน ตรงไปห้องของโม่มู่
โม่มู่กำลังให้น้ำเกลือ ขวดยาเล็กๆทิ้งไว้ข้างเตียง เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความสะลึมสะลือ ก่อนจะหลับไป
มู่นวลนวลมาและเรียกเธอเสียงเบา “มู่มู่”
สายตาของโม่มู่ทั้งดำและเป็นประกาย ขนตาของเธอยาว แต่ก็ไม่ได้งอน ตอนที่เธอหลับตา ขนตาก็ยาวลงมาบนใบหน้าของเธอ
ใบหน้าเล็กถูกปิดไว้ด้วยผ้าห่มครึ่งหนึ่ง เธอกำลังหายใจเข้าออกอย่างสงบ
ทำให้คนรู้สึกสงสารมาก
โม่มู่หลับไม่ลึก เมื่อมู่นวลนวลเรียก เธอก็ลืมตาขึ้นมาทันที
เธอกรอกตาไปมา เมื่อมองเห็นมู่นวลนวล เธอก็ส่งยิ้มออกมา “คุณแม่”
เธอพืชพร้อมยื่นมือออกมาให้มู่นวลนวลเข้าไปกอด
มู่นวลนวลดูออกตั้งนานแล้วว่าเธอต้องการจะทำอะไร ตอนที่เธอยื่นมือออกมา มู่นวลนวลจึงกดแขนเธอไว้ “อย่าพึ่งขยับ ยังมีเข็มอยู่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นโม่มู่ก็มองไปที่หลังมือของตัวเอง เบะปาก น้ำตาคลอ แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา
เมื่อได้เห็นอย่างนั้น มู่นวลนวลก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ
มู่นวลนวลลูบหัวของเธอ “ไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวมู่มู่ก็หายแล้ว”
โม่มู่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะ”
เธอใช้มืออีกข้างที่ไม่มีเข็มจับมือของมู่นวลนวลแน่น “แม่อยากไปนะคะ”
“แม่ไม่ไปไหน แม่จะอยู่กับหนูที่นี่”มู่นวลนวลพูดด้วยรอยยิ้ม
โม่มู่ไม่ได้เจอเธอทั้งวันทั้งคืน เธอจึงพูดอะไรบางอย่างและหลับไป
มู่นวลนวลรู้สึกว่ามีใครเดินมาข้างหลัง เมื่อเห็นว่าโม่ถิงเซียวเดินเข้ามา เธอจึงยืนขึ้น
เธอตกใจรีบพูดอย่างไม่พอใจ “คุณเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
โม่ถิงเซียวไม่ได้ตอบคำถามของเธอ สายตาของเขามองไปที่โม่มู่ “หลับแล้วหรอ”
“อืม”มู่นวลนวลยืนขึ้น เดินไปข้างนอกและพูดไปด้วย “ทำไมเธอถึงเป็นไข้”
โม่ถิงเซียวพูดเสียงเรียบ “เมื่อคืนวาน เธอวิ่งออกมาหาคุณกลางดึก”
เขาเป็นคนมีสัญชาตญาณตอนนอน เพียงแค่คนเดินนิดเดียวก็จะรู้ตัว เขาจึงออกมาดู จึงเห็นว่าโม่มู่ยืนอยู่หน้าห้องเขาเท้าเปล่า พร้อมทั้งสะอื้นเรียกหาแม่
กลางหนึ่งแบบนั้นเขาจะไปหาแม่มาให้เธอได้ยังไง
สุดท้ายไม่มีทางเลือก เขาจึงเอาลูกมานอนกับเขาในห้อง
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอก็ยังเป็นไข้
แต่ตอนเช้าที่มู่นวลนวลโทรมา โม่มู่ยังคงหลับอยู่ ตอนนั้นโม่ถิงเซียวยังไม่รู้ว่าเธอเป็นไข้
มู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้นก็เดินออกไปข้างนอก หลังจากปิดประตูแล้ว เธอจึงหันไปพูดกับโม่ถิงเซียว “เดี๋ยวรอลูกตื่นแล้วฉันจะพาเธอกลับ”
สีหน้าของโม่ถิงเซียวเย็นชาขึ้น “หมายความว่ายังไง”
“ตอนนี้มู่มู่ต้องได้รับการดูแล ดังนั้นฉันต้องพาเธอกลับ”มู่นวลนวลพูดจบก็ยิ้มออกมา “หรือคุณจะให้ฉันอยู่ที่นี่”
ไม่รอให้โม่ถิงเซียวเปิดปากพูด มู่นวลนวลก็ในทางคติ “คุณไม่มีทางอยากให้ฉันอยู่ที่นี่หรอก”