มีนาจ้องมองไปยังบุคคลที่ถูกเหยียบอยู่อย่างเย็นชา เธอนั่งยองๆลงแล้วดึงหน้ากากเขาออก เอื้อมมือตบเข้าไปที่แก้มของเขาอย่างแรง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูก“เขมิกา หลายปีมานี้เธอไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย อันที่จริงแล้วฉันก็ชอบการกระทำแบบนี้ของเธอนะ ทั้งโง่และเขลาดี หลายครั้งที่ฉันแทบไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลย เธอก็ฆ่าตัวเองซะแล้ว !”
เขมิกาอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วกัดฟันพูดว่า“เธอก็แค่ยั่วท่านนายพลมาได้คนหนึ่ง ? คนที่หยิ่งยโสอย่างเขา ช้าเร็วก็ต้องหมดอำนาจในสักวัน ฉันก็อยากจะดูว่าเธอจะเก่งไปได้อีกนานแค่ไหน?”
“อย่างน้อยฉันก็ไม่เหมือนเธอในตอนนี้ ถูกอัครโภคินไล่ออกจากบ้าน ”
เขมิกาโกรธจนแทบคลั่ง คำรามออกมาว่า“ก็ไม่ใช่เพราะเธอหรอกเหรอ!คนที่การันต์รักคือฉัน ช้าเร็วเขาก็ต้องมารับฉันกลับไป !”
“โอ้?ตัวเองโง่ก็ว่าหนักแล้ว แต่ที่โง่กว่าคือคิดว่าคนอื่นเขาจะโง่เหมือนตัวเองอีก การันต์เขาเป็นคนฉลาด จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเด็กในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของเขา ?”
“เป็นไปไม่ได้ !ไม่อย่างนั้นเขาจะทิ้งเธอแล้วมาเลือกฉันได้ยังไง ?”
ดวงตาของมีนาเต็มไปด้วยความสมเพชเวทนา “ เพราะเธอนามสกุลพรหมพิริยะ และเขานามสกุลอัครโภคิน ต่อให้ไม่ใช่เธอ เขาก็จะแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนของพรหมพิริยะ ”
ความจริงในข้อนี้ราวกับมีดเฉือนเข้าที่หัวใจของเขมิกาอย่างรุนแรง ตลอดหลายปีมานี้ เธอเหมือนเป็นหัวขโมยที่ซ่อนเก็บความรักของการันต์เอาไว้ เดิมทีคิดว่าที่เขาตกลงแต่งงานกับเธอ อย่างน้อยก็คงต้องรักเธอบ้าง แต่หลังจากที่แต่งงานไปแล้วเขาก็มักจะทำตัวเย็นชากับเธออยู่ตลอด หรือแม้แต่จะชายตามองเธอสักนิดก็ไม่เคย กระทั่งในตอนที่เธอถูกแม่สามีไล่ออกจากบ้าน เขาก็ไม่ได้เป็นปากเป็นเสียงช่วยเธอพูดอะไรเลยสักคำ
เธอจ้องเขม็งมาที่มีนา “เป็นเพราะนังแพศยาอย่างเธอ!ไม่อย่างนั้นคนที่ได้ใช้ชีวิตกับเขาก็เป็นฉันไปนานแล้ว !”
มีนาบีบไปที่คางของเธออย่างแรง“เขมิกา เธอไปรู้อะไรมากันแน่ ?”
“เหอะๆๆ……เธอไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของพรหมพิริยะ แต่เธอมันเป็นเลือดชั่ว !”
ป้าบ!มีนาตบไปที่ใบหน้าของเธอ แล้วบีบเข้าไปที่ลำคอของเธออย่างแรง
“ตอนนั้นที่แม่ฉันตาย เธอก็อยู่ในที่เกิดเหตุ แม่ลื่นล้มลงมาจากชั้นบนจริงๆใช่ไหม ? หรือพรหมพิริยะอยากจะปิดบังความจริงอะไรแน่?”
ดวงตาของเขมิกามีประกายมืดมน และแกล้งทำเป็นนิ่ง“เขาอยากไปที่ระเบียงเพื่อเก็บลูกแก้วให้ทิวาเอง จะมีใครบังคับเขาให้ไปตายได้หรือยังไงกัน ?”
การตายของแม่มันเป็นหนามที่อยู่ในใจของเธอมาโดยตลอด ทิวาเองก็เสียสติไปในตอนนั้น เธอรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่ตอนนั้นเธอยังอยู่ที่โรงเรียน และในตอนที่เธอกลับมาถึงบ้าน คนรับใช้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างก็ถูกไกรเลิศไล่ออกไปจนหมด
เธอปล่อยมือออกจากเขมิกา และพูดอย่างเย็นชาว่า :“ไสหัวไป!”
เขมิกาตะเกียกตะกายวิ่งหนีไป เธอหันหลังกลับมามองแผ่นหลังของมีนาที่เดินไปยังทิศทางของเรือนแก้ว สบถอย่างแค้นเคืองว่า นังสารเลว ในเมื่อแกทำฉันจนมามีสภาพแบบนี้ได้ ฉันก็ไม่มีทางปล่อยแกไปง่ายๆแน่
มีนายังไม่ทันได้เดินเข้าไปในตัวบ้าน ก็ได้ยินเสียงของทิวาที่กำลังขว้างปาข้าวของ
ปรกติคนที่ดูแลเธอคือแม่บ้านป้าทองจันทร์ เมื่อเธอเห็นมีนาก็รีบพูดระบายทันทีว่า“คุณหนูใหญ่ ในที่สุดคุณก็กลับมา หลายวันมานี้คุณหนูสามแกดื้อมากๆข้าวก็ไม่ยอมกิน ”
“เอาอาหารมาให้หนูก็แล้วกัน หนูจะไปดูเธอเอง”
ป้าทองจันทร์ยื่นถาดอาหารมาให้เธอ พอเธอเดินเข้ามาที่ห้องนอนของทิวา ก็เห็นแจกันดอกไม้อันหนึ่งลอยมา ยังดีที่เธอหลบทัน ไม่งั้นก็คงเละแน่
“ทิวาทำไมถึงดื้อจัง?”
เมื่อทิวาเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นเธอ ก็วิ่งเข้ามาหาอย่างดีอกดีใจ แต่เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง จู่ๆก็ร้องไห้แล้วถอยหลังออกไป“พี่ไม่ต้องการทิวาแล้ว พี่ใจร้าย!”
ที่แท้ก็เป็นเพราะไม่ได้มาหาซะนาน เลยงอนนี่เอง
เธอยิ้มแล้ววางถาดอาหารลงไปบนโต๊ะ เดินเข้าไปหาแล้วลูบไปที่ศีรษะของหญิงสาวพูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า“ทิวาของพี่น่ารักขนาดนี้ พี่จะไม่ต้องการทิวาแล้วได้ยังไง?”
ทิวาพูดเสียงสะอื้นว่า “แล้วทำไมพี่ถึงได้เงียบหายไปเลย ?”
มีนาดึงเธอเข้ามากอด “ทิวา พี่ขอโทษ พี่ผิดเอง รออีกสักหน่อยพี่จะมารับเราไปอยู่ด้วย ดีไหม ?”
ทิวากะพริบตาอย่างไร้เดียงสา“พี่ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม ? ”
“พี่เคยโกหกเราเหรอ พี่เจอคนคนหนึ่ง……เหมือนจะเป็นคนดีนะ แต่ขอพี่ดูเขาอีกสักหน่อย แล้วพี่จะมารับเราไปอยู่ด้วยกัน”
ทิวาหัวเราะแล้วปรบมืออย่างดีใจ“ดีเลย ดีเลย ทิวาจะไปอยู่กับพี่ ไม่ต้องทนอยู่กับแม่มดอีกต่อไป ”
“งั้นในช่วงนี้ เราก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ กินข้าวเยอะๆ และเชื่อฟังป้าทองจันทร์ด้วย เข้าใจไหม ?”
ทิวาพยักหน้ารับอยู่ซ้ำๆ “ได้ พี่ ทิวาจะเป็นเด็กดี ”
เธอยิ้มแล้วดึงน้องมานั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ป้อนอาหารให้เธอทีละคำๆ
ทิวาเหมือนจะหิวมาก อ้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย และยังเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วยกยิ้มให้อยู่ตลอด
เมื่อเห็นน้องสาวในสภาพแบบนี้ เธอก็รู้สึกปวดใจมาก หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้น น้องคงจะเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง
ในตอนนี้เองป้าทองจันทร์ก็มาเคาะประตู“คุณหนูใหญ่ ท่านนายพลมาแล้ว นายท่านให้คุณหนูรีบไปค่ะ ”
ทิวาคว้าดึงแขนเสื้อของเธอไว้แน่น มองดูเธอด้วยท่าทีที่น่าสงสาร “พี่อย่าทิ้งหนู ”
แววตานี้ทำเธอปวดใจยิ่งนัก เธอแกะนิ้วมือของน้องออกอย่างเจ็บปวดใจ“ทิวาไม่เป็นเด็กดีแล้วใช่ไหม ?”
ทิวารีบดึงมือกลับทันที แล้วพูดเสียงเบาว่า “ทิวาจะเป็นเด็กดี พี่อย่าทิ้งทิวานะ”
มีนากลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลแล้วเดินออกจากเรือนแก้ว ไม่คิดว่าเธอจะมาเจอณภัทรที่ตรงแถวหัวมุม
ภายใต้แสงจันทร์ เขาที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ทำให้ดูสง่า กางเกงที่สมส่วนพอดีตัวก็ทำให้ขาดูยาว และขายาวๆคู่นั้นก็เผยให้เห็นออกมาอย่างชัดเจน เขายืนพิงอยู่ที่กำแพง และกำลังพ่นควันบุหรี่ออกมา ช่างดูหล่อเหลาที่สุด บวกกับอารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ยิ่งดึงดูดสายตาให้คนมองตาม
“อะแฮม……คุณรอฉันอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว?”
เขารีบโยนซิการ์ลงบนพื้น แล้วเหยียบไฟให้มอด ตอบกลับเสียงเบา “เพิ่งมาถึง”
อันที่จริงแล้วเขามาถึงนานแล้ว เดิมทีเขาอยากจะเจอเธอก่อนเป็นคนแรก แต่เมื่อได้ยินคนรับใช้ว่าเธอไปที่เรือนแก้ว ก็รีบตามมา
สีหน้าของเธอประหม่า“ฉันแค่อยากมาเยี่ยมคนรับใช้คนเก่าคนแก่ เพราะไม่ได้เจอกันมานานแล้ว”
แค่คนรับใช้ธรรมดา? ดวงตาของเขามีความมืดมนไหววูบ มีนา นี่คุณจะปิดบังผมไปอีกนานแค่ไหน ?
เขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ บนตัวมีกลิ่นจางๆของบุหรี่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประหม่าหรือเพราะอะไร หัวใจของเธอเต้นแรง
“คิดถึงผมหรือเปล่า?”
“เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ?”
เขายกมือขึ้นบีบไปที่คางของเธอ พูดอย่างดื้อรั้นว่า “ตอบคำถามของผม”
“อืม”
เขายกยิ้มมุมปาก“คำว่าอืมนี่หมายความว่ายังไง ? ดูแล้วหากผมไม่ทำอะไรสักหน่อย คุณคงไม่คิดที่จะพูดความจริง”
เขาจับไปที่แก้มเธอ แล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเธออย่างเอาแต่ใจ ความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบาย ความรีบเร่งไร้ความปรานี
ร่างของเธอค่อยๆแนบชิดไปกับตัวเขา หรืออาจเพราะความรักที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เธออ้าปากออกเล็กน้อย “คิดถึงคุณ”
เขายิ้มและบีบขยำไปตามร่างกายที่นวลนุ่มของเธอ“ตรงไหนที่คิดถึง?ตรงนี้?หรือตรงนี้?หรือว่าตรงนี้?”
“ณภัทรไอคนลามก!”
ท่ามกลางแสงจันทร์เขาเห็นใบหน้าที่มีคราบเลือดของเธอ ทันใดนั้นก็ฉุนเฉียวขึ้นมา “ใครมันเป็นคนทำคุณ?”