กลับมาถึงคฤหาสน์ ณภัทรรีบหากล่องยาทันที แล้วใช้สำลีก้านจุ่มยาแล้วทาลงบนแผลที่ใบหน้าของมีนาเบาๆ
เธอหลับตาลงช้าๆ เพื่อรับการดูแลเอาใจใส่นี้
ภายใต้แสงไฟ ผิวพรรณที่ขาวเนียนราวกับหยก ขนตาสั่นเทาเล็กน้อยดูเหมือนกับผีเสื้อ เป็นเงาสะท้อนอยู่บนใบหน้าขาวสะอาดหมดจด เขาอดที่จะก้มตัวลงไปจูบลงที่แผลบนใบหน้าของเธอไม่ได้
ความรู้สึกชาจากใบหน้าแพร่กระจายเข้าสูงหัวใน เธอยื่นมือออกมาผลักเขา : “คุณแน่ใจนะว่าจะช่วยฉันล้างแผล?”
เขาหัวเราะแล้วแตะที่หน้าผากเธอ : “น้ำลายเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพที่สุดแล้วนะ”
เธอพูดไม่ออก เพียงแต่จูบของเขานั้นราวกับพายุที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างถี่ๆที่ใบหน้า ลำคอ……
เธอถูกเขาผลักลงบนเตียง เธอกัดริมฝีปาก น้ำเสียงสั่นเทา : “ณภัทร คุณ…..คุณทำอะไรน่ะ? ไม่ใช่บอกว่าจะช่วยฉันล้างฆ่าเชื้อแผลให้ฉันหรือ?”
“อืม ผมกำลังช่วยคุณฆ่าเชื้อทั้งร่างกายอยู่ไงครับ ฟรีตลอดชีวิต”
“………….”
มีนารู้สึกเพียงว่าร่างกายตัวเองเหมือนกับถูกแยกออกเป็นสองส่วน แต่ความสุขใจก็มาทำให้ความเจ็บปวดนี้หายไป ทั้งตัวเธอนั้นราวกับเรือที่ลอยอยู่ท่ามกลางทะเล ขึ้นๆลงๆ เคลิบเคลิ้มหลงวนอยู่ท่ามกลางระหว่างสวรรค์และนรก
รอจนถึงตอนที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วข้างกายเธอนั้นไม่มีคนอยู่ เธอต้องนับถือในพละกำลังของสัตว์ร้ายนี้ วันรุ่งขึ้นยังสามารถมีท่าทางที่กระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาได้
เวลานี้ทางด้านล่างนั้นมีเสียงหม้อเสียงชามดังขึ้นมา และยังผสมกับเสียงร้องของคนรับใช้อีกด้วย
เธอรีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วเดินลงมา มองตามเสียงไปนั้น ก็รู้สึกตกตะลึงกับสภาพที่อยู่ตรงหน้าขึ้นในทันที
เห็นเพียงแค่ท่านนายพลณภัทรที่ตัวยืดหลังตรงกำลังพับแขนเสื้อขึ้น ผูกผ้ากันเปื้อนยืนอยู่ในครัว ในมือมีหม้อ ตรงเท้ามีถ้วยจานที่แตกกระจายอยู่
“คุณ…..คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?”
ณภัทรมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ : “คิดไม่ถึงเลยว่าการทอดไข่นี่มันจะยากกว่าการยิงปืนระยะไกลอีก!”
มีนาหัวเราะจนแทบจะรู้สึกเจ็บหน้าอก
เขาเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห : “ไม่อนุญาตให้หัวเราะผมนะ ไม่อย่างนั้นผมจะจูบคุณ!”
เธอไม่หัวเราะอย่างที่คิดไว้แล้วจริงๆ
เขาขมวดคิ้วขึ้น แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไป แล้วบีบหน้าเธอเอาไว้ และจูบลงไปอย่างเอาแต่ใจ
“ไม่อยากให้ผมจูบคุณขนาดนี้เลยหรือ? หืม?”
มีนาหน้าแดงระเรื่อ แล้วพึมพำขึ้นมาเบาๆ : “คนเยอะแยะขนาดนี้กำลังมองอยู่นะ…..”
เธอเงยหน้าขึ้นถึงได้เห็นว่าถูกณภัทรบีบบังคับให้ตกใจกลัว แล้วหันหลังไปกันหมดอย่างว่าง่ายแล้ว
เธอปลดผ้ากันเปื้อนที่อยู่บนร่างของเขาเอามาผูกให้ตัวเอง แล้วรับกระทะทอดที่อยู่ในมือของเขามา : “ฉันเองดีกว่าค่ะ”
เธอกำลังจะเทไข่ไหม้ในกระทะทิ้งไป แต่กลับได้ยินเขาค่อยๆเอ่ยขึ้น : “นั่นผมทอดให้คุณทานนะ”
มีนารู้สึกขำขึ้นมาทันที : “หรือคุณอยากจะให้ฉันทานอย่างนั้นหรือคะ?”
เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วแสร้งทำเป็นนิ่งพลางเอ่ยขึ้น : “ผมก็แค่อยากจะเตือนคุณ ว่าต่อไปจะต้องเคารพกับผลงานจากน้ำพักน้ำแรงของสามีคุณด้วยสิ”
“เดิมทีก็ไม่ใช่วัตถุดิบทำอาหารแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องแสดงความสามารถแล้วนะคะ สิ้นเปลืองวัตถุดิบด้วย”
“ใครบอกกัน ผมทำกับข้าวเป็นตั้งแต่เด็กแล้วนะ!”
เธอเอียงศีรษะแล้วหรี่ตามองเขา : “ถ้าอย่างนั้นคุณทำอะไรเป็นบ้าง?”
เขาอ้าปาก แล้วก็เงียบขึ้นมาทันใด
ทันใดนั้นเองเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยบอกว่าเมื่อก่อนเขาทำข้าวยำปลาแซลมอนเป็น เพียงแต่หลังจากที่มารดาเสียชีวิต เขาก็ไม่ได้ทำอีกเลย นี่ก็คือรอยแผลที่ทิ้งเอาไว้อยู่ในใจของเขา ณภัทรที่เป็นแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
เธอเอาไข่ทอดไหม้ๆนั้นวางลงบนจาน แล้วใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาใส่ปาก กล้ำกลืนความรู้สึกอยากอาเจียนนี้เพื่อฝืนกลืนลงไป : “อืม กลิ่นหอมของไข่ผสมกับกลิ่นไหม้ นี่เป็นณภัทรมากเลยนะคะ”
เห็นว่าเธอพยายามกลืนลงไปแล้ว ดวงตาของเขาราวกับมีน้ำใสๆแวบเข้ามา นิ้วมือทะลุผ่านเส้นผมของเธอ แล้วจับศีรษะเธอเข้ามาแล้วใช้แรงจูบลงไป กวาดเอาไข่ทอดในปากของเธอออกไปจนหมดเกลี้ยง และยังมีท่าทางที่ยังดูไม่หายอยาก : “รสชาติไม่เลวเลยจริงๆ พรุ่งนี้ค่อยทอดให้คุณทานอีกนะ”
เธอพูดไม่ออก นี่คือกินไข่หรือว่ากินเธอกัน?
เธอผลักเขาออก : “ออกไปรอฉันข้างนอกก่อน อย่าก่อปัญหานะคะ”
เธอลูบแก้มที่แดงระเรื่อ แล้วหันหลังกลับไปเริ่มทำกับข้าว หลังจากนั้นพักหนึ่ง มือใหญ่คู่หนึ่งก็ยื่นเข้ามาระหว่างเอวของเธอ แล้วโอบเธอเอาไว้
“อย่ากวนสิคุณ”
“มีนา ผมรักคุณ”
ร่างของเธอนั้นสะดุ้งด้วยความตกใจเล็กน้อย เธอเกือบจะเทไข่ออกมาอยู่แล้ว โชคดีที่เขาจับมือเธอเอาไว้ได้
“ณภัทร ฉันก็…..ชอบคุณค่ะ”
นอกจากความหยาบคายและลามกไปหน่อยนั้น ณภัทรก็เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งจริงๆ มีพรสวรรค์ หน้าตาดี อีกทั้งมักจะชอบปกป้องเธออีกด้วย แล้วเธอจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?
แต่สำหรับความรักนั้น เธอรู้สึกว่ามันหนักหน่วงเกินไป แม้กระทั่งเคยคิดว่าชีวิตนี้เธออาจจะไม่ได้สัมผัสคำนี้เลยก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็คิดมาตลอดว่าชีวิตนี้เธอคงจะแต่งงานกับการันต์ไปตามโชคชะตาก็ได้ ใช้ชีวิตอย่างให้เกียรติกันไปแบบนั้น
สำหรับการสารภาพรักที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่ทันได้คาดคิดนั้น เธอก็รู้สึกกลัวอยู่บ้าง แม่เคยบอกว่า ความรักเป็นภัยพิบัติอันใหญ่หลวง ถ้าหากได้ตกลงไปลึกแล้วนั้นก็จะไม่สามารถถอนตัวออกมาได้ ตลอดชีวิตเธอที่ความรักต่ำต้อยขนาดนั้น จุดจบก็แลกมาได้เพียงแต่ความมืดมนเพียงเท่านั้น
ณภัทรราวกับจะมองความคิดของเธอได้ เพียงแค่จูบลงบนใบหูของเธอเบาๆ : “ไม่เป็นไรครับ ผมรอคุณนะ”
ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วนั้น ณภัทรก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งแล้วก็รีบออกไปอย่างรีบร้อน
วันนี้เป็นวันเสาร์ เดิมทีมีนาวางแผนเอาไว้ว่าจะไปซื้อของแล้วก็ไปดูทิวา เพียงแต่ตอนที่ออกมานั้นเธอได้รับวีแชตจากเขมิกา : อยากจะรู้ความจริงก็มาหาฉัน