ประธานาธิบดีหรี่ตาลงเล็กน้อย : “ณภัทรใครอนุญาตให้คุณใช้น้ำเสียงแบบนี้มาพูดกับผม! อย่าลืมนะว่าตอนนั้นใครที่เลื่อนให้คุณขึ้นมาเป็นพลเอก!”
ดวงตาของณภัทรนั้นฉายแววความผิดหวังออกมา เป็นอย่างที่คิดไว้เขาเป็นคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังนี้นี่เอง
เขามองสบตาประธานาธิบดีอย่างไม่เกรงกลัว เอ่ยพูดออกมาอย่างชัดเจน : “ผมณภัทรสามารถมีวันนี้ได้คือต้องทำแต่เรื่องเสี่ยงตาย ผมต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อค่อยๆไต่ขึ้นมาทีละขั้นๆ ถ้าหากพูดถึงเรื่องบุญคุณและความแค้นของผมกับท่าน ท่านอย่าลืมนะครับ ตอนนั้นใครที่เป็นคนสนับสนุนให้ท่านขึ้นมารับตำแหน่ง แล้วใครที่เป็นคนกันกระสุนให้ท่าน”
ระหว่างที่พูดกันอยู่นั้น ณภัทรก็ฉีกเสื้อออกปรากฏให้เห็นรอยแผลเป็นที่อัปลักษณ์ตรงหัวไหล่
เหตุการณ์ที่ผ่านมาค่อยๆปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน ท่านประธานาธิบดีมองคนอายุน้อยที่เป็นหนุ่มที่กระฉับกระเฉงมีพลังตรงหน้าคนนี้ แล้วรู้สึกประทับใจอยู่บ้างเล็กน้อย วันนั้นที่พวกเขาทั้งสองคนได้รู้จักกันก็กลายเป็นเพื่อนต่างวัยที่มีมิตรภาพอย่างลึกซึ้ง เป็นทั้งเพื่อนและเป็นทั้งครู
“ณภัทร การเลือกตั้งรอบสี่ปีที่จะมาถึงเร็วๆนี้ ยศพล ทิวากรอาจจะกลายเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของผม ส่วนไกรเลิศก็อยู่ระหว่างทั้งสองคนอย่างไร้ความอิสระ ไม่ช้าก็เร็วผมจะจัดการเขาอยู่แล้ว แต่ไม่อยากจะลากคุณเข้ามาเกี่ยวด้วย!”
“ถึงแม้ว่ามีนาจะเป็นคนของตระกูลพรหมพิริยะ แต่เธอไม่ได้มีความรู้สึกใดๆกับครอบครัวนั้น เกี่ยวกับจุดนี้ผมจะจัดการให้ดีครับ”
ท่านประธานาธิบดีลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางด้านนอก : “ได้ จำที่คุณรับปากเอาไว้นะ คุณเป็นมือช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของผม ผมไม่อยากสูญเสียคุณไป”
“จริงๆแล้วท่านรู้สึกพอใจมากกับของขวัญที่ผมให้ท่านไปไม่ใช่หรือครับ?”
ท่านประธานาธิบดียิ้มออกมาเล็กน้อย : “ใช่ มีหลักฐานพวกนี้แล้ว ผมก็สามารถกล่าวโทษยศพลได้ รอข่าวดีจากผมได้เลย”
เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ในโลกนี้จะมีพ่อลูกแบบนี้ได้อย่างไรกัน แทบอยากจะบีบอีกฝ่ายหนึ่งให้ตาย แต่นี่ก็ตรงกับใจของเขา มิเช่นนั้นแล้วหมากต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเดินอย่างไรเช่นกัน
ณภัทรอยู่ที่ค่ายทหารเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในวันที่ไม่มีเขาอยู่ในบ้าน จู่ๆในใจของมีนานั้นก็รู้สึกว่างเปล่า ราวกับว่าคนๆนี้จะเข้ามาอยู่ในหัวใจของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจไปเสียแล้ว
มีนาหาศูนย์สุขภาพจิตตามที่อยู่ที่ณภัทรให้เธอเอาไว้ คุณหมอด้านในนั้นมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก สภาพแวดล้อมก็ไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าทิวาเองก็จะชอบมากเช่นกัน
เธอเอารูปถ่ายของคุณหมอหลักที่เป็นคนรักษาให้กับทิวา ทิวาชี้ไปยังใบหน้ากลมๆเล็กๆ สาวสวยที่มีดวงตากลมโต
“หืม ทิวาของเราที่แท้ก็ชอบผู้หญิงสวยนี่เอง”
“ตาเหมือนพี่มากเลยค่ะ”
มีนามองนักจิตเวชศาสตร์ที่ชื่อ ‘ยิหวา’อย่างละเอียด ทันใดนั้นเองเมื่อเห็นหน้าตาของทั้งสองคนแล้วก็มีความเหมือนกันอยู่จริงๆ
“เดิมทีแล้วทิวาหวังว่าจะได้เห็นพี่ทุกวัน พี่รับปากนะ ว่าต่อไปสุดสัปดาห์จะมาหาเรา ดีไหม?”
ทิวาพยักหน้าอย่างดีใจ
เธอกอดน้องสาวเอาไว้แน่น แล้วลูบผมยาวนุ่ม : “ทิวา หายเร็วๆนะ”
หลังจากที่เธอจัดการทิวาอย่างเหมาะสมหมดแล้วนั้น ตอนที่เตรียมตัวจะไปจ่ายเงิน พยาบาลกลับยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น : “ ท่านนายพลณภัทรได้ชำระค่ารักษาเอาไว้ก่อนล่วงหน้าห้าปีแล้วค่ะ”
ในใจของมีนานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ เขามักจะคิดทุกอย่างรอบคอบเสมอ
ตอนที่เธอเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูนั้นกลับเห็นร่างอันแสนคุ้นเคยร่างหนึ่ง เพียงแต่เธอดูผอมลงไปมาก
ดวงตาลึกไร้ชีวิตชีวา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามีรอยแผลเป็น ดูเหมือนกับปิศาจร้ายที่ไร้วิญญาณอย่างไรอย่างนั้น
เขมิกาเงยหน้าขึ้นมา สบตากับเธอในช่วงเวลาสั้นๆ ในดวงตานั้นปรากฏความโมโหขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยการที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแทน
ปรางทองประคองเธอพลางเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้นเป็นอย่างมาก : “นี่มันเป็นการสร้างบาปกรรมอะไรกัน ถึงได้ทำให้ลูกสาวผู้น่าสงสารของฉันต้องกลายมาเป็นแบบนี้?”
คนที่อยู่ข้างๆนั้นพากันนินทาพวกเธอ
“เอ๊ะ? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นางเอกในคลิปอื้อฉาวนั้นหรือ ทำไมถึงได้กลายเป็นโรคประสาทไปแล้วล่ะ?”
“จุ๊ๆๆ…..ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมถึงเป็น คลิปนั้นฉันเห็นแล้วนะ จะว่ามั่วก็มั่วนะ เล่นเอาผู้ชายสองสามคนนั้นพากันร้องโอดครวญกันไปหมด อีกทั้งยังทำสองสามคนนั้นแทบพิการเลยด้วย เป็นถึงคุณหนูตระกูลผู้ดี ทำไมถึงได้ไร้ยางอายขนาดนั้น?”
เขมิกาได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วก็โมโหเสียจนแทบกระอักเลือด แต่ทำได้เพียงต้องอดกลั้นเอาไว้ ตอนนี้เธอจำเป็นที่จะต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอ แกล้งทำเป็นป่วย รอให้สถานการณ์ผ่านไปก่อนแล้วถึงค่อยกลับไปที่ตระกูลพรหมพิริยะ มิเช่นนั้นแล้วชีวิตนี้เธอคงจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีก และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะนังผู้หญิงสารเลวอย่างมีนานั่นที่เป็นคนทำ! คิดมาถึงตรงนี้แล้วเธอก็ค่อยๆกำหมัดแน่นขึ้นมา
มีนาเดินไปตรงหน้าปรางทองพลางหัวเราะเยาะ : “ทำไมจู่ๆน้องถึงได้เป็นโรคประสาทล่ะคะ? คุณตรวจสอบชัดเจนแล้วหรือยัง?”
ปรางทองโมโหจนแทบจะพุ่งเข้าไปหา : “ยังจะโกหกอีกอย่างนั้นหรือ ฉันเลี้ยงเธอมาขนาดนี้ ผลปรากฏว่าเธอมาทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของฉันให้น่าเวทนาขนาดนี้ ฮือๆ……”
“หึ! วันดีๆยังรออยู่ข้างหลัง คุณก็ค่อยๆรับกับความสุขนี้ก็แล้วกันนะคะ!”
มีนายิ้มออกมาอย่างงดงามราวกับดอกไม้ สวยสง่างาม ชุดกระโปรงบนร่างกายของเธอนั้นเป็นสิ่งของมีมูลค่าที่นางแบบโชว์ในงานเดินแบบ เห็นถึงฐานะที่โดดเด่นของเธอได้อย่างชัดเจน และนี่ก็ยิ่งทำให้เขมิการู้สึกอิจฉาจนแทบคลั่ง เธอทุ่มเทพยายามแย่งชิงความมั่งคั่งมั่งมี แต่เวลานี้กลับถูกผู้หญิงคนที่เธอดูถูกเหยียดหยามเอาไปหมด และตอนที่ทั้งสองคนจะเดินผ่านกันนั้น ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว หยิบเอากระบอกเข็มฉีดยาที่อยู่ในมือของพยาบาลข้างๆแล้วพุ่งไปยังดวงตาของมีนา
มีนาหัวเราะเยาะ แล้วจับตัวปรางทองเอามาขวางไว้ทางด้านหน้า
“โอ้ย!”
เข็มฉีดยาหักคาหน้าผากของปรางทอง เจ็บเสียจนเธอร้องเสียงดังออกมา
เขมิกาเห็นว่าเรื่องแดงออกมาแล้วนั้น จึงแกล้งทำเป็นบ้าขึ้นมา พยาบาลจึงรีบเข้ามาควบคุมตัวเธอเอาไว้ในทันที ส่วนพยาบาลอีกคนหนึ่งนั้นก็ประคองปรางทองที่กำลังร้องคร่ำครวญอยู่ไปที่ห้องพยาบาลเพื่อเอาเข็มออก
มองดูเบื้องหลังเขมิกาที่ถูกพยาบาลลากออกไปแล้ว มีนารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นบ้า เมื่อครู่ที่เขมิกาจะลงมือกับเธอนั้นมีสติดีและรับรู้ว่าถ้าหากตัวเองบาดเจ็บไปหรือแม้กระทั่งตายนั้น เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแบกรับความผิดใดๆ เพราะถึงอย่างไรทางกฎหมายก็ให้อภัยกับคนที่เป็นโรคทางประสาทอยู่แล้ว
หึ! อยากจะวางแผนทำร้ายเธออย่างน้อยๆก็ต้องใช้สมอง ในเมื่อลงมือแล้วก็จะต้องชดใช้ หลังจากที่ตัดสินใจแล้วนั้น มีนาก็เดินตามไปด้วย
เธอเห็นเขมิกาถูกขังอยู่ในห้องห้องหนึ่ง เธอเอาของที่อยู่ในห้องโยนลงพื้น ส่งเสียงเอะอะโวยวาย
มีนายืนอยู่หน้าประตู เจตนาที่จะส่งเสียงดังขึ้นมา : “คุณพยาบาล ฉันเองก็เรียนแพทย์มา พอจะเข้าใจคนที่เป็นโรคประสาทนี้อยู่แล้ว แต่ฉันมั่นใจได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นโรคประสาทอย่างแน่นอน”
“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ หลักฐานการรักษาคนไข้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว”
“โรคประสาทนี้มักจะชอบทำเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ส่วนเธอนอกจากนิสัยจะรุนแรงไปหน่อย อย่างอื่นก็ยังปกติดีค่ะ”
ในใจของเขมิการู้สึกประหลาดใจ หลักฐานทางการรักษาฉบับนั้นพ่อเป็นคนขู่จุดอ่อนของหมอเพื่อให้เขาออกหลักฐานปลอมให้ ถ้าหากถูกเปิดเผยออกมา เธอก็จะต้องกลับไปยังตระกูลพรหมพิริยะทันที ถึงตอนนั้นตระกูลอัครโภคินก็จะต้องเอาข้อตกลงการหย่ามาให้เธอเซ็น ซึ่งต่อให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่หย่า ถึงได้คิดหาวิธีเลวร้ายแบบนี้ออกมา ไม่สามารถให้มีนาเห็นเบาะแสใดๆได้
พยาบาลเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย : “ถ้าอย่างนั้นพวกเราสำรวจซักสองสามวันแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกทีนะคะ”
มีนายิ้มพลางทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือเอาไว้ให้พยาบาล : “ฉันเป็นญาติของคนป่วย ถ้าหากมีสถานการณ์ใหม่ๆแจ้งฉันด้วยนะคะ”
เขมิกาที่อยู่ในห้องนั้นโมโหเสียจนแทบบ้า แต่เธอก็ยิ่งต้องทุ่มเทแสดงออกมาอย่างสุดความสามารถ มิเช่นนั้นแล้วเธอจะต้องกลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลอัครโภคิน
มีนาทำความเข้าใจกับพยาบาล ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางความสามารถทางความคิดกับผู้ป่วยโรคประสาทจะมีพื้นที่พักผ่อนที่ไม่เหมือนกัน เธอถึงได้ออกไปด้วยความวางใจ
เพียงแต่เธอเพิ่งจะเดินออกมาจากศูนย์ฟื้นฟูนั้น ก็ได้รับคลิปหนึ่งที่พยาบาลส่งมาให้ แล้วก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที