มีนารู้สึกเหมือนมีมดจำนวนนับไม่ถ้วนไต่อยู่บนร่างกายของเธอ ความทรมานนี้แทบจะกลืนกินสติสัมปชัญญะของเธอไปหมดสิ้น เธอกัดลิ้น มีกลิ่นหวานหอมกระจายอยู่ในปากของเธอ แต่ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธออย่างรวดเร็วจนเธอนั้นขาดสติ เธอนอนขดตัวอยู่บนพื้นและส่งเสียงครวญครางออกมา ราวกับกรงเล็บของแมวที่ค่อย ๆ สะกิดเข้าที่หัวใจของผู้ชายเหล่านั้น ประกอบกับใบหน้าที่งดงาม ริมฝีปากที่แดงระเรื่อ รูปร่างที่ผอมเพรียว สะโพกที่ผาย และต้นขาที่ขาวนวลเนียน ช่างเย้ายวนใจพวกเขาเสียจริง ๆ
มีคนที่ทนไม่ไหว เดินตรงเข้าไปเพื่อที่จะฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายของมีนาออก แต่กลับถูกคนข้าง ๆ รั้งเอาไว้ : “แกจะรีบร้อนอะไร ? อีกเดี๋ยวพอยาออกฤทธิ์ ผู้หญิงคนนี้ก็จะฉีกเสื้อผ้าของเธอเอง ถึงเวลานั้น เธอก็จะกระโจนเข้ามาเหมือนกับสุนัขตัวเมีย แบบนี้ไม่ยิ่งสนุกกว่าหรอกหรือ ?”
แน่นอนว่าเมื่อยาออกฤทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ มีนาก็รู้สึกอยากที่จะฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายออก ราวกับว่าทำเช่นนี้ถึงจะมีความสุข ความปรารถนาของเธอรุนแรงขึ้น ดวงตาที่แดงก่ำของเธอจ้องมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า และอยากกระโจนเข้าใส่ เธอรู้ว่าตนเองไม่ควรทำเช่นนี้ จึงเอาหัวโขกพื้นไม่หยุด ราวกับว่าความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอจะช่วยให้เธอประคองสติสัมปชัญญะเอาไว้ได้
เมื่อมองดูผู้หญิงที่นิสัยดื้อรั้นตรงหน้า แววตาของไบร์ทก็สั่นคลอนเล็กน้อย เขาเดินก้าวขายาวเข้าไป ก้มลง แล้วใช้มือบีบคางของเธอ : “ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย จะอยู่กับฉันไหม ?”
เธอถ่มเลือดที่อยู่ในปากใส่หน้าของเขา : “ไสหัวไป !”
แววตาของไบร์ทเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาปล่อยเธอทันที แล้วยกมือขึ้นฉีกเสื้อผ้าบนตัวของเธอออก : “เธอรนหาที่เองนะ !”
เสื้อผ้าหล่นลงบนพื้น ร่างกายของเธอสวมใส่เพียงแค่ชุดบิกีนี่ประดับเพชรชุดนั้น เพชรเม็ดงามเปล่งประกายเจิดจ้าออกมา ยิ่งส่องสว่างไปที่ผิวของเธอให้ดูขาวผ่องราวกับหิมะ รูปร่างของเธอช่างได้สัดส่วน ทำให้ผู้ชายเหล่านี้ดูราวกับหมาป่าที่หิวโซมานาน รีบเข้าไปดึงขาของเธอหนึ่งข้าง แล้วลากเข้าไปในห้องส่วนตัวที่พวกเขาใช่เล่นการพนันกัน
“ฮ่า ๆ……คืนนี้สนุกแน่”
“หัวหน้าสั่งไว้ว่า จะต้องถ่ายวิดีโอให้ดูน่าตื่นเต้นสักหน่อย อีกเดี๋ยวพี่น้องทุกคนผลัดกันคนละท่า ใครที่ใช่ท่าซ้ำกับคนอื่นถือว่าไร้น้ำยา”
“ฮ่า ๆ……ความคิดนี้ไม่เลว”
คนพวกนี้ไม่รู้จักเสพสุขกับความงดงาม หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว ก็โยนมีนาลงบนพื้น แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆ อีก หลงเหลือเพียงแค่ความรู้สึกกระสับกระส่าย และความปรารถนาที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด
เธอมองเห็นชายคนหนึ่งกำลังยิ้มร่าและเดินตรงเข้ามาหาเธอ เธอตะเกียกตะกายลุกขึ้น คิดที่จะเดินไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่กลับถูกผู้ชายคนนั้นเตะออกไป : “อยากตายหรืออย่างไร ? รอให้พวกเราสนุกให้หนำใจก่อนนะแล้วค่อยว่ากัน”
มีนานอนอยู่บนโซฟาและหายใจเหนื่อยหอบด้วยความเจ็บปวด แม้กระทั่งลมหายใจที่ปล่อยออกมาก็ร้อนผ่าว เมื่อผู้ชายเดินเข้ามาใกล้ เธอก็หันหลังกลับทันที จากนั้นจึงใช้หัวเข่ากระแทกเข้าไปที่หน้าอกของชายคนนั้น
“โอ๊ย ! นังตัวดี ยังมีฤทธิ์อยู่อีกหรือ !”
ผู้ชายเหล่านั้นเมื่อสบโอกาสจึงเดินล้อมเข้าไปแล้วจับแขนขาของเธอเอาไว้ มีเสียงน้ำไหลเกิดขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งรินไวน์แดงลงไปบนตัวของเธอ ส่วนคนที่เหลือต่างหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
“ให้ฉันก่อน ให้ฉันก่อน !”
“ไสหัวไป !”
เธอรู้สึกสิ้นหวังจนแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย แต่กลับถูกคนจับคางเอาไว้
เสียงถอดเข็มขัดของผู้ชายดังขึ้นที่ข้างหู เธอรู้สึกสิ้นหวังแล้วจริง ๆ และในตอนนี้เอง มีเสียงเตะเปิดประตูห้องส่วนตัวดังขึ้น มีชายคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและสวมใส่ผ้าปิดตาข้างเดียวเดินเข้ามา เมื่อเธอเห็นผู้หญิงที่ถูกจับตัวเอาไว้ ดวงตาก็ฉายแววอำมหิตออกมาทันที : “ในสายตาของพวกแกยังมีฉันอยู่อีกไหม ?”
“พี่มังกร นี่เป็นเจตนารมณ์ของหัวหน้า”
ตุ๊บ ! พี่มังกรเตะชายคนนั้นกระเด็นออกไป แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า : “มีของอร่อยต้องให้ฉันชิมก่อน ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก !”
ไม่ช้า ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างแยกย้ายออกไปหมด
“พี่มังกรเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ชอบกินคนเดียวไม่แบ่งปัน ผู้หญิงที่สวยขนาดนั้น จุ๊ ๆ……”
“ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวหากพี่มังกรเล่นจนเบื่อแล้ว อาจจะถึงตาของพวกเราก็ได้ รอก่อนเถอะ”
“ไปไปไป พวกเราไปเล่นพนันกันสักตาก่อนเถอะ”
มีนาลืมตาที่พร่ามัว และมองดูชายที่กำลังเดินเข้ามาช้า ๆ รู้สึกเพียงว่าเขามีรูปร่างสูงใหญ่ และน่าเกรงขาม ดูแล้วทั้งรู้สึกคุ้นเคยและรู้สึกแปลกหน้า เธอรู้สึกว่าชายคนนี้แตกต่างจากพวกเศษสวะพวกนั้น ดูราวกับมีความน่าเกรงขามโดยธรรมชาติ เธอค่อย ๆ เดินถอยหลัง ความปรารถนาราวกับสัตว์ป่าที่อยู่ในตัวยังคงทวีความรุนแรง เธอหายใจเหนื่อยหอบแล้วพูดว่า : “ไสหัวไป……ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ !”
เธอโน้มตัวลงแล้วจ้องมองเธอ แววตาของความสงสารปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตา
“เธอทรมานมากใช่ไหม ? ให้ฉันช่วยเธอดีไหม ?”
“ไปให้พ้น……”
“ทำไม ? กลัวว่าณภัทรจะไม่ต้องการเธอแล้วอย่างนั้นหรือ ?”
“แก……ถ้าแกแตะต้องฉันล่ะก็ ต่อให้กลายเป็นผี ฉันก็ไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด”
“เป็นผี ? เธออยากจะตายหรืออย่างไร ? เพื่อณภัทรแล้ว มันคุ้มค่ากันหรือ ?”
“ฉันไม่มีวัน……ไม่มีวันทำให้เขาต้องเดือดร้อนเด็ดขาด !”
ชายคนนั้นจ้องเขม็งมาที่เธอ แล้วจู่ ๆ เขาก็แสยะยิ้มออกมา : “เธอรักเขาใช่ไหม ?”
มีนายกเท้าเตะไปที่เขา แต่เป็นเพราะร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงไปไม่น้อย เขาจึงจับเท้าที่ขาวนวลเนียนของเธอเอาไว้ทันที จากนั้นขึงดึงมาด้านหน้า ทำให้ตัวเธอโผเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาอาศัยจังหวะนี้ทิ้งตัวนอนลงไปบนพื้น ทั้งสองคนจึงอยู่ในท่าที่ผู้หญิงอยู่บนผู้ชายอยู่ล่าง
เขาแสยะยิ้มอย่างมีเสน่ห์ : “มีนา เพิ่งรู้ว่าคุณเป็นห่วงผมขนาดนี้”
ตัวของเธอสั่นเทา จากนั้นเธอก็ดึงผ้าปิดตาออกจากใบหน้าของเขาทันที ที่แท้เขาก็คือณภัทร ส่วนรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาที่ถูกปลอมขึ้นจนเหมือนจริง ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดูผิดเพี้ยนไป
เผียะ ! เธอยกมือขึ้นตบหน้าเขาอย่างแรงหนึ่งครั้ง : “คนบ้า ทำไมคุณถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้ ฉันเกือบจะ……”
เธอโน้มตัวลงไปทั้งจูบทั้งกัด ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้ม ราวกับผู้หญิงที่เสียสติคนหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับณภัทร เธอยินดีที่จะปล่อยให้สติสัมปชัญญะของตนเองหลุดลอยไป ไม่รู้ว่าเธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไม่ช้าเธอก็ถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมดอย่างรวดเร็ว และทนรอไม่ไหวที่จะดับไฟร้อนที่แผดเผาอยู่ในตัวเธอ
เขายิ้มพลางเลื่อนมือลงไปที่สะโพกของเธอ : “ผมคือยาของคุณ แน่จริงก็เข้ามาสิ”
“ได้ ยานั้น (ความต้องการ) ไม่อาจหยุดได้”
คงเป็นเพราะฤทธิ์ยา เธอไม่เคยตื่นเต้น เป็นตัวของตัวเอง ถึงขั้นแสดงความหยาบคายอย่างเช่นตอนนี้มาก่อน……มีต้องการอยู่ตลอดเวลาโดยไม่อยากหยุดพัก
เขาออกแรงจูบลงไปที่ริมฝีปากของเธอ เธอส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะอยู่ผิดที่ผิดทาง เขาก็อยากที่จะตบก้นของเธอเพื่อให้เธอร้องออกมาอย่างสุดเสียง
เธอนั่งคร่อมอยู่บนเอวของเขา และขยับร่างกายขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาราวกับเกลียวคลื่น ผมสีดำขลับพาดอยู่บนไหล่กลมกลึงของเธอ มีเหงื่อไหลแทรกซึมออกมาจากทั่วทั้งร่างกาย ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง ทำให้ผิวของเธอดูเปล่งปลั่งอย่างยิ่ง
ตอนนี้ฤทธิ์ยาในตัวของเธอเบาบางลงไปไม่น้อย เธอฟุบลงบนตัวของเขาแล้วสบตา : “ณภัทร ดีจริง ๆ ที่คุณมา”
“มีนา ได้พบหน้าคุณช่างดีจริง ๆ”
“คุณรักฉันไหม ?”
“พูดจาเหลวไหล ถ้าไม่รักคุณ ผมจะสู่ขอคุณเป็นภรรยาทำไม ?”
“แสดงว่าคุณวางแผนเอาไว้นานแล้ว บอกมาซิว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
เขายิ้มแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “เรื่องนี้ผมจะค่อย ๆ ตอบคุณทีหลัง แล้วคุณล่ะ รักผมไหม ?”
“คำถามนี้ฉันก็จะเก็บเอาไว้ค่อย ๆ ตอบคุณทีหลังเหมือนกัน”
เขาพลิกตัวขึ้นมานอนทับเธอเอาไว้ : “สนุกมาตั้งนาน คุณรู้สึกเหนื่อยหรือยัง ? ให้ผมมอบรางวัลให้คุณแทนนะ”